เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ตอนที่ 214 ผู้มีพระคุณ ผมมาทดแทนบุญคุณ!

บทที่ 214 ผู้มีพระคุณ ผมมาทดแทนบุญคุณ!

พอพูดถึงเรื่องงานขึ้นมา หัวข้อที่สนทนาในเวลาต่อมาก็เลยกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่สร้างความกดดันสูง

หลัวโจวมองเฉินชาง “ความจริงฉันอยากจะอยู่เมืองอันหยางกับจยาจยา อีกอย่างจยาจยาก็ยังเรียนไม่จบ ฉันคิดทบทวนดูแล้วว่าหางานสักงานทำไปพลางๆ ก่อนระหว่างรอให้ได้โรงพยาบาลที่ใช่”

ต่งจยากล่าวปลอมใจ “ฉันว่าเราไปสมัครกับโรงพยาบาลที่อยู่รอบอำเภอก็ได้ รายรับดีด้วย แถมคนที่โรงพยาบาลก็ให้ความสำคัญกับเราด้วย…”

“…ไม่เหมือนที่เมืองอันหยางที่เป็นเมืองเอกของมณฑลตงหยาง ทุกปีมีนักศึกษาแพทย์จบใหม่เป็นโขยง โรงพยาบาลพวกนี้ไม่เห็นความสำคัญของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกพนักงานก็ไม่ยุติธรรมเสมอไป มีทั้งเด็กฝาก มีทั้งคนที่จ่ายเงินซื้อโควตา…ใช้เส้นสายกันให้อุตลุด”

เฉินชางพยักหน้า ความจริงเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่มณฑลตงหยางเป็นเมืองศูนย์กลาง แต่เป็นที่รู้กันว่าการพัฒนากลับค่อนข้างล้าหลัง

ความล้าหลังที่กล่าวถึงนี้ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจที่เติบโตช้า แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือระบบการปกครองกับมุมมองความคิดที่ล้าหลัง

หลัวโจวหัวเราะ “พูดได้น่าสนใจ เมืองใหญ่ดึงดูดคนมีความสามารถ มีนโยบายสิทธิพิเศษสำหรับวุฒิปริญญาตรีเป็นกะตั้ก นอกจากนี้ยังมีเงินสนับสนุนค่าตั้งถิ่นฐานให้ด้วย แต่เมืองอันหยางของเรายากจนเสียจนจะถอยหลังลงคลองอยู่แล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพวกนั้นกลับดูไม่มีความกังวลเลยสักนิด เป็นชะตากรรมของเมืองอันหยางจริงๆ เลย จนป่านนี้แล้วยังมีข่าวรับสมัครงานเลยสักแห่งเดียว พวกเขาไม่กลัวคนมีความสามารถไหลออกนอกเมืองอันหยางไปกันหมดหรือไง”

ต่งจยามองหลัวโจวด้วยสายตาเหยียดหยาม “นายเอาแต่ฝังใจอยู่กับเมืองอันหยาง คนที่มีความสามารถย้ายออกไปกันหมดแล้ว ใครจะไปอยากอยู่เมืองล้าหลังนี่ล่ะ! รุ่นพี่นายที่จบไปเมื่อปีที่แล้ว ไปทำงานที่ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลอันหยาง เป็นโรงพยาบาลอันดับต้น แต่เงินเดือนแค่หกพันหยวนต่อเดือน นี่ยังไม่แต่งงานเลยนะ ถ้าแต่งงานมีครอบครัวขึ้นมาจะไปพอกินที่ไหนกัน”

เฉินชางพยักหน้า “มีโอกาสย้ายก็ย้ายจะดีกว่า วุฒิปริญญาโทไปทำงานแถบชายฝั่งทะเล เซินเจิ้น จู่ไห่ กวางโจว โรงพยาบาลตามพื้นที่เหล่านี้ไม่เลวเลย แถบเซินเจิ้นไม่มีมหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ ทุกปีจะรับบุคลากรมาจากพื้นที่อื่นเข้ามาทำงาน ได้ยินมาว่าพวกรุ่นพี่ที่ย้ายไปทำงานที่นั่นได้สวัสดิการดีมาก เพิ่งเข้าไปทำงานก็มีค่าจ้างรายปีไม่ต่ำกว่าสองแสนหยวนแล้ว”

หลัวโจวเอามือลูบศีรษะ “ชางเอ๋อร์ นายก็รู้ว่าฉันน่ะไม่ได้มองอนาคตไกลขนาดนั้น แค่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง สถานที่ทำงานไม่ไกลจากบ้าน ได้ใช้ชีวิตอยู่กับจยาจยาก็พอใจแล้ว…”

“…อีกอย่างพ่อแม่ฉันกับพ่อแม่จยาจยาก็อายุมากแล้ว ฉันอยู่ที่อันหยางพวกท่านก็สบายใจ เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาฉันก็ยังช่วยได้ ถ้าฉันต้องย้ายไปจริงๆ ฉันคงเป็นห่วงพวกท่าน”

ต่งจยามองหลัวโจวทีหนึ่ง ถึงปากจะด่า แต่ในใจกลับอ่อนไหว

หลัวโจวพูดต่อว่า “สุดสัปดาห์นี้ ที่มหาวิทยาลัยของเรามีตั้งโต๊ะรับสมัครงานครั้งใหญ่ มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองอันหยางมาตั้งโต๊ะรับสมัครพนักงานสัญญาจ้าง ฉันจะไปลองสมัครดู”

เฉินชางพยักหน้า “อืม โรงพยาบาลอันดับสองที่ฉันอยู่ก็เปลี่ยนจากบุคลากรในสังกัดมาเป็นบุคลากรเตรียมบรรจุแล้ว เงินเดือนกับสวัสดิการของพนักงานสัญญาจ้างก็ไม่เลว แผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลเรามีพนักงานสัญญาจ้างคนหนึ่ง หลังจากผ่านช่วงทดลองงานแล้วได้เงินโบนัสผลงานด้วย พอรวมกับเงินเดือนแล้วก็เจ็ดถึงแปดพันหยวน”

คนที่เฉินชางพูดถึงคือโจวเสี่ยวตง ทว่าหวังหย่งหาเงินได้มากกว่าโจวเสี่ยวตง เพราะว่าแผนกฉุกเฉินมีเคสผ่าตัดค่อนข้างเยอะกว่า เขาช่วยเฉินชางดูแลผู้ป่วย และเป็นผู้ช่วยเฉินชางในการผ่าตัด แต่ละเดือนทั้งสองคนมีผ่าตัดหลายสิบเคส ถ้าเดือนที่แล้วคิดโบนัสผลงานต้องมีหมื่นกว่าหยวนแน่ แต่วัดจากนิสัยเขี้ยวลากดินของโรงพยาบาลแล้ว คงจะต้องผ่านไปสักสองสามเดือนถึงมีโบนัสผลงานให้

หลัวโจวหัวเราะ “โรงพยาบาลอันดับสองเป็นโรงพยาบาลอันดับต้นของมณฑล ซึ่งโรงพยาบาลในเมืองอันหยางยี่สิบสามสิบแห่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อทั้งนั้น แต่โรงพยาบาลอันดับสองติดสิบแรกอันดับได้ เดาว่าการแข่งขันคงสูงไม่น้อย”

เมื่อต่งจยาได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกไม่มีความสุขนัก “หลัวโจว ถึงวันนั้นฉันจะปรินท์เรซูเม่ให้นายห้าสิบชุด ถ้านายยื่นไม่ให้หมด ไม่อนุญาตให้กลับบ้าน!”

คำพูดของต่งจยาทำเอาทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา

หลังจากที่ออกมาจากโรงอาหารแล้ว จู่ๆ หลัวโจวก็ถามขึ้นว่า “ชางเอ๋อร์ ไปนั่งเล่นที่หอพักฉันเถอะ ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ไปนั่งพักเท้าสักหน่อย”

เฉินชางพยักหน้า และถามขึ้นว่า “รูมเมทยังอยู่กันหรือเปล่า”

หลัวโจว “ย้ายออกไปหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่ย้ายออกชั่วคราว เพราะจยาจยายังพักอยู่ที่หอ ทุกคนยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย พอตกเย็นก็ยังนัดเจอกันได้”

เฉินชางตอบสั้นๆ ว่า ‘อืม’

สมัยเรียนปริญญาตรี ความสัมพันธ์ของเฉินชางกับทุกคนในชั้นเรียนจัดว่าไม่เลว ถึงอย่างไรเสียคณะแพทยศาสตร์ก็มีนักศึกษาชายไม่มาก แต่ละคนก็เลยมีความสนิทสนมกันดี มักจะเล่มเกม เล่นบาสด้วยกันประจำ

คุณป้าที่ดูแลหอพักเพิ่งจะรับประทานอาหารเสร็จ กำลังเดินย่อยอาหารอยู่ในห้องกระจก แล้วทันใดนั้นเธอก็เห็นหลัวโจวพากเฉินชางเดินเข้ามาในหอ

คุณป้าหยุดชะงักทันที “เอ๊ะ? เธอใช่เจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า ชื่อว่าอะไรนะ…”

เฉินชางส่งเสียงหัวเราะเฮฮาออกมา “คุณป้า คุณป้ายังจำผมได้อยู่หรือครับ”

คุณป้ากลั้นยิ้มไม่อยู่ “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ สมัยพวกเธออยู่หอ พวกเธอชอบลืมกุญแจประจำ ต้องยืมกุญแจที่ฉันไปเปิดประตูเข้าห้อง ฉันจำทุกคนได้แม่น…”

“…แต่ หลายปีมานี้ไม่เจอหน้าเลย ทำงานแล้ว?”

เฉินชางพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะ “ครับ ทำงานแล้ว”

คุณป้าพยักหน้าด้วยปลื้มใจ “ไม่เลว ตอนนั้นป้ามองเธอไม่ผิดจริงๆ”

หลัวโจวถอนหายใจออกมา “คุณป้า ผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนี้ คุณป้านี่ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ ยังมองคนจากรูปร่างหน้าตาไม่เคยเปลี่ยน!”

คุณป้าหัวเราะลั่นทันใด “ป้าไม่มีความสามารถอื่นนอกจากจำหน้าคนได้แม่นยำ! เธอเรียนจบแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมยังไม่ย้ายออกไปอีก หรือจะให้ป้าไล่ล่ะ ฮะ”

หอพักมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า กล่าวได้ว่าคุณป้าดูแลหอพักท่านนี้มีสายตาที่เฉียบคม มองทุกสิ่งทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง คุณป้าดูเหมือนไม่ได้สนใจใคร แต่กลับจำหน้าคนที่เข้าออกหอพักได้อย่างแม่นยำ ใครก็ตามที่คุณป้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนแล้วคิดจะย่างกรายเข้ามาในหอพัก คุณป้าสกัดไว้ได้หมด

เดิมทีหลัวโจวเรียนจบแล้วก็ควรจะต้องย้ายออกจากหอพักไปได้แล้ว แต่เขาไปขอกวนเหว่ยให้ช่วยยืดเวลาออกไปให้สักหน่อย

ถึงอย่างไรเสียค่าห้องพักข้างนอกก็แพงมาก รอได้งานแล้วค่อยว่ากัน

เมื่อกลับเข้าในห้องแล้ว ภายในห้องไม่มีใครอยู่แล้ว มีแค่เตียงของหลัวโจวที่ยังมีผ้าห่มกองอยู่ เตียงอื่นเก็บข้าวของจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อน หลัวโจวก็เลยถอดเสื้อทีเชิ้ตออก เปลือยกายท่อนบน เขากล่าวกับเฉินชางว่า “ชางเอ๋อร์ นายไปนอนพักบนเตียงฉันสักงีบไป”

เฉินชางหัวเราะ “ไม่อะ ฉันไม่เหนื่อย”

หลัวโจวหัวเราะเฮฮา “งั้น…มาเล่นเกมกันสักตา? เดี๋ยวนี้นายยังเล่นเกมอยู่หรือเปล่า”

ขณะที่พูดหลัวโจวก็เปิดเกมส์ลีกออฟเลเจ็นดส์ (League of Legends) จากนั้นก็กดล็อกอิน แล้วเสียงที่คุ้นหูของไอเวิร์น[1] ก็ดังขึ้น

เฉินชางหัวเราะ “นายเล่นเถอะ ฉันดูนายเล่นตาหนึ่ง”

ช่วงเวลาที่คุ้นเคยสมัยมหาวิทยาลัย ก็คือช่วงเวลาเช่นนี้

ช่วงบ่าย เฉินชางเข้ากลุ่มตามห้องเรียนที่ถูกจัดไว้ ซึ่งห้องเรียนเหล่านี้แบ่งตามโรงพยายาบาลที่จะไปฝึกอบรบ ถึงอย่างไรเสียทุกคนต้องไปฝึกอบรมอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว การแบ่งห้องเรียนเช่นนี้ทำให้ง่ายต่อการดูแลมากยิ่งขึ้น

ปีนี้มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยางมีนักศึกษาปริญญาโทค่อนข้างมาก นักศึกษาปริญญาโทที่ถูกจัดสรรให้ไปฝึกอบรมที่โรงพยาบาลอันดับสองมีเพียงสามสิบกว่าคน

ชั้นเรียนขนาดเล็กที่มีนักศึกษาราวสามสิบกว่าคนทำให้ดูแลได้อย่างทั่วถึง

นักศึกษาหญิงยี่สิบกว่าคน นักศึกษาชายสิบคน

แต่…จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าเจ้าอ้วนที่นั่งอยู่ข้างตน กำลังส่งยิ้มแปลกๆ ให้ตนอยู่ เฉินชางค่อนข้างรู้สึกคุ้นหน้า

“คุณ…เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน คุณจ้องหน้าผมทำไมครับเนี่ย” เฉินชางอดกลั้นอยู่นานมาก จนอดไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาจ้องมองศีรษะอวบอ้วนพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง

เฉียนหลินชะงักก่อนเป็นอันดับแรก แล้วพลันหัวเราะลั่นทันใด “ผู้มีพระคุณ ผมชื่อเฉียนหลิน ผมขอบอกตามความจริง ผมมาทดแทนบุญคุณ!”

เฉินชางตกอยู่ในอาการมึนงงในฉับพลัน

นิทานทดแทนบุญคุณที่เคยได้ยินมาส่วนใหญ่จะเป็นหญิงงามแปลงร่างมาทดแทนบุญคุณ มีที่ไหนกันที่มาในร่างนี้ มารูปร่างนี้เนี่ยนะ มาเพื่อล้างแค้นกันน่ะสิ?

คนสูงศักดิ์อย่างคุณจะมาทดแทนบุญคุณ งั้นคนที่คุณตามหาจะต้องเป็นคุณหนูตระกูลผู้ศักดิ์แน่

แต่…

ในกรณีที่มาเพื่อทดแทนบุญคุณตนจริงๆ ตนก็ไม่เสียเปรียบอะไร?

เฉินชางพยายามหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา จะใช่เป็นคนไร้บ้านที่ตนเคยให้ซาลาเปาหนึ่งลูกเมื่อสมัยยังเด็กหรือเปล่านะ หรือจะเป็นเด็กสติปัญญาพร่องคนหนึ่งที่ตนเคยช่วยที่โรงพยาบาล

แต่ทำไมมองยังไงก็ไม่มีเค้าของชายอ้วนน้ำหนักราวเก้าสิบห้ากิโลคนนี้เลย

ทว่าเฉินชางยังคงคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง บางทีตนอาจเคยช่วยเขาจริงๆ?

ดูจากเสื้อผ้าการแต่งตัวแล้ว ตอนนี้คงจะรวยแล้ว เขาจะเมินเฉยโอกาสใดๆ ก็ตามที่เข้ามาในชีวิตไม่ได้ ถ้าเกิดสิ่งนี้เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้ล่ะ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คืนเท่าจำนวนเดิมก็พอ!”

[1] ไอเวิร์น (Ivern Bramblefoot) หรือที่รู้จักกันดีในนาม The Green Father เป็นตัวละครที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งต้นไม้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
Status: Ongoing
เฉินชาง หมอหนุ่มแห่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด หลังจากได้รับระบบแพทย์สุดโกงมาแบบงงๆ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่แน่นอนว่าสุดยอดทักษะทางการแพทย์ย่อมมาพร้อมกับภารกิจสุดโหดหิน และรางวัลอันเย้ายวน! … [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ใหญ่ส่วนซีกัมที่แข็งแรง] [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ส่วนโคลอนที่ดูฮึกเหิม] [ติ๊ง! ไส้ติ่งธรรมดา: นี่คือไส้ติ่งอักเสบธรรมดา lv.8] [ติ๊ง! สังหารครั้งแรกประสบความสำเร็จ! ได้รับฉายา: มือใหม่แห่งห้องผ่าตัด โปรดขยันต่อไป สังหารต่อเนื่องให้สำเร็จสิบครั้ง!] [ติ๊ง! สังหารไส้ติ่ง 1 ครั้ง ได้รับประสบการณ์ +130 แต้ม เงิน +100 หยวน ประสบการณ์การผ่าตัดไส้ติ่ง +100] WTF?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset