เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 281 เฉิงเวินหรูคลั่ง:มีดอกไม้จีนอยู่ในลิ้นชักของเธอ

ฉินหร่านเล่นเกมจบตาหนึ่งก่อนเงยหน้า มองภาพขวดแก้วขนาดเล็กที่อยู่บนหน้าจอใหญ่

เธออึ้งอยู่ชั่วครู่

เสียงไมโครโฟนจากผู้ประมูลดังก้องทั่วห้องประมูล

“8ล้านครั้งที่หนึ่ง! เอาละครับ ห้องรับรองพิเศษหมายเลข11อยู่ที่แปดล้านห้าแสนครับ!”

“ห้องรับรองพิเศษหมายเลข6ให้9ล้าน!”

“…”

“สิบสามล้านห้าแสนครับ!”

ไม่ถึงหนึ่งนาทีราคาก็พุ่งทะยานถึงสิบล้าน

ราคาเท่ากับรถสปอร์ตหรูคันหนึ่ง…

ของสิ่งนี้ราคาแพงขนาดนี้เชียว?

ฉินหร่านสลัดความขี้เกียจ มือของเถอะจับหน้าผากพลางครุ่นคิด:นี่มันอะไรกัน ทำไมราคาถึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวได้?

“ยี่สิบเจ็ดล้านครับ…”

ขณะที่เธอกำลังคิด เฉิงเวินหรูที่นั่งร้อนใจอยู่ข้างเธอกำลังจะกดปุ่มสีแดง

ฉินหร่านรีบใช้สายตาอันแหลมคมและมือรั้งเธอไว้

“ยี่สิบเจ็ดล้านครั้งที่สาม!”

ขณะที่ฉินหร่านกดมือเธอไว้ การประมูลก็ยุติลง

ยังไม่ทันที่เฉิงเวินหรูจะถามฉินหร่านก็มีเสียงเคาะประตูทางด้านนอก เลขาหลี่ยังไม่ทันตอบสนอง ก็มีคนเดินเข้ามา

ผู้ที่เดินเข้ามาคือหญิงวัยกลางคนท่าทางทะมัดทะแมงคนหนึ่ง

เธอโค้งตัวเล็กน้อย “ท่านเฉิงคะ คุณหนูของสกุลเรารู้ว่าใครเป็นผู้ซื้อดอกไม้จีน ถ้าหากจำเป็นก็เชิญท่านไปที่ห้องรับรองหมายเลข7ได้เลยค่ะ”

เมื่อกล่าวจบ เธอพูดกับเฉิงเวินหรูประโยคหนึ่งก่อนออกไป

เฉิงเวินหรูหรี่ตาเล็กน้อยมองไปยังเลขาหลี่ “ห้องรับรองที่7?”

เลขาหลี่ส่ายหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ “ผมจะถามเฉิงจิน”

ช่วงแรกที่มางานประมูลคนที่มากับเฉิงเวินหรูคือเฉิงจินและเฉิงมู่ ภายหลังถึงเป็นเลขาหลี่ เพราะหน้าที่หลักในการทำงานของเลขาหลี่อยู่ที่บริษัทของเฉิงเวินหรู จึงรู้เรื่องอื่นไม่มากนัก

ใช้เวลาไม่นาน เลขาหลี่ก็ได้รับคำตอบจากเฉิงจิน

เขามองเฉิงเวินหรู ก่อนกระแอมทีหนึ่ง “เป็น…คุณหนูโอวหยางครับ” ขณะที่กำลังพูด สายตาสว่างวาบของเขาจับจ้องไปยังฉินหร่าน

“โอวหยางเวย?” เฉิงเวินหรูใช้ความคิดพิจารณา ทว่าเวลานี้เธอไม่มีเวลาคิดมาก เพียงหันไปหาฉินหร่าน “หรานหร่าน เมื่อกี้ทำไมเธอถึงไม่ให้ฉันประมูลต่อละ?”

ฉินหร่านถือโทรศัพท์พลางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขณะกดโทรศัพท์อย่างเกียจคร้าน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอจึงเงยหน้า “แพงเกินไปค่ะ เห็นๆ อยู่ว่ามีตั้งกี่คนโก่งราคากับคุณ”

“ฉันรู้ แต่ว่าฉันจำเป็นต้องได้ขวดนั้นมาจริง ๆ” แน่นอนว่าเฉิงเวินหรูมองออก “ไม่ต้องแย่งกันก็ดี ฉันจะไปหาโอวหยาง…”

ฉินหร่านยืนขึ้นพลางกอดอก พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ของแบบนี้ฉันก็มีค่ะ”

**

ยี่สิบนาทีผ่านไป ณ คอนโดถิงหลาน

เฉิงเวินหรูกับฉินหร่านกลับมาด้วยกัน

“คุณหนูฉินครับ” เฉิงมู่กำลังใช้คอมเล่นเกมกับลู่จ้าวอิ่ง เมื่อเห็นพวกเขากลับมาจึงรีบยืนขึ้น “ทำไมพวกคุณกลับมาเร็วกันละครับ?”

งานประมูลต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงเที่ยงคืน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงสี่ทุ่ม

“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” ฉินหร่านหรี่ตาเล็กน้อย

เฉิงเวินหรูเดินตามหลังฉินหร่านขึ้นชั้นบน มองไม่ออกว่าสีหน้าเป็นอย่างไร

ห้องของฉินหร่านอยู่ติดกับเฉิงเจวี้ยน ที่พักยังคงเป็นสไตล์ธรรมชาติ ตอนนี้ดึกมากแล้ว เฉิงมู่ได้นำกระถางดอกไม้ของเมื่อวานวางบนโต๊ะในห้องฉินหร่าน

ในห้องมีสภาพโล่งแต่ไม่กว้าง ทว่าเฉิงเวินหรูในตอนนี้ไม่สนใจห้องของฉินหร่าน ดวงตาของเธอจ้องฉินหร่านเขม็ง

ฉินหร่านดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง

พลางก้มหัวก่อนใช้มือหมุนอยู่ครู่หนึ่ง คิดอยู่สักพักก่อนถามเฉิงเวินหรูว่า “คุณจะเอากี่ขวดคะ?”

เฉิงเวินหรูอึ้งไปชั่วขณะ ยังจะถามได้ว่าเอากี่ขวดเหรอ?

เธอเดินไปหาฉินหร่านสองก้าวก่อนก้มหน้ามองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ…

เนื่องจากเธอค้นพบว่า ในลิ้นชักของฉินหร่านมีขวดดอกไม้จีนอยู่กองหนึ่ง!

ฉินหร่านไม่รู้ว่าเฉิงเวินหรูจะเอาเท่าไหร่ เมื่อเห็นเฉิงเวินหรูไม่พูดอะไร จึงส่งขวดใหม่ให้เธอสองขวดอย่างไม่คิดมาก

ตอนที่เธอกลับประเทศมา หลินซือหรานก็ให้เธอเก็บไว้สองขวด ต่อมามือของเธอได้รับบาดเจ็บ คุณพ่อหลินจึงให้หลินซือหรานนำมาให้เธออยู่หลายขวด จากนั้นหลินซือหรานก็ให้เธออีกขวด ไม่กี่วันก่อนที่ไปกินข้าวด้วยกัน คุณพ่อหลินก็ส่งให้เธออีกตั้งหลายขวด…

รวมกันแล้วมีทั้งหมดสิบกว่าขวดได้

งานประมูลช่วงก่อน เฉิงเวินหรูไม่เคยโชคดีได้เจอถึงสิบกว่าขวดที่วางกองกันแบบนี้

ทันใดนั้นสมองของเธอก็มีแต่ความสับสน

ทว่าเฉิงเวินหรูก็มีความสามารถในการควบคุมตัวเองได้ดี เธอได้สติกลับมาโดยเร็ว พลางเก็บทั้งสองขวดเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างทันท่วงที

**

ที่จอดรถด้านล่าง

เลขาหลี่เห็นเฉิงเวินหรูถือดอกไม้จีนออกมา พลางขมวดคิ้วสังเกตอย่างละเอียดรอบหนึ่ง “ด้านบนนี้มีเลขรหัส…”

เฉิงเวินหรูเก็บดอกไม้จีนลงไป ไม่ตอบคำถามของเขา เพียงให้เขาขับรถไปที่สถาบันวิจัย

สามวันก่อนหน้านี้ ใบไม้สองใบที่เธอฝากไว้กับสถาบันวิจัยน่าจะได้ข้อสรุปแล้ว

เวลาสี่ทุ่มครึ่ง คนในสถาบันการวิจัยยังทำงานกันไม่เสร็จ จะเข้าสถาบันได้จำเป็นต้องใช้บัตรหรือคนจากด้านในเปิดให้เท่านั้น เฉิงเวินหรูยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของสถาบันการวิจัย พลางคุยโทรศัพท์

ไม่นาน เจ้าหน้าที่วิจัยในชุดขาวก็เดินออกมา นำกระดาษใบหนึ่งส่งให้เฉิงเวินหรู “อันนี้เป็นผลรายงานครับ ใบไม้ทั้งสองใบเป็นพันธุ์เดียวกัน หากจะบอกว่ามีอะไรต่างกัน ก็คงเป็นใบที่หนึ่งยาวกว่าใบที่สองเล็กน้อยครับ”

ที่แท้ใบแรกจากกระถางของฉินหร่านก็ไม่ต่างอะไรกับของตัวเอง

เฉิงเวินหรูสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนรับกระดาษรายงานแผ่นนั้นมา “ขอบคุณค่ะ”

ตอนนี้ค่ำมากแล้ว วันนี้เฉิงเวินหรูจึงไม่ได้กลับคฤหาสน์ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้หลังเลิกงานเสร็จค่อยกลับไป

อีกทั้ง…

เธออยากจะเช็กข้อมูลบางอย่างสักเล็กน้อย

เฉิงเวินหรูนั่งอยู่บนรถ

อดใจไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเฉิงเจวี้ยนประโยคหนึ่ง

[บ้านเพื่อนตัวน้อยของนายเขาทำอะไรกัน?]

เธอรู้ดีว่าเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ให้ของพวกนี้แก่ฉินหร่าน

**

วันรุ่งขึ้น ณ สมาคมไวโอลิน

ฉินอวี่ถือบัตรเดินเข้าชั้นเรียน

เนื่องจากเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เธอต้องเจอกับญาติพี่น้องมากมาย จึงเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานช่วงบ่าย

เธอกังวลเกี่ยวกับประเมินผลไวโอลินทั้งเรื่องรายการของเดือนสิงหาคมปีนี้ วันนี้จึงรีบมาที่สมาคมไวโอลินแต่เช้า

ช่วงเวลาเกือบสิบเดือน คนในสมาคมไวโอลินส่วนใหญ่ต่างรู้จักฉินอวี่ว่าคนผู้นี้ไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นพิเศษ ทว่ามีความเพียรเป็นเลิศ

สิ้นปีที่แล้วเธอสอบได้ระดับห้า

แม้แต่อาจารย์ทางสมาคมไวโอลินก็คิดว่าการสอบในเดือนสิงหาคมปีนี้เธอน่าจะอยู่ระดับหกได้อย่างไร้ข้อกังขา

“ดูสิ คนนั้นคือฉินอวี่…” บ่อยครั้งที่มีคนเห็นเธอมักจะซุบซิบเรื่องเธอ

ฉินอวี่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ รูดบัตรเดินเข้าไป เมื่อได้ยินคนกลุ่มหนึ่งพูดถึง เธอไม่ได้แสดงสีหน้ามากนัก

เมื่อได้ไปรัฐ M ฉินอวี่เข้าใจทันทีว่าสมาคมไวโอลินเมืองหลวงไม่ใช่เวทีสุดท้ายของเธอ เธออยากยกระดับฐานะของตัวเองในเมืองหลวง ทั้งปีนี้ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมการเรียนที่สถาบันศึกษารัฐ M

เธอขึ้นชั้นสอง ขณะที่ประตูลิฟต์ปิด เสียงของกลุ่มที่ยืนพูดคุยเรื่องฉินอวี่อยู่ไม่ไกลก็ดังขึ้น

“ฉินอวี่ที่อยู่อันดับหนึ่งรุ่นเยาวชนนะเหรอ ฉันได้ข่าวมาว่า เดือนหน้าเธอจะได้ขึ้นอันดับหกแล้ว…”

ฉินหร่าน เถียนเซียวเซียวและวังจือเฟิงเดินเข้าลิฟต์ด้วยกัน

ทั้งสามคนก็พึ่งมาถึงชั้นล่าง

“ฉินอวี่เหรอ?” ฉินหร่านหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก

ระหว่างสามคนนี้ วังจือเฟิงคือคนที่รู้เรื่องในสมาคมมากที่สุด เขาคิดว่าฉินหร่านกำลังถามว่าฉินอวี่คือใคร “ก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ไต้ เป็นคนฝีดีคนหนึ่ง คนในสมาคมไวโอลินต่างรู้ดีกว่าเธอเป็นคนเข้มงวดมาก ฉันว่าการเล่นไวโอลินของเธอต้องถึงระดับหกแน่นอน เจ้าตัวก็เป็นคนแซ่ฉินนะมาจากสกุลเดียวกับเธอเลย”

“ทำไมถึงได้ระดับหกเร็วจัง?” เถียนเซียวเซียวรู้สึกประหลาดใจ การเล่นไวโอลินของเธอนับว่าไม่เลว ทว่าเมื่อเข้าร่วมสมาคมไวโอลินแล้วจึงรู้ว่าฝีมือของเธอเทียบไม่ติดจริงๆ “แต่ว่าหรานหร่าน ทำไมถึงไม่มีอาจารย์คนไหนรับเธอเป็นศิษย์อีกละ? ฉันว่าไต้หรานต้องมาหาเธอแน่”

“ใช่” วางจื่อเฟยมองมายังฉินหร่าน “อาจารย์ไต้ยังไม่ได้ติดต่อเธอมาอีกเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่า”

การที่ไต้หรานรับลูกศิษย์อย่างกว้างขวางกระตุ้นให้เกิดความกดดันต่ออาจารย์เว่ย เพื่อได้เป็นผู้นำของสมาคม

ประตูลิฟต์เปิดออก ฉินหร่านเดินเข้าไป เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอมองเถียนเซียวเซียวและวางจื่อเฟยอยู่แวบหนึ่งโดยไม่ตอบอะไร

**

ชั้นสอง ฉินอวี่เดินตรงไปยังห้องซ้ายมือระดับสี่ห้องแรกที่ตัวเองมักใช้ฝึกซ้อม ในห้องฝึกซ้อมมีสองคนอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ฉินอวี่อยู่ด้วยตั้งแต่ตอนแรก

เมื่อเห็นฉินอวี่เดินเข้ามา ทั้งสองคนจึงทักทายเธอ

“ฉินอวี่ อาจารย์ไต้จะรับลูกศิษย์ไหม?”

เรื่องนักเรียนใหม่ที่อยู่ระดับห้าของปีนี้ ได้กระจายเป็นวงกว้างในสมาคมแล้ว นักเรียนใหม่ต่างพูดถึงฉินอวี่ ส่วนนักเรียนเก่าเหล่านี้ก็ต่างเกรงกลัวฉินหร่าน

นักเรียนเก่ากลุ่มนี้ไม่เหมือนนักเรียนใหม่ที่เข้าใจระบบการแบ่งลำดับของสมาคมมากกว่า แม้ยังไม่เคยผ่านการอบรมจากทางสมาคมแต่ผู้ที่สามารถคว้าระดับห้าได้ด้วยตัวเองดูน่ากลัวกว่ามาก…

มีนักเรียนระดับสามไม่น้อยที่เข้าสมาคมมา ใช้เวลาเรียนอยู่สามปีแต่ก็ไม่อาจคว้าระดับห้าได้

“รับศิษย์เหรอ?” ฉินอวี่หยิบบันทึกเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นวางหนังสือ “เถียนอี้อวิ๋นเหรอ? เธอน่าจะอยู่ระดับสี่นะ อาจารย์น่าจะรับเธอเป็นศิษย์แล้ว”

“ไม่ใช่เธอ” ชายที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้า “นักเรียนระดับห้าคนใหม่คนนั้น…”

“นักเรียนระดับห้า?” ฉินอวี่อึ้งไปสักพัก “นักเรียนใหม่ระดับห้าเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แล้วเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คนไหน?”

เธอรู้เรื่องเกณฑ์ของนักเรียนระดับห้าดี ถ้าหากไม่ใช่ลูกศิษย์ของอาจารย์ในสมาคมคนไหน ก็ไม่อาจคว้าอันดับห้าด้วยตัวเองได้…

ฉินอวี่ถือสมุดบันทึก พลางเดินไปที่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เปิดอยู่

ก่อนเปิดข้อมูลรายชื่อนักเรียน

อันดับเยาวชน

นักเรียนระดับสูงฉินอวี่ (ระดับห้า)

นักเรียนระดับสูงฉินหร่าน (ระดับห้า)

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset