ตอนที่ 909 สร้างกระแส
เฉาหยวนเต๋อหันไปกวักมือเรียกหยางโป “ พวกเราไปคุยกันทางนี้ แค่สองประโยคเท่านั้น”
หยางโปโบกมือ ข้างกายเขามีหลินหลินผู้เป็นแม่ ชุยชื่อหยวนและชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องปิดบัง “ พูดกันที่นี่แหละ !”
เฉาหยวนเต๋อมีอาการลังเลเล็กน้อยและหันมองดูพวกเขา “ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอพูดตามตรงเลยแล้วกัน นายเป็นคนนําหัวงูทองสัมฤทธิ์มา ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว ฉันไม่ควรตักเตือนนายแบบนี้
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่าทุกคนต่างก็ร่วมมือปกป้องสมบัติของชาติด้วยกัน ความรู้สึกนี้มันสุดยอดมาก แต่นายเคยคิดไหม ถ้าความลับถูกเปิดเผยออกมาว่าหัวงูทองสัมฤทธิ์นี้เป็นของนายเอง ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ?”
หยางโปคิดถึงปัญหานี้มานานแล้ว และเขาก็รู้ถึงผลที่จะตามมาอย่างชัดเจนดี “ จะมีพวกเกรียนคีย์บอร์ดจํานวนมากประณามผมทางอินเทอร์เน็ต และผู้คนที่ผ่านเรื่องราวลําบากบนเครื่องบินมาด้วยกัน ก็จะทําเหมือนกัน ! ”
เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า “ ฉันนึกว่านายจะไม่รู้ปัญหานี้ แล้วนายคิดจะจัดการกับหัวงูทองสัมฤทธิ์ยังไงต่อ ? “
หยางโปเกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อย อันที่จริงแล้ว เขารู้สึกลังเลอยู่ไม่น้อย ว่าควรจะบริจาคดีไหม เขายังคงต้องคิดให้รอบคอบก่อน
ชุยชื่อหยวนเคยประสบพบเจอกับเรื่องตราหยกครั้งก่อน เขารู้สึกผิดมาโดยตลอดว่าตัวเอง ไม่สามารถปกป้องหยางโปเอาไว้ได้ ทําให้เขาต้องส่งมอบตราหยกไป ครั้งนี้เขาจะเสียใจต่อการกระทําอีกครั้งไม่ได้ “ เสี่ยวโป ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงพ่อก็จะสนับสนุน หากลูกไม่อยากจะ มอบให้ ตอนนี้ลูกก็แค่พยักหน้า พ่อจะช่วยลูกแก้ปัญหาที่เหลือเอง !”
ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไร เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะออกความเห็นได้
หลินหลินก็รู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น หายใจหอบถี่ขึ้นมาเล็กน้อย “ นี่คือสิ่งที่เสี่ยวโปใช้ชีวิตแลกมา
จะมอบให้ง่ายๆไม่ได้แน่นอน !”
เฉาหยวนเต๋อถึงกับตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขาทําเพื่อประโยชน์ของหยางโป แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับพ่อแม่คู่หนึ่งที่ปกป้องโดยไม่สนเหตุผลแบบนี้เลย !
เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองไปที่ซุยชื่อหยวน ชุยชื่อหยวนยังอายุน้อยกว่าเขาไปสักสองสามปีได้
แต่หน้าที่ทางการงานสูงกว่าเขาไปหนึ่งขั้น ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง
ชุยชื่อหยวน ควรจะมีความคิดที่ก้าวไกล และควรสนับสนุนให้หยางโปมอบหัวงูทองสัมฤทธิ์ให้
แต่ชุยชื่อหยวนกลับคิดที่จะปกป้องเอาไว้โดยไม่สนเหตุสนผลแม้แต่น้อย !
“ ท่านรัฐมนตรีชุย เรื่อง เรื่องนี้จะต้องเกิดความปั่นปวนโกลาหลขึ้นมาอย่างแน่นอน กลัวว่าความคิดเห็นของประชาชนในประเทศคงไม่ปล่อยหยางโปไปง่ายๆแน่ ต่อให้จะคิดไตร่ตรองเพื่ออนาคตในภายภาคหน้าของเขา ยังไงเขาก็ต้องส่งมันออกมาอยู่ดี” เฉาหยวนเต๋อพูดโน้มน้าวและเกลี้ยกล่อม
แน่นอนว่าชุยชื่อหยวนเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดี ถึงกระทั่งที่ว่ามองออกอย่างแจ่มแจ้งกว่า
เฉาหยวนเต๋อ แต่ในใจของเขารู้สึกผิดต่อหยางโปมาก และเขาอยากจะชดเชยความเป็นห่วงเป็นใยนี้ให้
หยางโปลังเลมาก หลังจากผ่านไปสักพักในที่สุดเขาก็เงยหน้ามองไปทางเฉาหยวนเต๋อ
“ ครั้งนี้ ผมไม่คิดจะมอบให้ ” เฉาหยวนเต๋อทําหน้าตกใจ “ นายไม่คิดที่จะมอบให้ ? แต่ถ้านายส่งมอบของมาตําแหน่งในสํานักงานบริหารมรดกทางวัฒนธรรมของนายก็จะยกระดับขึ้น อีกขั้นหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถนําชื่อเสียงมากมายมาให้นายได้อีกด้วย นายแน่ใจจริงๆแล้วใช่ไหม ?
หยางโปพยักหน้า “ ผมวางแผนที่จะเริ่มโครงการพิพิธภัณฑ์ที่จินหลิง !”
“ นายจะสร้างพิพิธภัณฑ์เอง ? ” เฉาหยวนเต๋อผงะไปครู่หนึ่งและมีสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ผมจะสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น !”
เฉาหยวนเต๋อทําสีหน้าตกใจ เขาจ้องไปที่หยางโปตาเขม็งเป็นเวลานาน
“ การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์มีระยะเวลาที่ยาวนาน ผมมีที่ดินอยู่ผืนหนึ่งทางนั้น อย่างน้อยคงใช้เวลาสองสามปีกว่าจะสร้างเสร็จ ผมสามารถลงนามในสัญญาเช่ากับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสาม ปีก่อนได้รอจนกระทั่งวันที่พิพิธภัณฑ์สร้างเสร็จสมบูรณ์ผมค่อยนํากลับมา ” หยางโปเสนอ
เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” ถ้าในกรณีนี้ มันจะดีกว่ามาก !”
ชุยชื่อหยวนพยักหน้าและรู้สึกพึงพอใจมาก หยางโปทําอะไรได้ชํานาญขึ้นมาก เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบตกลง กลับเลือกที่จะตอบอย่างอ้อมค้อม แต่การแก้ไขด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะดีกว่า
ชุยอี้ผิงรับสายแล้วยื่นให้หยางโป ” คุณปูโทรมา นายรับสายหน่อย
หยางโปรู้สึกแปลกใจ เวลานี้เที่ยงคืนแล้ว ชายชราเข้านอนตรงเวลาสามทุ่มทุกคืน แต่ตอนนี้กลับยังไม่นอน คงรอฟังข่าวของเขาอยู่แน่นอน เขาจึงรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
หยางโปและชายชราพูดคุยกันไม่กี่คํา
จากนั้นก็ให้ชายชราไปพักผ่อน ก่อนที่จะตัดสายไป
หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมา หยางโปก็รู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อยเขาขึ้นรถและมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนสี่ประสาน ในขณะที่ ชุยซื่อหยวนและชุยอี้ผิงต่างก็แยกย้ายกลับใครกลับมัน
หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ หยางโปก็กล่าวราตรีสวัสดิ์กับแม่ ต่อมาก็เข้าห้อ งนอนลงบนเตียงพักผ่อนของเขา
เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นแต่เช้า จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อกันหลายสาย
เพื่อนๆหลายคนได้โทรหาเขาเพื่อถามไถ่ถึงสถานการณ์ มีทั้งหลูตงชิง อู๋เฉียง กงเสียวเจิ้ง
หลู่เจียเฟยและลั่วชิง เขารับสายติดต่อกันมากถึงสิบกว่าสาย ทําให้หยางโปรู้สึกตะหงิดๆใจ
เมื่อเป็นแบบนี้เขาจึงรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที
หยางโปเห็นหัวข้อข่าวบนหน้าเว็บไซต์จํานวนมาก ต่างก็พาดหัวข้อข่าวนี้ และเรียกขานเขาว่า “ บุคคลคนแรกที่นาโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่ประเทศ” และถือเอาเหตุการณ์ใน ครั้งนี้ มารายงานเป็นคดีตัวอย่างที่เขาประสบอันตรายในระหว่างที่นาโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมกลับคืนมาอีกด้วย !
หยางโปถึงกับเห็นเขาสัมภาษณ์บนเว็บไซต์ เนื้อหาด้านในอธิบายถึงขั้นตอนที่เขานโบราณวัตถุกลับมา และประสบพบเจอกับความยากลําบากต่างๆ !
ทําเอาหยางโปตกตะลึงไปเลยทีเดียว ทําไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ เขาไม่เคยให้สัมภาษ ณ์เลย ทําไมถึงได้มีรายงานดังกล่าวออกมาปรากฏได้กัน ?
หยางโปคลิกหาบทสัมภาษณ์และอ่านอย่างละเอียด เขาพบว่ามีเนื้อหาการสัมภาษณ์หลายสิ่งหลายอย่าง ที่พบเจอมากับตัวเองจริงๆ แต่ก็มีบางส่วนที่แอบกล่าวอ้าง แม้แต่ปัญหาในระหว่างนั้นก็ถูกเสริมเติมแต่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า !
หลังจากอ่านอย่างละเอียดไปได้รอบหนึ่ง ในที่สุดหยางโปก็พอจะเดาออก ในเนื้อหาส่วนใหญ่มีเฉาหยวนเตือรู้เรื่องและรายละเอียดดี เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสายโทรหาเฉาหยวนเต๋อทันที
“ คุณเป็นคนเขียนบทสัมภาษณ์ใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
เฉาหยวนเตือไม่ลังเลเลย “ เมื่อคืนนี้ สาเหตุที่ฉันไปสายเพราะฉันได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
จึงเรียบเรียงเขียนเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษ จากนั้นก็หาคนที่สามารถเขียนบทประพันธุ์มาสองสามคนและขอให้พวกเขาจัดการเรียบเรียงขึ้นใหม่อีกครั้ง และส่งให้นักข่าว ฉันเห็นแล้วเหมือนกันว่าวันนี้มันถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แล้ว”
“ ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องคุยโว้ซะสวยงามก็ได้ อะไรคือบุคคลคนแรกที่นําโบราณวัตถุ ทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่ประเทศ คําเรียกขานแบบนี้ผมรับไม่ไหว !” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋อหัวเราะ “ นายต้องเข้าใจด้วยนี้มันเป็นบทความ มันก็ต้องพูดเสริมเติมแต่งให้เกินจริงหน่อยแต่ส่วนใหญ่แล้วมันก็เป็นข้อเท็จจริงนะ นายก็อย่าถ่อมตัวไปเลย “
หยางโปรู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจ แม้ว่าเขาจะยังไม่ชอบการเสแสร้ง แต่ก็ไม่มีทางอื่น เรื่องนี้ถูก
เสแสร้งทําให้เกินจริงไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ไม่ได้มีการเสแสร้งเกินจริง แต่เกรงว่าอาจจะถูกไล่ถามหาความจริงเช่นกัน
“ หยางโปลูกต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้งนะ สภาพในปัจจุบันนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเสแสร้ง ในอดีตฉันเคยคิดว่านี่เป็นช่องทางที่สกปรกและเลวร้าย แต่ตอนนี้ผลของการโฆษณาชวนเชื่อต่างก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ต้องมีการโฆษณาชวนเชื่อและการเสแสร้ง ! ” ชุยชื่อหยวนกล่าว
หยางโปนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าชุยชื่อหยวนจะยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้แล้วเช่นกัน
แต่สําหรับเขาแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยมันก็จะมีผลประโยชน์ที่ดีในอนาคต !