การตอบสนองของเจี่ยนหยุ่นน่าว เหมือนกับเข็มที่แทงเข้าไปในหัวใจของโม่ชืออวิ้น
ถึงเธอจะเคยคาดเดามาก่อน เมื่อถึงตอนนี้เธอก็สามารถสรุปได้อย่างสมบูรณ์ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนหยุ่นน่าวกับเธอนั้นพังทลายลงไปแล้ว
ส่วนสาเหตุที่เลิกรานั้นเจี่ยนหยุ่นน่าวไม่พูดออกมาแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะซักถามหรือทะเลาะกัน
เขาตัดสินโทษตายของเธอเพียงฝ่ายเดียวอย่างเงียบๆ
โม่ชืออวิ้นยังคงมีความหยิ่งผยองอยู่ในกระดูกของเธอ แม้จะเป็นเพียงแค่ทัศนคติของเจี่ยนหยุ่นน่าวที่เปลี่ยนไป เธอก็จะไม่ยอมลดตัวเองไปถามเขาว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้
แต่วันนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของเธอคนเดียว แต่รวมถึงแม่เธอด้วย
ดังนั้นโม่ชืออวิ้นจึงเปลี่ยนท่าทีก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและมาที่หน้าต่างรถ
“หยุ่นน่าว เกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็บอกเหตุผลให้ฉันรู้ทีสิ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม” เจี่ยนหยุ่นน่าวก็เห็นพวกเธอยืนอยู่พร้อมกระเป๋าเดินทางที่ประตูบ้านเช่นกัน นั่นหมายความว่าพวกเธอถูกเชิญออกจากบ้านตระกูลเจี่ยน
“หยุ่นน่าว เรารู้จักกันมานานกว่าสองปี แน่ใจหรือว่าต้องการเลิกติดต่อกันแบบนี้ ทั้งยังไม่ให้เหตุผลกับฉัน”
“เรารู้จักกันมากว่าสองปีแล้ว …” เจี่ยนหยุ่นน่าวพูดทวน “โม่ชืออวิ้น ฉันต้องบอกว่าฉันไม่รู้เกี่ยวกับเธอกับแม่ของเธอเลย และฉันก็ไม่สนใจในเรื่องการจ้างคนรับใช้ของครอบครัวด้วย”
เรื่องการจ้างคนรับใช้
ประโยคนี้ประโยคเดียวได้ดึงโม่ชืออวิ้นให้กลับคืนสู่ความเป็นจริงที่ขมขื่นที่สุด
คนรับใช้ กลับกลายเป็นว่าในหัวใจของเจี่ยนหยุ่นน่าวเธอเองก็ยังคงเป็นเพียงลูกสาวของคนรับใช้ในบ้านของเขา
อ่านบทล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
เธอคิดว่าในบ้านตระกูลเจี่ยน อย่างน้อยเขาก็แตกต่าง
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” โม่ชืออวิ้นดึงดัน ไม่ยอมที่จะแสดงสีหน้าเศร้า
ถึงจะเป็นลูกสาวของคนรับใช้ ก็ต้องมีความนับถือตนเองเช่นเดียวกัน
โม่ชืออวิ้นหันตัวกลับและพาแม่เธอจากไป
“แม่ เราไปกันเถอะ”
“ชืออวิ้น…” ป้าโม่ถูกลูกสาวลากออกไป เธอหันหน้ากลับมาอย่างไม่เต็มใจ เธอยังไม่ได้รอจนกว่าคุณท่านคุณนายจะกลับมา เธอยังไม่ยอมแพ้
“แม่ หยุดพูด ไปกันเถอะ” โม่ชืออวิ้นกล่าวอย่างหนักแน่น
ต่อให้พวกเธอจะออกจากบ้านตระกูลเจี่ยน พวกเธอก็จะยังอยู่ได้
แม้ชีวิตจะขมขื่นอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี
โม่ชืออวิ้นและป้าโม่เดินไปได้เพียงสิบเมตร พวกเธอมีกระเป๋าเยอะเดินไกลไม่ได้ ต้องรอให้รถมาเท่านั้น
เมื่อโม่ชืออวิ้นมองกลับไปที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน รถของเจี่ยนหยุ่นน่าวได้ขับเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยนเรียบร้อยแล้ว ประตูเหล็กขนาดใหญ่ก็ได้ปิดลงไปแล้ว
เพราะต้องรอรถบัส สองแม่ลูกต้องรอท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลานาน
ในตอนนี้ ก็มีรถคันหรูหยุดอยู่ตรงหน้าสองแม่ลูก
ตอนแรกแม่ลูกไม่ได้ดูรถ เพียงแค่คิดว่าพวกเขามาหาคนตระกูลเจี่ยนในคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน
จนกระทั่งคนในรถลงจากรถ จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนที่แต่งตัวดีเดินไปตรงข้างหน้าแม่และลูกสาว
“มิสโม่ชืออวิ้นใช่หรือเปล่าครับ”
โม่ชืออวิ้นมองไปยังชายที่พูดจาสุภาพนี้ด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเอง คุณเป็นใครกัน”
“มิสโม่ชืออวิ้นเคยพบกับหญิงตั้งครรภ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ข้างถนนเมื่อสองปีก่อน”
โม่ชืออวิ้นพยักหน้า “ฉันเคยพบ ฉันพาเธอไปโรงพยาบาล พอหมอบอกว่าเธอไม่เป็นไร ฉันจึงจากไป”
“หญิงตั้งครรภ์ที่มิสโม่ชืออวิ้นได้ช่วยไว้คือนายหญิงของผม เพราะความช่วยเหลือของคุณ นายหญิงจึงปลอดภัยรวมไปถึงเด็กในท้องก็ได้รับการช่วยชีวิต นายท่านกับนายหญิงต่างรู้สึกซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของมิสโม่ชืออวิ้นเป็นอันมาก พวกเขาจึงส่งผมออกมาตามหาคุณ แต่เนื่องจากคุณมีข้อมูลน้อยมากในตอนนั้น เราจึงต้องใช้เวลามากในการค้นหาคุณ”
โม่ชืออวิ้นตอบกลับว่า “ในสถานการณ์แบบนั้น ถึงเปลี่ยนเป็นคนอื่นฉันก็จะช่วย ด้วยนี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ”
โม่ชืออวิ้นรู้ว่าสถานการณ์ของเธอไม่สู้ดี แต่เธอไม่ต้องการขอให้คนอื่นช่วยเธอในเรื่องนั้น
ชายคนนั้นยิ้ม จากนั้นก็ถือโอกาสดูสถานการณ์ของโม่ชืออวิ้นและโม่ฮุ่ยฉิง กระเป๋าเดินทางรอบตัวพวกเธอได้อธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเธอได้อย่างชัดเจน
ชายคนนั้นยิ้มและพูดกับทั้งสองคน “หลังจากวันนั้นนายหญิงก็ได้แต่คิดถึงคุณ คงจะดีมากเลยถ้ามิสโม่ชืออวิ้นจะให้ความร่วมมือมากับผม ให้นายหญิงได้สมความประสงค์ของเธอ ในเวลาเดียวกันมิสโม่ชืออวิ้นก็จะได้เห็นลูกที่คุณได้ช่วยชีวิตไว้ด้วย”
ชายคนนั้นเข้าใจถึงความทระนงในศักดิ์ศรีของโม่ชืออวิ้นเป็นอย่างดี
ให้โม่ชืออวิ้นไม่ต้องมีภาระทางจิตใจ
โม่ชืออวิ้นลังเลอยู่พักหนึ่ง
แต่เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันของแม่แล้ว โม่ชืออวิ้นจึงเลือกที่จะยอมรับ
“ตกลง”
ชายคนนั้นเชื้อเชิญโม่ชืออวิ้นให้เข้าไปในรถด้วยความเคารพและสุภาพและช่วยพวกเธอจัดการกระเป๋า
สำหรับป้าโม่และโม่ชืออวิ้น นี่คือตกนรกในวินาทีแรกและขึ้นสวรรค์ในวินาทีที่สอง
ประสบการณ์วันนี้สุดขั้วเป็นอย่างมาก
###
วันหยุดสุดสัปดาห์ ปู่เจี่ยนกำลังจะเข้าร่วมนิทรรศการกล้วยไม้และเขายังพาเจี่ยนอีหลิงไปด้วยเป็นพิเศษ
เนื่องจากชายชราพบว่าหลานรักของเขายังทำงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกดอกไม้ โบตั๋น พืชอวบน้ำ กล้วยไม้ และเบญจมาศทุกชนิด และดูเหมือนว่าเธอปลูกได้ดีกว่าเขาเสียอีก
สิ่งที่ชายชราเจี่ยนไม่คาดคิดก็คือเขาจะพาเจี่ยนอีหลิงไปงานนิทรรศการกล้วยไม้เท่านั้น แต่เมื่อเขาออกเดินทาง เขาก็เจอกับคนทั้งครอบครัว
ปู่เจี่ยนมองไปที่ลูกชายคนโต ลูกสะใภ้คนโต หลานชายคนโตเจี่ยนหยุ่นเฉิง และหลานชายคนที่เจ็ดเจี่ยนหยุ่นน่าว
“หรือว่าบริษัทตระกูลเจี่ยนของฉันปิดแล้ว ไม่ทำธุรกิจกันต่อแล้วเหรอ”
เจี่ยนชูฉิงรีบอธิบาย “ไม่ครับพ่อ ตระกูลของเราธุรกิจดีมาก ปีนี้การขายของเราเพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ปู่เจี่ยนหัวเราะเบาๆ “อืม ฉันคิดว่าเป็นเพราะบริษัทของเราล้มละลายเสียอีก ดังนั้นพวกนายเลยไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาดูงานดอกไม้กับชายชราคนนี้”
เจี่ยนชูฉิงมีสีหน้าลำบากใจอยู่บ้าง
ผู้เฒ่าไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย
ปู่เจี่ยนบ่นเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้ห้ามพวกเขาไม่ให้ติดตาม
ผลสุดท้าย ทุกคนจึงไปที่ห้องโถงนิทรรศการกล้วยไม้ด้วยกัน
กล้วยไม้หายากและมีค่าหลายชนิดถูกจัดแสดงในงานนิทรรศการ
เจี่ยนอีหลิงและปู่เจี่ยนให้ความสนใจกับดอกไม้มาก
เมื่อปู่เจี่ยนพูดถึงกล้วยไม้ เจี่ยนอีหลิงก็ฟังเขาอย่างตั้งใจ
สิ่งนี้ทำให้ปู่เจี่ยนมีความสุขมาก เขารู้สึกว่าไม่มีใครที่บ้านเข้าใจเขาเลย และเมื่อตอนนี้หลานรักคนโปรดเขากลับฟังเขาคุยเรื่องกล้วยไม้อย่างอดทน อารมณ์เขาจึงเบิกบานเป็นพิเศษ
คนอื่นๆกลับเป็นขี้เหล้าที่ใจไม่อยู่กับแก้ว*
โดยเฉพาะเจี่ยนหยุ่นน่าว สายตาของเขาไม่เคยห่างจากเจี่ยนอีหลิง
เขาตามหลังเธอมาก็ได้เพียงแค่มองดูเธอเท่านั้น
สิ่งที่เขาอยากจะบอกกับเธอก่อนออกที่จะออกเดินทาง กลับไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้
ความขมขื่นและรสชาติของอารมณ์นั้นไม่อาจพรรณนาได้
หลังจากเตร็ดเตร่ดูในงานสักพัก ชายชราเจี่ยนค่อยพาเจี่ยนอีหลิงไปบริเวณส่วนที่เป็นสวนพักผ่อนเพื่อกินและดื่ม
ในที่สุดเจี่ยนชูฉิงและพวกก็สบโอกาสที่จะนั่งกับเจี่ยนอีหลิง
เวินน่วนนำขนมทุกชนิดที่เธอชอบมาให้เจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงกล่าวขอบคุณ เธอทั้งดูนิสัยดีและสุภาพ
แต่เพราะเนื่องจากสุภาพเกินไป จึงดูเหินห่างและแปลกแยก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ย่อมเป็นการเชือดเฉือนใจของพวกเขา
แต่เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ก็มีคนรู้จักเข้ามาหา
คนนี้เป็นเพื่อนเล่นดอกไม้ของปู่เจี่ยน เป็น CEO ของบริษัทจดทะเบียน
—————————————–
醉翁之意不在酒 ขี้เหล้าที่ใจไม่อยู่กับแก้ว * มีความหมายประมาณว่า มีแรงจูงใจภายนอก มีสิ่งอื่นอยู่ในใจ