เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ตอนที่ 318 พ่อหนุ่มเจ้าแผนการ!

บทที่ 318 พ่อหนุ่มเจ้าแผนการ!

“เฉินชาง เลิกงานตอนบ่ายแล้วรีบมาที่นี่เลยนะคะ! นั่งแท็กซี่มาเลย!”

เฉินชางได้รับโทรศัพท์จากเมิ่งซีตอนเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง เขาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัดก็รีบพยักหน้าตอบตกลงไปก่อน จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือครับอาจารย์เมิ่ง”

เมิ่งซีพูดว่า “ผลเพาะเชื้อของผู้ป่วยเมื่อวานออกแล้วค่ะ เป็น IPD[1] และกลายพันธ์เป็น S.aureus[2] คงจะแพร่มาจากการติดเชื้อบริเวณปอด”

เฉินชางผ่อนลมหายใจ ในเมื่อมั่นใจว่าติดเชื้ออะไรเร็วขนาดนี้ต่อไปก็ง่ายแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่ตรงกับเชื้อเป้าหมาย

การรักษาให้ถูกจุดเป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุด

เมื่อกล่าวจบเมิ่งซีก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง “จากการตรวจของเหลวที่สะสมอยู่ในเยื่อหุ้มหัวใจพบว่าเป็นหนองนะคะ”

เฉินชางร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ชะงักไป!

“ของเหลวที่สะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจกลายเป็นหนองหรือครับ”

ให้ตายเถอะ!

เฉินชางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

เมื่อคิดถึงเมิ่งซีที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฉินชางก็แทบอยากจะสำลักน้ำลายตาย

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอกลับพูดอย่างราบเรียบ มีแต่เมิ่งซีนี่แหละที่ทำได้

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาทั้งทางร่างกาย หรือจะใช้ยาปฏิชีวนะฉีดเข้าไปบริเวณช่องปอด หรือเยื่อหุ้มหัวใจ ก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดหนองได้เลย!

นอกจากนี้หากมีของเหลวสะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจบีบรัดก็เป็นได้ หรืออาจมีภาวะเป็นหนองที่เยื่อหุ้มปอดจนพัฒนาไปเป็นโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง

ดังนั้นเมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นหนองก็ควรรีบผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจทันทีเพื่อทำการกำจัดเนื้อตาย จากนั้นก็ระบายของเหลวออกเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

วันนี้เฉินชางศึกษาความรู้เชิงทฤษฎีจนเข้าใจจุดที่ต้องการแล้ว เข้าใจถึงความอันตรายของแต่ละการผ่าตัดอย่างกระจ่างแจ้งแจ่มชัดแล้ว ดังนั้นเมื่อคิดถึงจุดนี้ได้ เฉินชางก็รู้สึกเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“หรือว่า…อาจารย์เมิ่ง คุณรีบผ่าตัดเลยดีไหมครับ”

เมิ่งซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ลนลานอะไรของคุณ”

คำว่า ‘ลนลานอะไร’ เพียงเบาๆ ก็ทำให้เฉินชางสะดุ้งเฮือกไปทันที ในตอนที่เขามองไปยังโทรศัพท์อีกครั้ง ก็พบว่ามันถูกตัดสายไปแล้ว

เฉินชางรู้สึกอับจนคำพูด…

คำว่าลนลานอะไร…ทำให้เฉินชางรู้สึกว่าตนเองเป็นเศษสวะในวงการศัลยกรรมหัวใจจริงๆ

ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้น่ะหรือ

การเติบโตของหมอทุกคนจะมีอยู่สามขั้นตอน

ขั้นตอนแรกก็คือพวกมือใหม่อ่อนหัดในการรักษา ไม่ว่าเห็นอะไรก็รู้สึกสับสนไปหมด ไม่รู้หนักเบาไม่รู้ช้าเร็ว กระทั่งแยกแยะความสำคัญไม่ออก!

ขั้นที่สองก็คือพวกบ้าทฤษฎี รู้ทฤษฎีลึกเหมือนรู้จักฝ่ามือของตนเอง คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับนี้จะเข้าใจความรู้เชิงทฤษฎีเป็นอย่างดี เข้าใจความอันตรายของอาการป่วยเป็นอย่างดี รู้ความน่ากลัวของอาการป่วยอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าเห็นอะไรก็จะรู้สึกร้อนรนไปหมด รู้สึกว่าสำคัญไปหมด

ขั้นที่สามก็คือผู้เชี่ยวชาญทางด้านคลินิก คนระดับนี้จะมีประสบการณ์ทางด้านคลินิกมาหลายปีและมีความมั่นใจในข้อมูลแต่ละประเภทเป็นอย่างมาก รู้ถึงสถานการณ์และสภาพของผู้ป่วยดี มีความมั่นใจเรื่องอาการในระดับสูง

ส่วนเฉินชาง หากกล่าวถึงวงการศัลยกรรมหัวใจแล้ว เขาอาจไม่ได้เป็นพวกมือใหม่อ่อนหัดในด้านศัลยกรรมหัวใจที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ก็อยู่ในขั้นที่สองซึ่งก็คือเห็นอะไรก็รู้สึกร้อนรนไปหมด เจอเรื่องอะไรก็รู้สึกว่าอันตรายไปหมด

ความจริงเรื่องนี้จะตำหนิเฉินชางไม่ได้ เนื่องจากถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลันและรุนแรงมากอยู่แล้ว มีระยะการบอกเหตุล่วงหน้าเพียงสามวันเท่านั้น!

สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนก็คือมักจะมีไข้สูง มีอาการหนาวสั่น ติดเชื้อทั้งร่างกายไปจนถึงหายใจลำบาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่ได้มีอาการเจ็บหน้าอกตามปกติ แต่หากเกิดอาการเจ็บหน้าอกแล้วอาจหมายถึงความรุนแรงของอาการเพิ่มระดับขึ้น และอาการก็จะมีความอันตรายมากขึ้นด้วย

แม้น้ำเสียงของเมิ่งซีจะเป็นเช่นนั้น แต่ผลทางสรีรวิทยาและชีววิทยา ตลอดจนผลการเพาะเชื้อก็แสดงให้เห็นแล้วว่าของเหลวที่สะสมในถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นหนอง เท่ากับว่าระดับความอันตรายเพิ่มขึ้นแล้ว นั่นเป็นเพราะหากของเหลวที่สะสมอยู่ในถุงเยื่อหุ้มหัวใจมีสภาพเป็นหนอง อาจทำให้ถุงเยื่อหุ้มหัวใจหดตัวและนำไปสู่โรคถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังก็เป็นได้!

ถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังมีความอันตรายสูงมาก! ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ป่วย!

นอกจากนี้ การผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังก็ยากกว่าการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจแบบธรรมดา เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เครียดขึ้นมาแล้ว ที่สำคัญก็คือเขาไม่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียเวลาเพราะอาจารย์เมิ่งจะรอตนเองได้จริงๆ

เขารู้สึกว่าเมิ่งซีกำลังรอตนอยู่ ยิ่งเป็นเช่นนี้ เฉินชางก็ยิ่งรู้สึกกังวล

บุญคุณนี้ เฉินชางรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ

ความจริง…ต่อให้เมิ่งซีจะใจกว้างเพียงใดก็ไม่อาจยืดเยื้อเวลาของผู้ป่วยจนพลาดเวลาการรักษาที่ดีที่สุดไปได้ แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะเธอเข้าใจข้อมูลแต่ละอย่างของผู้ป่วยเป็นอย่างดี รู้ลักษณะการพัฒนาของอาการอย่างกระจ่างแจ้ง ดังนั้นจึงได้กล่าวกับเฉินชางเช่นนี้!

พูดให้ชัดเจนก็คือ การวินิจฉัยอาการป่วยของหมอคนหนึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ของตนเอง ดังนั้นหัวหน้าเมิ่งจึงมั่นใจมาก ส่วนเฉินชางกลับไม่กล้ามั่นใจเลย

หมอเล็กๆ ก็ต้องมีสำนึกของหมอตัวเล็กๆ ผู้เล่นใหม่ก็ต้องมีวิธีการเล่นของผู้เล่นใหม่

ถึงอย่างไรตอนนี้ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีงานแล้ว เฉินชางจึงแจ้งเพื่อนร่วมงานแล้วออกเดินทางทันที!

ตั้งแต่ที่แผนกไม่มีหยวนฟานก็รู้สึกว่าแผนกสะอาดสะอ้านขึ้นมาก ส่วนเฉินชางก็ยิ่งหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ฉินเยว่ก็ตกเป็นทาสชานมที่เขาหามาประเคนจนกลายเป็นหมาขี้ประจบไปแล้ว ส่วนหัวหน้าอันก็ถูกงานของตนเองทรมานจนแทบตาย และหวังหย่งในฐานะที่เป็นศิษย์น้อยๆ ของตนก็ยังคงหมั่นฝึกฝนและทำงานเป็นอย่างดี

ตอนนี้เฉินชางรู้สึกว่าตนเป็นพวกเผด็จการในแผนกไปแล้ว!

อืม ควรเรียกว่าแผนกนี้เพื่อพี่เฉินสินะ!

……

นั่งรถแท็กซี่ไปถึงโรงพยาบาลตงต้า จ่ายเงินไปแค่ราคาเริ่มต้นแปดหยวน

หลังจากรีบวิ่งไปถึงแผนกศัลยกรรมหัวใจแล้วก็พบว่าเมิ่งซีกำลังเตรียมประวัติผู้ป่วยอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาล

เฉินชางวิ่งเข้าไปแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับอาจารย์เมิ่ง ปล่อยให้คุณรอนานแล้ว!”

เมิ่งซีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนมองนาฬิกาข้อมือ “เร็วขนาดนี้เลยหรือ”

พูดจบก็ส่งเอกสารจำพวกใบยินยอมรับการผ่าตัดให้เฉินชางแล้วกล่าวว่า “เซ็นต์เอกสารยอมรับการผ่าตัดแล้ว รีบผ่าตัดกันเถอะ”

เฉินชางยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ

แม้อาจารย์เมิ่งจะเป็นคนเข้มงวด ชอบทำงานไม่เห็นเดือนเห็นตะวันและชอบเรียกนักเรียนมาผ่าตัดหลังเลิกงาน หากเป็นนักเรียนปกติจะต้องแอบบ่นในใจแน่นอน แต่เฉินชางเข้าใจดีว่าตนเองต้องทำเพื่อเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ขนาดผู้เป็นอาจารย์ยังไม่คิดบ่นอะไร แล้วตัวเองจะมีคุณสมบัติอะไรไปบ่นกันล่ะ

เก่อฮว๋ายเห็นเฉินชางมาแล้วก็ยิ้มประหลาด “เสี่ยวเฉิน ไม่ต้องเครียดนะครับ มีผมอยู่ด้วย”

เฉินชางชะงักไป

อาจารย์เก่อคนนี้…ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนะ

ใส่ใจผมขนาดนี้เลยหรือ

เฉินชางรีบพูดไปว่า “ขอบคุณครับอาจารย์เก่อ วันนี้ก็รบกวนคุณแล้ว”

เก่อฮว๋ายส่ายหน้า “ก้าวแรกเป็นก้าวที่ยากที่สุด เรียนรู้ให้มาก ทำให้มาก เดี๋ยวก็เป็นเอง”

หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทุกคนก็เข้าไปในห้องผ่าตัด

ระหว่างทางเมิ่งซีเน้นย้ำถึงจุดสำคัญของการผ่าตัดกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจเพื่อระบายของเหลวให้เฉินชางฟังหลายข้อ ระหว่างสนทนากัน พวกเฉินชางทั้งสามคนก็มาถึงห้องผ่าตัดแล้ว

อันที่จริงเมิ่งซีรู้สึกประหลาดใจกับเฉินชางมาก ที่ผ่านมาแม้เธอจะให้เฉินชางลงมือน้อยครั้ง แต่เฉินชางก็แสดงผลงานได้เข้าตาเธอทุกครั้ง โดยเฉพาะทักษะทางด้านการวินิจฉัยสองครั้งที่ผ่านมาทำให้เมิ่งซีตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกายเลยทีเดียว ความสามารถในการขยับมือของเขาก็สุดยอด ไม่ว่าจะเป็นการเย็บเส้นเลือดหรือการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจ การเคลื่อนไหวของเขานั้น…หากไม่มีประสบการณ์หลายสิบปีย่อมไม่อาจทำได้แน่!

ดังนั้นแม้เมิ่งซีจะไม่ได้พูด แต่ในใจก็ชื่นชมเฉินชางมาก

เธออยากจะเห็นจริงๆ ว่าการผ่าตัดของเฉินชางจะเป็นอย่างไร

[1] IPD – invasive pneumococcal disease คือโรคติดเชื้อชนิดลุกลามที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อนิวโมคอคคัส ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือปอดอักเสบรุนแรง จนอาจทำให้พิการ หรือเสียชีวิตได้

[2] S. aureus – Staphylococcus aureus เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในจมูก ปาก อวัยวะเพศ หรือทวารหนัก ในบางครั้งเชื้อจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผิวหนังติดเชื้อเพียงเล็กน้อย เกิดฝีหรือแผลพุพอง อาหารเป็นพิษ แต่หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด หัวใจ ข้อต่อหรือกระดูก อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
Status: Ongoing
เฉินชาง หมอหนุ่มแห่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด หลังจากได้รับระบบแพทย์สุดโกงมาแบบงงๆ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่แน่นอนว่าสุดยอดทักษะทางการแพทย์ย่อมมาพร้อมกับภารกิจสุดโหดหิน และรางวัลอันเย้ายวน! … [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ใหญ่ส่วนซีกัมที่แข็งแรง] [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ส่วนโคลอนที่ดูฮึกเหิม] [ติ๊ง! ไส้ติ่งธรรมดา: นี่คือไส้ติ่งอักเสบธรรมดา lv.8] [ติ๊ง! สังหารครั้งแรกประสบความสำเร็จ! ได้รับฉายา: มือใหม่แห่งห้องผ่าตัด โปรดขยันต่อไป สังหารต่อเนื่องให้สำเร็จสิบครั้ง!] [ติ๊ง! สังหารไส้ติ่ง 1 ครั้ง ได้รับประสบการณ์ +130 แต้ม เงิน +100 หยวน ประสบการณ์การผ่าตัดไส้ติ่ง +100] WTF?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset