เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ตอนที่ 212 ผลักน้องชายแท้ๆ ให้มุ่งหน้าสู่หน้าผาสูงชัน

บทที่ 212 ผลักน้องชายแท้ๆ ให้มุ่งหน้าสู่หน้าผาสูงชัน

หลังจากที่เฉินหลัวลงจากรถไฟแล้ว เขาก็ยืนชมบรรยากาศเมืองอันหยาง พลางสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที

อืมมม…

หมอกควันค่อนข้างเยอะ

นี่คือภาพความทรงจำแรกเกี่ยวกับเมืองหยาง

เฉินหลัวยังไม่ทันได้เหลียวซ้ายแลขวามองหาเฉินชาง เขาก็เห็นเฉินชางเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหาเขาแล้ว

“พี่ครับ! ” เฉินหลัวกวักมือเรียกเฉินชาง

เมื่อเฉินชางเห็นเฉินหลัวถือกระเป๋าใบเล็กใหญ่พะรุงพะรังเต็มสองมือ มือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางสองใบ เขาก็ถามขึ้นว่า “ทำไมขนอะไรมาเยอะขนาดนี้”

เฉินหลัวหัวเราะ “แม่ให้ผมเอาของมาฝากพี่ด้วย”

เฉินชางยื่นมือไปช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางสองใบพร้อมกล่าวว่า “วันนี้พักที่ห้องพี่ก่อน พรุ่งนี้พี่ไปส่งที่โรงเรียน”

เมื่อทั้งสองเดินไปด้วยกันบนทางเท้าก็ดูเป็นที่สะดุดตามาก

เฉินชางยังค่อนข้างดีหน่อยที่ปกติแล้วเป็นคนไม่ชอบแต่งตัว แต่เฉินหลัวไม่เป็นเช่นนั้น

คำพูดของอาจารย์สมัยเรียนก็คือ แต่งตัวแปลกประหลาดตั้งแต่เด็ก ชอบทำผมทรงตั้งๆ แหลมๆ ที่เฉินชางแค่เห็นยังรู้สึกชาหนังศีรษะ

แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว น่าจะเป็นเพราะช่วงสองปีมานี้ได้ผ่านการฝึกฝนมามาก ได้ออกไปเห็นโลกความจริง มุมมองและสไตล์การใช้ชีวิตก็ดีขึ้น เครื่องแต่งกายตั้งศีรษะจรดปลายเท้าซื้อจากเถาเป่าราคาไม่แพง แต่เมื่อนำมาใส่เข้าชุดกันแล้วดูดีเหมือนดารา

เฉินชางอดเย้าไม่ได้ “นายยังสวมแว่นกันแดดอยู่อีก เหมือนดาราเลยนะ”

เฉินหลัวเป็นคนร่าเริง เขาส่งเสียงหัวเราะเฮฮา “ซ้อมไว้ล่วงหน้าไงพี่ เกิดกลายเป็นดาราขึ้นมาจะทำไง”

เดือนสิงหาคมถึงกันยายนเป็นช่วงที่อากาศร้อน ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าอยู่กลางท้องฟ้า ส่องแสงแดดร้อนแรงแผดเผาเสียจนทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกร้อนจนกระสับกระส่าย

ทั้งสองยืนอยู่ข้างทาง หลังจากที่เฉินชางวางกระเป๋าเดินทางลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมจะเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอปตีตี[1] การเรียกรถแท็กซี่ใกล้สถานีรถไฟเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากลำบาก

เขาเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างทาง

เฉินชางเงยหน้ามองทีหนึ่ง เป็นรถแลนด์โรเวอร์สีดำ จอดขวางหน้าเฉินชางกับเฉินหลัวพอดี

เฉินชางขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังเตรียมจะหิ้วกระเป๋าเดินทางย้ายที่ยืนรอรถ

และในตอนนี้เอง กระจกหน้าต่างรถก็เลื่อนลง

“หมอเฉิน! หมอเฉินคะ!”

เสียงที่คุ้นหูดังลอดเข้ามาในหู เฉินชางหันไปมองข้างในรถทีหนึ่ง

เอ๊ะ?

ดูเหมือนหน้าตาจะคุ้นๆ

เนื่องจากแสงแดดแยงตา เฉินชางก็เลยมองเห็นไม่ชัดนัก

ฟู่อวี้ฟางเผยรอยยิ้มออกมา เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเธอจะเจอเฉินชาง

เดิมทีตอนที่ขับรถผ่าน เธอชำเลืองมองข้างทางกะหันทัน แล้วก็เหลือบไปเห็นสองหนุ่มหน้าตาดีเข้าเลยอดมองให้นานขึ้นอีกนิดไม่ได้ แต่พอได้มองอย่างละเอียดแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกคุ้นหน้าขึ้นมา นั่นไม่ใช่เฉินชางหรือ

ฟู่อวี้ฟางรีบลงจากรถ เธอสวมรองเท้าแตะวิ่งเข้าไปหาเฉินชาง เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางใบเล็กใบใหญ่ เธอก็ถามด้วยความสงสัย “หมอเฉิน นี่คือ…ย้ายบ้านหรือคะ”

เฉินชางหัวเราะ “พี่ฟู่ บังเอิญจังครับ…”

“…น้องชายผมกำลังจะเปิดเทอมน่ะครับ ผมเลยมารับเขา”

เฉินหลัวถอดแว่นกันแดดออก ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินหลัวครับ”

ฟู่อวี้ฟางมองเฉินหลัว แล้วเธอก็พลันยิ้มออกมา “พวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ใช่มั้ย”

เฉินชางพยักหน้า “ครับ ถูกต้องครับ”

ฟู่อวี้ฟางพินิจพิเคราะห์เฉินหลัว ตัวสูง ไม่อ้วนไม่ผอม ค่อนข้างดูแข็งแรงกำยำ แต่ใบหน้าคมชัดได้รูป ดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร กล่าวตามตรงว่าหน้าตาโดดเด่นมาก ทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกถูกตาต้องใจตั้งแรกเห็น สร้างความประทับให้กับผู้พบเห็น

แต่เป็นความหล่อแบบที่ไม่ใช่ความหล่อแบบพิมพ์นิยมประเภทนั้น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฟู่อวี้ฟางทำเสียงจุ๊ปากแสดงความชื่นชม “พ่อหนุ่มหน้าตาดีจังเลย ถ้าไม่ไปเป็นดาราเสียดายแย่ เสี่ยวหลัวเธอเรียนที่ไหน”

เฉินหลัวหัวเราะออกมา “โรงเรียนสื่อมวลชนแห่งมณฑลตงหยางครับ”

หลังจากที่ฟู่อวี้ฟางได้ยินคำตอบแล้ว เธอก็อดชะงักเล็กน้อยไม่ได้ เธอถามด้วยความประหลาดใจ “โรงเรียนสื่อมวลชนแห่งมณฑลตงหยางงั้นหรือ เธอเรียนสาขาไหน”

เฉินหลัว “สาขาการแสดง รุ่นปี 2019 ครับ”

หลังจากที่ฟู่อวี้ฟางได้ยินเช่นนั้น เธอก็หัวเราะออกมา “บังเอิญจริงๆ เลย ฉันเป็นอาจารย์สอนเต้นรำที่โรงเรียนสื่อมวลชนแห่งมณฑลตงหยาง”

เมื่อฟู่อวี้ฟางพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา เฉินชางก็ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง

หลังจากที่สนทนากันได้พักหนึ่ง เฉินชางก็อดกล่าวออกมาจากใจไม่ได้ว่า โลกใบนี้กลมมากจริงๆ ทั้งยังบังเอิญมากด้วย

เหมือนว่าเฉินชางจะไม่เคยถามฟู่อวี้ฟางมาก่อนว่าเธอทำอาชีพอะไร ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานของตน เรื่องส่วนตัวของคนอื่นไม่เหมาะที่จะไถ่ถาม

แต่…ถึงแม้ว่าเฉินชางจะไม่ทราบว่าเธอทำอาชีพอะไร ลักษณะงานเป็นอย่างไร แต่เขาก็เข้าใจรูปร่างของเธอ ครั้งที่แล้วก่อนที่เธอจะกลับไป เฉินชางได้ออกแบบหน้าอกให้ฟู่อวี้ฟาง เธอมีกรอบความคิดหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะยังไม่ศัลยกรรมเสริมหน้าอกในตอนนี้ ความหมายของฟู่อวี้ฟางคือรอผ่านไปอีกระยะหนึ่งค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกที

ที่แท้ก็คือใกล้จะเปิดภาคเรียนแล้ว ยังผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกในช่วงนี้ไม่ได้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าฟู่อวี้ฟางเป็นอาจารย์สอนเต้นรำ เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่รูปร่างทรวดทรงจะดีขนาดนั้น

ดวงอาทิตย์ส่องแสงร้อนแรงแผดผาเสียจนฟู่อวี้ฟางค่อนข้างร้อนรนกระสับกระส่าย “หมอเฉิน หมอเฉินไม่ได้ขับรถมาใช่มั้ย ให้ฉันไปส่งพวกคุณมั้ย ฉันเพิ่งทำธุระเสร็จพอดีเลย ตอนนี้ว่างๆ ไม่มีธุระอะไรต้องทำ”

เฉินชางรู้สึกเกรงใจ ทว่าฟู่อวี้ฟางกลับเอากระเป๋าเดินทางของเฉินหลัวไปเก็บบนแล้ว

“เอาละ เธอไม่ต้องเกรงใจฉัน รีบขึ้นรถเร็วเข้า แดดวันนี้ร้อนแรงจริงๆ!” ฟู่อวี้ฟางกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา

หลังจากที่เข้าไปนั่งในรถแล้ว ลมแอร์ที่เป่าออกมาจากช่องแอร์ทำให้รู้สึกสุขกายสบายใจขึ้นมาทันใด

เฉินหลัวกับฟู่อวี้ฟางอยู่โรงเรียนเดียวกัน ในเวลาต่อมา ทั้งสองต่างก็เริ่มพูดคุยภาษาเดียวกัน

บวกกับเฉินหลัวมีนิสัยเข้ากับคนง่าย ก็เลยพูดคุยกับฟู่อวี้ฟางได้อย่างคึกคักสนุกสนาน

ยิ่งเฉินหลัวเล่าถึงประสบการณ์ทำงานเป็นนักแสดงสมทบ ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศตลอดการเดินทางสนุกครึกครื้น

ขณะที่เฉินชางมองทั้งสองคนพูดคุยกัน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีฟู่อวี้ฟางอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเฉินหลัวเช่นนี้ อาจทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเฉินหลัวราบรื่นขึ้นหน่อย

แต่…

เมื่อเฉินชางเห็นนัยน์ตาที่ดูหยาดเยิ้มคู่นั้นของฟู่อวี้ฟาง จู่ๆ เขาเกิดเป็นห่วงขึ้นมา…

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆ เฉินชางถึงนึกเผิงอวี๋เยี่ยนกับสวี่ฉิงในภาพยนตร์เรื่อง ‘เสียปู้หย่าเจิ้ง’[2] ขึ้นมา…

เมื่อคิดถึงบางฉากบางตอนของภาพยนตร์เรื่องนี้ เฉินชางก็ถึงกับตกอกตกใจขึ้นมาทันใด

เฉินหลัวเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าเท่านั้นเอง คุณจะทำตัวเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนไม่ได้นะ

ทันใดนั้นเฉินชางก็รู้สึกว่าตนเลือกหนทางผิดไป นี่ตนกำลังส่งเฉินหลัวให้เดินไปสู่หนทางแห่งหายนะใช่มั้ย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขากับน้องชายไม่ควรนั่งรถของคนคนนี้

ไม่ได้…

ตนจะต้องรีบแนะนำผู้หญิงให้เฉินหลัวเร็วหน่อย ไม่เช่นนั้นอยู่ใกล้สาวใหญ่แซ่ฟู่คนนี้นานเกินไปต้องอันตรายมากแน่

เฉินชางมองหน้าของฟู่อวี้ฟางแล้วก็ค่อนข้างรู้สึกเสียใจในภายหลัง ตนไม่ควรศัลยกรรมให้เธอดูสวยขนาดนั้น ตอนนี้สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตนเพิ่มระดับความยากให้กับหน้าที่ของตน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้ บาปกรรม!

ศัลยกรรมออกมาสวยไม่พอ คุณยังเป็นผู้หญิงร่ำรวยอีก ขับรถแลนด์โรเวอร์ เสริมหน้าอกราคาหนึ่งล้านหยวนก็ไม่สะเทือนเงินในกระเป๋า!

สวยด้วยมีดหมอไม่ว่า!

แต่คุณคิดว่าคุณกำลังทำตัวเป็นน้ำตาลใกล้มดอยู่หรือเปล่า

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง ถ้าหาก…ถ้าหาก…เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นั้น เฉินชางก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เฉินต้าไห่จะเอาไม้ตีตนให้ตายหรือเปล่านะ เฮ้อ…เรื่องแบบนี้พูดยากจริงๆ

เฉินชางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตลอดการเดินทาง เขาพยายามหาแผนรับมือกับเรื่องนี้

ถึงขั้นที่คิดว่าตนจะต้องพลีตัวเองเป็นเครื่องสังเวยแทนน้องชายตนหรือเปล่า เพื่อทำให้คนแซ่ฟู่คนนี้ยอมปล่อยน้องชายของตนไป…ถึงอย่างไรเสียเฉินหลัวก็ยังเด็ก

เมื่อฟู่อวี้ฟางเห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว เธอก็พาสองคนพี่น้องไปที่ร้านอาหารเลย

วันข้างหน้าต้องอยู่โรงเรียนเดียวกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น

ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่นั้น ฟู่อวี้ฟางเรียกกัวหย่งเลี่ยงผู้เป็นสามีให้มาร่วมรับประทานอาหารด้วย สิ่งนี้ทำให้เฉินชางรู้สึกโล่งใจขึ้น

เมื่อกัวหย่งเลี่ยงเห็นเฉินชาง เขาดูให้เกียรติเฉินชางมาก สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแตกต่างกับเมื่อครั้งที่แล้วลิบลับ

รับประทานอาหารหนึ่งมื้อใช้เวลาไปสองชั่วโมง สาวใหญ่แซ่ฟู่ยังคงโปรยเสน่ห์อย่างแนบเนียน

เฉินชางมองเฉินหลัวด้วยความเป็นห่วง เขากลัวว่าเจ้าหมอนี่จะคิดในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร

แต่เมื่อเห็นลักษณะท่าทางเมินเฉยของเฉินหลัวแล้ว เฉินชางก็ค่อยรู้สึกโล่งใจ

ในวันต่อมาเฉินชางต้องไปร่วมพิธีเปิดภาคเรียนที่มหาวิทยาลัย ส่วนเฉินหลัวก็ต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียน

เดิมทีคิดว่าจะส่งเฉินหลัวไปที่โรงเรียนก่อน แล้วตนค่อยไปที่มหาวิทยาลัย

แต่ฟู่อวี้ฟางอาสาจะพาเฉินหลัวไปส่ง เพราะพรุ่งนี้เธอก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนกัน ก็เลยถือโอกาสนี้พาเฉินหลัวไปด้วยเลย

หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เฉินหลัวไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางของตนลงจากรถ เอาแค่ของที่ทางบ้านฝากมาให้เฉินชางออกมา

เพราะถึงอย่างไรเสียพรุ่งนี้ก็ต้องนั่งรถคันนี้ไปโรงเรียน จะได้ไม่ต้องเคลื่อนย้ายสัมภาระหลายครั้งให้ยุ่งยาก

ห้องพักที่เฉินชางเช่าอยู่พื้นที่ไม่กว้างขวาง ดีตรงที่มีเตียงนอนสองเตียง ก็ยังพอเบียดเสียดอยู่ด้วยกันสองคนได้

เฉินชางกับเฉินหลัวนอนเตียงเดียวกันมาตั้งแต่เด็กๆ ดั้งนั้นก็เลยคุ้นชินที่จะอยู่ร่วมห้องเดียวกันเช่นนี้แล้ว

เมื่อมองห้องพักขนาดพื้นที่ยี่สิบตารางเมตร จู่ๆ เฉินชางก็เกิดความคิดอยากจะซื้อบ้านขึ้นมา

บางที…รอหลังจากที่เสริมหน้าอกให้ฟู่อวี้ฟางแล้ว เงินที่เตรียมไว้สำหรับซื้อบ้านก็คงใกล้ถึงเป้าที่ตั้งไว้แล้วล่ะมั้ง

เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะต้องออกไปตระเวนดูบ้าน สอบถามข้อมูลสักหน่อย

เมื่อคิดว่าจะมีวันที่ตนได้เข้าไปสอบถามข้อมูลบ้านที่สำนักงานขายบ้าน เฉินชางก็ค่อนข้างรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง

[1] แอปพลิเคชั่นสำหรับเรียกรถแท็กซี่

[2] เสียปู้หย่าเจิ้ง (邪不压正) Hidden Man ภาพยนตร์จีนแอคชั่นคอมเมดี้ ฉายเมื่อปี 2018

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
Status: Ongoing
เฉินชาง หมอหนุ่มแห่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด หลังจากได้รับระบบแพทย์สุดโกงมาแบบงงๆ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่แน่นอนว่าสุดยอดทักษะทางการแพทย์ย่อมมาพร้อมกับภารกิจสุดโหดหิน และรางวัลอันเย้ายวน! … [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ใหญ่ส่วนซีกัมที่แข็งแรง] [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ส่วนโคลอนที่ดูฮึกเหิม] [ติ๊ง! ไส้ติ่งธรรมดา: นี่คือไส้ติ่งอักเสบธรรมดา lv.8] [ติ๊ง! สังหารครั้งแรกประสบความสำเร็จ! ได้รับฉายา: มือใหม่แห่งห้องผ่าตัด โปรดขยันต่อไป สังหารต่อเนื่องให้สำเร็จสิบครั้ง!] [ติ๊ง! สังหารไส้ติ่ง 1 ครั้ง ได้รับประสบการณ์ +130 แต้ม เงิน +100 หยวน ประสบการณ์การผ่าตัดไส้ติ่ง +100] WTF?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset