“นายท่านเชิ่ง” ฉินหยูฝานร้องออกมา น้ำเสียงเธอตื่นเต้นและมีความสุขขณะที่เธอพูดแบบนี้ “ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาแล้ววันนี้”
อารมณ์ของจ๋ายหวินเชิ่งนั้นไม่เคยคงที่มาโดยตลอด เมื่อเจอการเชื้อเชิญ เขาจะไปหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์เขา
ต่อให้เป็นตระกูลฉินที่เชิญเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจไป
ฉินหยูฝานรอคอยความเป็นไปได้ที่จะเห็นจ๋ายหวินเชิ่งในงานเลี้ยงวันนี้ เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจริงๆ
ดังนั้นเธอจึงมีความสุขมากที่ได้พบเขา
จ๋ายหวินเชิ่งมองดูฉินหยูฝาน ริมฝีปากเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย และรอยยิ้มของเขาก็มีนัยของการดูถูกและเหยียดหยาม
จากนั้นเขาก็หันกลับไปและหาที่นั่ง เขาไม่ได้ตอบฉินหยูฝาน
โดยปกติแล้ว พฤติกรรมของจ๋ายหวินเชิ่งจะถือว่าค่อนข้างหยาบคาย ทุกคนในงานเลี้ยงเฝ้าดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างจ๋ายหวินเชิ่งและฉินหยูฝานด้วยความกลัวและกังวล
อย่างไรก็ตามตระกูลฉินเคยชินแล้ว นอกจากนี้ ฉินหยูฝานก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรหยาบคายเกี่ยวกับพฤติกรรมของจ๋ายหวินเชิ่ง
ฉินหยูฝานไม่ท้อถอยกับพฤติกรรมของจ๋ายหวินเชิ่ง เธอยังคงถือโอกาสที่จะคุยกับจ๋ายหวินเชิ่งก่อน “นายท่านเชิ่ง คุณวางแผนที่จะอยู่ในเมืองเหิงหยวนนานแค่ไหน”
จ๋ายหวินเชิ่งหรี่ตา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หันหน้าไปมองฉินหยูฝาน “มิสฉินแน่ใจเหรอว่าไม่ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนกับพี่ชายคุณ งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของเขา”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินหยูฝานไม่ลดลงเลย อย่างไรก็ตาม ประกายในดวงตาเธอหม่นหมองลงอย่างมาก
“ใช่ งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นก็เพื่อประโยชน์ของเขา แต่ยังไงก็ตาม เขาก็สามารถจัดการกับคนอื่นๆได้ เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน”
ฉินหยูฝานไม่ได้เรียกฉินชวนว่า ‘พี่ชาย’ แม้ว่าเธอจะมาร่วมงานเลี้ยงวันนี้พร้อมกับฉินชวน แต่ดูเหมือนว่าในใจเธอจะยังไม่ยอมรับตัวตนของฉินชวนได้จริงๆ
ต่อจากนี้ฉินหยูฝานจึงชวนจ๋ายหวินเชิ่งเต้นรำ “นายท่านเชิ่ง คุณอยากจะเต้นรำด้วยกันบนฟลอร์ไหม”
จ๋ายหวินเชิ่งแค่นเสียงก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผู้ชายเป็นฝ่ายชวนผู้หญิงก่อนสำหรับเรื่องประเภทนี้เหรอ”
มันเป็นเช่นนี้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ฉินหยูฝานรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จ๋ายหวินเชิ่งจะเป็นฝ่ายเชื้อเชิญหญิงสาวเต้นรำ
ดังนั้นเธอจึงถือโอกาสเชื้อเชิญเขา
เธอไม่คิดมากกับการที่จะถือโอกาสแบบนี้
ร่างของฉินหยูฝานเต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอไม่กลัวการปฏิเสธหรือสายตาของคนอื่น
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็ไม่ต้องการการตัดสินของคนอื่น ในการตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดี
“เดี๋ยวก่อน ถ้าเช่นนั้นคุณวางแผนที่จะเชิญฉันใช่ไหม” ฉินหยูฝานถาม ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ถ้าจ๋ายหวินเชิ่งพูดแบบนั้นก็หมายความว่า วันนี้เขาอาจจะคิดริเริ่มถือโอกาสที่จะชวนคนอื่นมาเต้นด้วยใช่ไหม
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
ในตอนนี้ เวินน่วนและเจี่ยนชูฉิงรู้สึกอึดอัดใจมากทีเดียว ตอนแรกพวกเขาวางแผนที่จะอยู่ที่มุมเดียวกับลูกสาว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าทุกคนจะมาที่มุมนี้
นอกจากนี้ ผู้คนที่ยืนอยู่ที่นี่ต่างมาจากตระกูลจ๋ายและตระกูลฉิน เพียงแค่การปรากฏตัวของอีกฝ่ายก็สร้างความกดดันให้กับพวกเขาอย่างมาก
ดังนั้นทั้งสองคนจึงต้องการพาเจี่ยนอีหลิงไปที่อื่น
อย่างไรก็ตาม จ๋ายหวินเชิ่งพลันหันหน้ามาถามเจี่ยนอีหลิงว่า “คุณหนูเจี่ยน เธอต้องการมาเป็นเพื่อนฉันเต้นรำไหม”
ทันทีที่จ๋ายหวินเชิ่งพูดแบบนี้ สายตาของผู้คนโดยรอบก็ตกลงไปที่ีเจี่ยนอีหลิงโดยพร้อมเพรียงกัน
ในหมู่พวกเขา สายตาของฉินหยูฝานนั้นขมขื่นและเย็นชาเป็นพิเศษ
ชาวเมืองเหิงหยวนไม่รู้เรื่องนี้ แต่ฉินหยูฝานรู้ดีว่า จ๋ายหวินเชิ่งไม่เคยขอผู้หญิงเต้นรำ
เด็กหญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมนายท่านเชิ่งถึงขอให้เธอเต้น
หัวใจของเจี่ยนชูฉิงและเวินน่วนกระดอนขึ้นไปที่ลำคอ
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จ๋ายหวินเชิ่งจะขอลูกสาวของพวกเขาเต้นรำ
ทุกคนรอการตอบของเจี่ยนอีหลิงรวมไปถึงจ๋ายหวินเชิ่ง
“ฉันไม่รู้วิธีเต้นรำ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ เธอปฏิเสธจ๋ายหวินเชิ่งอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไร ฉันจะสอนเธอเอง” จ๋ายหวินเชิ่งตอบกลับ เขาไม่รังเกียจที่จะเป็นครูสอนเต้นให้กับเธอ
ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ จ๋ายหวินเชิ่งก็ลุกขึ้นยืนตรงหน้าเจี่ยนอีหลิง เขาทำท่าทางของสุภาพบุรุษที่ชวนผู้หญิงให้มาเต้นรำ
หากเจี่ยนอีหลิงปฏิเสธอีกครั้ง สถานการณ์ก็จะกลายเป็นความอึดอัดขึ้นมาจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธอปฏิเสธจ๋ายหวินเชิ่งอีกครั้ง ความสนใจครึ่งหนึ่งของผู้คนทั้งหมดก็จะตกอยู่ที่เขาในวันนี้
ถ้าเป็นคนแปลกหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าเธอในวันนี้ เจี่ยนอีหลิงคงไม่คิดซ้ำสองว่าคนแปลกหน้าคนนั้นจะอายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นี่คือจ๋ายหวินเชิ่ง ที่ผ่านมาจ๋ายหวินเชิ่งเคยช่วยเหลือเธอหลายครั้ง ดังนั้นเจี่ยนอีหลิงจึงไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อคำขอของเขาได้
หลังจากชั่งน้ำหนักการเลือกของเธอแล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ลุกขึ้นและวางมือข้างหนึ่งบนฝ่ามือของจ๋ายหวินเชิ่ง
เมื่อฝ่ามือของเธอสัมผัสมือเขา เจี่ยนอีหลิงก็สะดุ้งไปชั่วขณะ
จ๋ายหวินเชิ่งมองลงไปที่มือขาวนุ่มในฝ่ามือของเขา เขาดึงเธอเบาๆอย่างสุภาพและพาเธอไปที่ฟลอร์เต้นรำ
เจี่ยนชูฉิงและเวินน่วนเฝ้าดูลูกสาวของพวกเขาจากไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ลูกสาวของพวกเขาได้รับเชิญให้ไปเต้นรำกับชายที่อันตราย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวล
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะกังวล แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือเฝ้าดู ในโอกาสเช่นนี้ เป็นเรื่องสมควรที่ผู้ชายจะเชิญผู้หญิงมาเต้นรำ ในเมื่อเจี่ยนอีหลิงได้ตกลงที่จะเต้นรำกับจ๋ายหวินเชิ่ง ทั้งสองคนก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้มากนัก
ฉินชวนก็ตั้งใจจะเดินไปที่มุมของเจี่ยนอีหลิง อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางไปที่นั่น เขาถูกคนสองสามคนรั้งตัวไว้ คนเหล่านี้แสดงความยินดีและหยอกล้อกับเขา หลังจากนั้น เขาก็เห็นเจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำด้วยกัน
ฉินชวนถามคนรอบข้าง และก็พบว่าชายคนนั้นก็คือจ๋ายหวินเชิ่ง
ฉินหยูฝานไม่ถือหากจ๋ายหวินเชิ่งจะปฏิเสธคำเชิญของเธอ อย่างไรก็ตาม แต่เธอคิดกับการที่จ๋ายหวินเชิ่งได้เชิญหญิงอื่นไปเต้นรำหลังจากที่ปฏิเสธเธอแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยูฝานได้มองหญิงสาวอื่นแบบนี้
นี่เป็นเด็กสาวที่ดูอ่อนกว่าเธอหลายปี
เป็นครั้งแรก ที่ฉินหยูฝานรู้สึกอิจฉา
จ๋ายหวินเชิ่ง ที่ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้เขาได้ กลับขอให้เด็กสาวคนหนึ่งเต้นรำกับเขา
เหอเยี่ยนก็ยังมองไปที่ฉากตรงหน้าเธอเช่นเดียวกัน เธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอะไร
สิ่งเดียวที่เธอสามารถพูดได้ก็คือ เจี่ยนอีหลิงมีไหวพริบเหลือเกิน ภายนอกดูนุ่มนวลและอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง อีกฝ่ายนั้นคิดวางแผนและเขี้ยว ไม่เช่นนั้นทำไม จ๋ายหวินเชิ่งถึงตกหลุมรักลงไปได้
จากนั้น เหอเยี่ยนก็เหลือบมองไปยังเวินน่วน เมื่อเธอเห็นสีหน้ากังวลบนใบหน้าของเวินน่วน เธอก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยอยู่ในใจ
พี่สะใภ้ของเธอแสดงท่าทางเก่งจริงๆ มีลูกสาวที่มีความสามารถมาก มีความสามารถมากจนกระทั่ง สามารถปีนเข้าสู่อ้อมแขนของนายท่านเชิ่งได้ และจากนั้น เวินน่วนก็แสร้งทำเป็นกังวล เห็นได้ชัดว่าในใจของเวินน่วนนั้นรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้มาก
ตอนนี้ความสนใจของห้องจัดเลี้ยงทั้งหมดตกไปอยู่ที่จ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิง
นี่เป็นสิ่งที่หายาก หายากเหลือเกิน
นายท่านเชิ่งจากเป่ยจิงกำลังเต้นรำกับเด็กสาวที่มีชอบกดขี่และไร้เหตุผลของตระกูลเจี่ยน
หลังจากเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำแล้ว จ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงก็ไม่สนใจสายตาของคนอื่นอีก
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้วิธีเต้นจริงๆ ดังนั้น จ๋ายหวินเชิ่งจึงเริ่มสอนเธออย่างอดทน
จากนั้น จ๋ายหวินเชิ่งก็สังเกตเห็นว่า เจี่ยนอีหลิงนั้นเต้นรำได้อย่างเงอะงะเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าการใช้นิ้วได้อย่างว่องไวนั้น ไม่มีความสัมพันธ์กับทักษะการเต้นของพวกเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบข้อบกพร่องอย่างหนึ่งของเธอแล้ว
ดังนั้นจ๋ายหวินเชิ่งจึงเริ่มหัวเราะ
เขาก้มหน้าลง แล้วกระซิบข้างหูของเจี่ยนอีหลิงว่า “ถ้าเธอไม่รู้วิธีเต้นจริงๆก็แค่เหยียบรองเท้าฉัน ฉันจะพาเธอไปเอง”
ในขณะที่จ๋ายหวินเชิ่งพลันเข้าใกล้เจี่ยนอีหลิงมากเกินไปนั้น ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อ
“ไม่ อย่า…อย่าเข้ามาใกล้เกินไป”
เสียงเธอนุ่มนวลและเขินอายเหลือเชื่อ
รอยยิ้มของจ๋ายหวินเชิ่งกว้างขึ้นขณะที่เขาถาม “หรือว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเต้นรำกับผู้ชาย”
“ใช่”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ จ๋ายหวินเชิ่งก็ยิ้มมากยิ่งขึ้น “จริงๆแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเต้นรำกับผู้หญิงเหมือนกัน”
“ถ้างั้นแล้ว นายเต้นรำกับใครมาก่อน”
เห็นได้ชัดว่าจ๋ายหวินเชิ่งรู้วิธีเต้นรำ เขาเต้นรำเก่งมาก