เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 265-266

 

“ผมพอแก่ตัวขึ้น บางอย่างก็ต้องปล่อยวางบ้าง บางครั้งการตื่นรู้ก็เป็นสิ่งจำเป็น อย่ากดดันตัวเองมากจนเกินไป”

 

ไม่เพียงแต่ปู่เจี่ยนจะกลายเป็นพระพุทธเจ้าไปเสียเอง แต่เขาก็ยังพูดกับคุณเฉียนถึงเซนด้วย

 

ขณะที่คุณเฉียนรู้สึกว่าเขาควรจะเรียนรู้จากปู่เจี่ยนอยู่นัั้น

 

เจ้าหน้าที่เข้ามาและพูดกับปู่เจี่ยนว่า “ท่านผู้เฒ่าเจี่ยน คุณไม่คิดจะขายกล้วยไม้นี้จริงเหรอ มีคนมากกว่าหนึ่งคนที่เสนอต่อโชว์รูมของเราว่า พวกเขายินดีจ่ายในราคาที่สูงมากๆเพื่อซื้อมัน”

 

“ไม่ ไม่ขาย ไม่ขายไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ตาม”

 

ปู่เจี่ยนมีความตั้งใจแน่วแน่ และพนักงานทำได้แค่เพียงกลับไปโดยไม่ประสบความสำเร็จ

 

คุณเฉียนทำตาโตอยู่ตลอดเวลา “ผู้เฒ่า นี่อะไรกัน คุณนำกล้วยไม้สายพันธุ์ใหม่นี้มาเองเหรอนี่”

 

ปู่เจี่ยนเชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจที่เขียนชัดอยู่บนใบหน้า “ใช่ นี่ไม่เหมือนใครในโลก มีเพียงหนึ่งเดียวและเป็นของผมคนนี้”

 

“คุณได้รับมันมาจากไหน” คุณเฉียนรีบถาม ความอยากรู้อยากเห็นกำลังครอบงำเขา

 

“ผมไม่บอกคุณหรอก”

 

“ไม่เอาน่าผู้เฒ่าเจี่ยน คุณก็เกินไป จะบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันด้านดอกไม้มาหลายปีได้ยังไง ในเมื่อคุณมีกล้วยไม้ที่ดีที่สุดหลากหลายสายพันธุ์ แต่คุณไม่แม้จะเปิดเผยให้ผมรู้แม้แต่น้อย”

 

“เปิดเผยให้คุณอิจฉามากขึ้นเหรอ”

 

“เอ่อ …” คุณเฉียนพบว่าคำพูดของผู้เฒ่าเจี่ยนนั้นถูกต้อง แค่ตอนนี้เขาก็รู้สึกอิจฉาแล้ว

 

ไม่ใช่แค่คุณเฉียนเท่านั้นที่อยากรู้อยากเห็น แต่เจี่ยนชูฉิงกับคนอื่นๆก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน

 

เจี่ยนชูฉิงอดไม่ได้ที่จะถามพ่อว่า “พ่อลงทุนกับงานวิจัยนี้เท่าไหร่เหรอ”

 

โดยทั่วไปแล้วการปรับปรุงสายพันธุ์ใหม่ต้องใช้บุคลากรเฉพาะทางในการทำการวิจัย

 

ปู่เจี่ยนเหลือบมองเจี่ยนชูฉิง เวินน่วน เจี่ยนหยุ่นเฉิง และเจี่ยนหยุ่นน่าวที่งงงวยและตอบช้าๆ

 

“นานมากแล้ว เริ่มลงทุนเมื่อ 15 ปีก่อนและใช้เงินค่อนข้างมากโขอยู่”

 

“ทำไมผมไม่เคยได้ยินพ่อเกริ่นถึงเลย” นานมากขนาดนี้แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ข่าวคราวอะไรเลย พ่อซ่อนมันไว้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหม

 

“ฉันเป็นพ่อของแก ฉันต้องรายงานอะไรให้แกรู้ทุกเรื่องหรือไง”

 

เจี่ยนชูฉิงถูกปู่เจี่ยนพูดสกัดเอาไว้

 

เจี่ยนชูฉิงไม่กล้าถามอะไรอีก หลังจากงานแสดงกล้วยไม้จบลงพวกเขาก็พาพ่อไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีนใกล้ๆ

 

เจี่ยนอีหลิงยังคงเงียบในระหว่างงานเลี้ยง และพวกเจี่ยนชูฉิงเองก็ยังคงล้มเหลวในการสร้างความคืบหน้า

 

แต่อย่างน้อยวันนี้เจี่ยนหยุ่นน่าวกับเจี่ยนอีหลิงก็เข้ากันได้ทั้งวันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นพัฒนาการขึ้นมาได้ระดับหนึ่งเช่นเดียวกัน

 

###

 

ถัดจากนั้นไป เจี่ยนอีหลิงก็เข้าสู่การสอบกลางภาคเรียนแรกของเธอ

 

วันรุ่งขึ้นหลังจากการสอบสิ้นสุดลง

 

ก่อนจะไปโรงเรียน เจี่ยนหยุ่นน่าวได้เตรียมของขวัญเป็นพิเศษ และนำไปโรงเรียนตั้งใจจะมอบให้เจี่ยนอีหลิง

 

เหตุผลก็เพื่อเป็นการฉลองจบการสอบกลางภาคของเจี่ยนอีหลิง

 

แม้ว่าผลจะยังไม่ออกมา แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเจี่ยนหยุ่นน่าวได้พบเหตุผลสำหรับการให้ของขวัญ

 

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า เขาจะส่งมันออกไปได้สำเร็จหรือไม่

 

ในตอนเที่ยง เขาใช้เวลาพักผ่อนของทุกคนให้เป็นประโยชน์ และมาที่ประตูของโรงเรียนมัธยมปลายเกรดแปด

 

เขออ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน มองไปยังเจี่ยนอีหลิงที่อยู่ในห้องเรียน เขาไม่ได้โทรหาหรือขอให้นักเรียนเกรดแปดช่วยเรียกเจี่ยนอีหลิง

 

ตอนนี้เจี่ยนอีหลิงและหูเจียวเจียวกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งของตัวเอง

 

เจี่ยนอีหลิงกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง แม้ในช่วงพักกลางวันเธอก็ใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่

 

“อีหลิง” หูเจียวเจียวฟุบตัวลงนอนบนโต๊ะ

 

เจี่ยนอีหลิงหันไปมองเธอ …

 

 

“อีหลิง ทำไมเธอถึงมีการบ้านไม่รู้จบกับการสอบที่ไม่รู้จบอยู่ตลอดชีวิต ฉันยังรู้สึกว่าการสอบเดือนที่สองเพิ่งผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ การสอบกลางภาคก็จะมาทำลายชีวิตฉันอีกแล้ว”

 

เมื่อนึกถึงผลการสอบในอีกสองวันข้างหน้า หูเจียวเจียวก็หมดแรง

 

หวังเซี่ยงจ้งมาส่งสมุดการบ้านคณิตศาสตร์คืนให้หูเจียวเจียว เมื่อได้ยินหูเจียวเจียวบ่นเขาก็รู้สึกรังเกียจ

 

“ทำอะไรไม่ได้ ก็บ่นเป็นอันดับแรก”

 

“หึ” หูเจียวเจียวนอนอยู่บนโต๊ะโดยไม่ขยับ และหันไปหาหวังเซี่ยงจ้ง ตอนนี้เธอไม่แม้จะสนใจที่จะไปโต้เถียงกับเขา

 

เมื่อหวังเซี่ยงจ้งส่งการบ้านให้กับเจี่ยนอีหลิง เขาก็พูดกับเจี่ยนอีหลิง

 

“บางคนก็อย่าลืมเดิมพันที่ทำไว้กับฉัน นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอทำการบ้านคณิตศาสตร์ของเธอผิดมากน้อยเท่าไหร่ ฉันคิดว่าเธอควรยอมรับความพ่ายแพ้โดยเร็วที่สุด”

 

การบ้านของเจี่ยนอีหลิง สามารถใช้คำว่า “ยุ่งเหยิง” มาอธิบายได้

 

หวังเซี่ยงจ้งพูดจบ ก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูสีหน้าหมดหวังของเจี่ยนอีหลิง

 

แต่สุดท้าย ดูเหมือนว่าเจี่ยนอีหลิงจะไม่ได้ยินเขา

 

หวังเซี่ยงจ้งจึงพูดต่อไปว่า “แกล้งทำท่าต่อไปเถอะ”

 

เจี่ยนอีหลิงไม่สนใจหวังเซี่ยงจ้ง เมื่อหวังเซี่ยงจ้งไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ เขาจึงได้แต่หันหน้าและเดินจากไป

 

หูเจียวเจียวบ่นต่อไปว่า “ฉันอยากเล่นเกม อยากเป็นปลาเค็ม*ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบการเรียน แต่ความรักข้างเดียวมันเจ็บปวดเกินไปฉันรักที่จะเรียนรู้ แต่การเรียนรู้ไม่เคยเต็มใจที่จะมองกลับมาที่ฉันและรักฉันบ้างเลยสักนิด ท้ายที่สุดฉันก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เขากลับมาหลงใหลฉันได้ ทำไมฉันไม่ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้และอยู่ให้ห่างจากการเรียน …”

 

ดูเหมือนว่าหูเจียวเจียวจะได้รับความเจ็บปวดจากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ จึงเป็นแรงกระตุ้นให้เธอระบายความขุ่นเคืองออกมาในตอนนี้ ราวกับว่าเธอกำลังอกหักจากพวกคนเลว

 

หลิวเหวินก็อยู่ตรงนั้น “ถึงไม่ชอบเรียนเธอก็เล่นเกมไม่เก่งอยู่ดี”

 

หูเจียวเจียวยิ่งเศร้ากว่าเดิม “พี่สาวเหวิน ฉันคิดว่าพระเจ้าส่งพี่มาทรมานฉันแน่เลย ถึงแทงถูกใจดำฉันได้ทุกครั้ง ตอนนี้หัวใจของฉันคนนี้มันพรุนไปด้วยรูนับพัน แปดร้อยรูนั้นถูกพี่แทง ที่เหลืออีกสองร้อยนั้น หนึ่งร้อยถูกเจาะโดยแม่ฉัน กับอีกหนึ่งร้อยถูกครูเจาะ”

 

หูเจียวเจียวนอนฟุบอยู่บนโต๊ะไม่ยอมลุกขึ้น

 

“เจี่ยนอีหลิง พี่ชายเธอกำลังตามหาเธอ”

 

เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่ใกล้ประตูห้องเรียนเรียกเจี่ยนอีหลิง

 

เจี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองไปที่ประตู

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวถืออะไรบางอย่างในมือ สีหน้าเขาดูประหม่าเล็กน้อย

 

ในเวลานี้นักเรียนชั้นมัธยมปลายจำนวนมากกำลังดูเจี่ยนอีหลิง

 

หลังจากเหตุการณ์ที่แล้ว ทุกคนมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับพี่น้องคู่นี้มานาน และทุกคนก็ยังสงสัยเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของทั้งสองอยู่บ้าง

 

ภายใต้การจ้องมองของนักเรียน เจี่ยนอีหลิงเดินไปที่ประตู

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวส่งของขวัญให้กับเจี่ยนอีหลิง “ยินดีด้วย ขอแสดงความยินดีที่สอบมิดเทอมเสร็จ”

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของเจี่ยนอีหลิงโดยตรง

 

กลัวเห็นความขยะแขยงในสายตาเธอ

 

เจี่ยนอีหลิงเหลือบมองไปที่ของขวัญที่เขายื่นให้ตรงหน้า ชะงักชั่วขณะ แล้วยื่นมือไปรับ

 

“ขอบคุณ”

 

คำว่า “ขอบคุณ” ทั้งสุภาพและใจดี

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่สามารถบอกได้ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่แม้แต่น้อย

 

แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง

 

เจี่ยนอีหลิงหันหลังเดินกลับไปที่ห้องเรียน

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวมองตามหลังของเจี่ยนอีหลิงที่กำลังกลับไปที่ห้องเรียน ความรู้สึกในใจของเขาขมขื่นยิ่งกว่ายาจีนที่เขาเคยกินมาก่อน

 

เขาไม่สามารถพูดในสิ่งที่เขาเตรียมที่จะพูดกับเธอได้สักคำ

 

เจี่ยนหยุ่นน่าวลังเลที่ประตูสักพักก่อนจะเดินจากไป

————————-

 

เป็นปลาเค็ม * ก็คือไม่อยากทำอะไรเลย

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset