เลขากลีบฉ่ำ – ตอนที่ 3

บ้าไปแล้ว พราวฟ้า… นี่เธอกำลังคิดบ้าอะไรเนี่ย ผู้ชายคนนี้เพิ่งรู้จักกันนะ แถมเธอก็ยังมีผู้ชายในหัวใจแล้วด้วย

พราวฟ้าปรามตัวเองดังๆ ในอก เพราะเกิดหวั่นไหวขึ้นมา

“เอ่อ… แต่ฉันเดินกลับบ้านเองได้จริงๆ นะคะ”

“คุณรังเกียจผมหรือครับ”

พอถูกถามด้วยคำถามนี้เข้าไป หล่อนจึงไม่อาจจะผลักไสเขาได้อีก

“ก็… ได้ค่ะ”

รอยยิ้มจากใบหน้าของราฟาเอลทำไมมันสดใสนักนะ หล่อนไม่เห็นรอยยิ้มของผู้ชายคนไหนน่ามองเท่ากับรอยยิ้มตรงหน้านี้มาก่อนเลย

“แล้วอย่ามาบ่นเมื่อยขานะคะ”

“ผมไม่บ่นหรอกครับ”

แล้วรอยยิ้มของราฟาเอลก็ลดลงเหลือเพียงแค่อมยิ้มเท่านั้น เขาขยับเข้ามาใกล้ และเอ่ยอนุญาต

“ผมประคองคุณนะครับ”

“เอ่อ…”

“ผมไม่ใช่ผู้ชายบ้ากามที่หวังจะแตะอั๋งคุณหรอกครับ”

หล่อนหัวเราะขบขัน ส่ายหน้าไปมา จนเส้นผมที่ถูกขมวดอยู่กลางศีรษะแทบจะหลุดร่วงลงมาเลยทีเดียว

“ผู้ชายหล่อๆ อย่างคุณ ไม่มีทางมาคิดแตะอั๋งป้าเชยๆ อย่างฉันหรอกค่ะ จริงไหมคะ”

“ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกใบนี้หรอกครับ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหายไป และสายตาของเขาก็เข้มขึ้น แต่ไม่นานสายตาแบบนั้นของเขาก็จางหายไป และเขาก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม

“ผมล้อเล่นน่ะ”

“เอ่อ…”

หล่อนพูดได้แค่นั้นก็ต้องสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือใหญ่ของราฟาเอลแตะมาที่เอว และแขนของหล่อน แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่ได้คิดอะไรส่อไปในทางเพศเลย แต่ก็อดร้อนวูบวาบไปทั้งตัวไม่ได้

ก็หล่อนไม่เคยถูกผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวแบบนี้มาก่อนนี่น่า ขนาดคริสเตียโน ผู้ชายที่หล่อนชอบ เขาก็ยังไม่เคยแม้แต่จะได้จับมือของหล่อน

“คุณโอเคนะ”

“ค่ะ ฉันโอ… เค… ม๊ากกกก”

เขาถามหล่อนเมื่อประคองหล่อนเดินเข้ามาในซอยบ้าน

“แล้วทำไมต้องเน้นเสียงสูงล่ะครับ”

“ไม่สู๊งงงง สักหน่อย ฉันก็พูดปกตินี่คะ”

ราฟาเอลหัวเราะขบขัน ชวนหล่อนคุยนู้นนี่นั่นไปตลอดทาง จนระยะทางจากปากซอยถึงบ้านที่ว่าไกลๆ กลับใกล้ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

“ถึงแล้วค่ะ…”

“นั่นบ้านคุณหรือครับ”

“ใช่ค่ะ”

ราฟาเอลมองเข้าไปในตัวบ้านสองชั้นหลังกะทัดรัดที่อยู่ในรั้วสีขาวกลางเก่ากลางใหม่ด้วยสายตาพึงพอใจ

“บ้านคุณน่าอยู่ดีนะครับ”

“ถ้าในสายตาของฉัน แน่นอนค่ะ บ้านนี้น่าอยู่มาก เพราะฉันอยู่มาตั้งแต่เล็ก และก็รักที่นี่มากด้วย แต่ในสายตาคนอื่น บ้านของฉันอาจจะเล็กอาจจะแคบเกินไปก็ได้ค่ะ”

“คนอื่นคนนั้นไม่ใช่ผมแน่ๆ”

“คะ?”

หล่อนช้อนตามองผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาข้างๆ ตัวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมา เพราะเดาว่าราฟาเอลน่าจะเป็นผู้ชายพูดจาสุภาพ

“เพราะผมคิดว่าบ้านของคุณน่าอยู่ยังไงล่ะครับ”

“งั้น… เข้าไปดื่มน้ำก่อนไหมคะ”

ชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะแสดงสีหน้าเสียดายออกมา

“วันนี้ผมคงไม่สะดวกครับ พอดีมีนัดกับพี่ชาย เอาไว้วันหน้าผมจะแวะมาหานะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ งั้นคุณก็กลับเถอะ”

เขาระบายยิ้มให้หล่อนอีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่หล่อนไม่เคยได้รับจากผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หัวใจของหล่อนเต้นโครมครามแปลกประหลาด แต่ก็จำต้องสะกดมันเอาไว้

“ขอบคุณสำหรับก๋วยเตี๋ยวนะครับ”

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณเช่นกันค่ะ หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่นะคะ”

“แน่นอนครับ”

ทำไมราฟาเอลมั่นใจแบบนี้นะ

หล่อนสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะหลังจากเขาโบกมือลาแล้ว เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที

พราวฟ้าเป่าลมออกจากปากเบาๆ มองตามเรือนร่างสูงใหญ่ของราฟาเอลไปจนลับสายตา จากนั้นก็หมุนตัวเดินผ่านรั้ว กลับเข้าไปในบ้าน เมื่อขึ้นมาถึงห้องโถง แม่ก็เอ่ยถามอย่างสนใจ

“ผู้ชายตัวสูงๆ หน้าตาดีเมื่อกี้ใครเหรอ พราว”

“แม่เห็นด้วยเหรอจ๊ะ”

หญิงสาววางกระเป๋าสะพายลง และทรุดตัวนั่งข้างๆ มารดา

“เห็นสิ หล่อจนใจแม่สั่นเลยล่ะ”

พราวฟ้าส่ายหน้าไปมาน้อยๆ และหัวเราะขบขันออกมา

“แม่พูดขำๆ ใช่ไหมจ๊ะเนี่ย”

“เปล่าสักหน่อย พูดจริงจากใจเลยล่ะ” แม่ของหล่อนยืนยันคำเดิม ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของพราวใช่ไหมเนี่ย”

“เฮ้ย… ไม่ใช่นะแม่ ทำไมแม่คิดแบบนี้ล่ะ”

หล่อนปฏิเสธมารดาแทบไม่ทัน

“อ้าว ก็แม่เห็นยืนคุยกันตั้งนาน และที่สำคัญแม่ก็ไม่เคยเห็นพราวให้ผู้ชายคนไหนมาส่งที่บ้านเลยสักครั้ง”

“ไม่ใช่แฟนของพราวหรอกแม่”

“แล้ว แล้วเขาเป็นใครล่ะ”

น้ำเสียงของแม่มีความผิดหวังจนรู้สึกได้

หล่อนเองก็ถอนใจออกมาเบาๆ และบอกความจริงกับมารดาไป

“พอดีเรารู้จักกันที่ปากซอยโดยบังเอิญน่ะแม่ เราก็เลยคุยกัน”

“เขาจีบพราวน่ะสิ”

“ไม่นะแม่…” หล่อนส่ายหน้าดิก “จะมีผู้ชายที่ไหนชอบผู้หญิงเชยๆ เฉิ่มๆ แบบพราวล่ะจ๊ะ”

“ก็แม่บอกแล้วให้ไปทำเลสิคซะ แล้วจะได้เลิกใส่แว่นตาเสียที”

“พราวยังไม่พร้อมน่ะแม่ เงินเก็บที่มีก็อยากจะเอาไว้ในบัญชีก่อน”

“แม่รู้ว่าพราวไม่อยากใช้เงิน แต่ถ้าการทำเลสิค มันจะทำให้ชีวิตของพราวดีขึ้น มองเห็นได้กว้างไกลขึ้น พราวก็ควรทำนะลูก เงินน่ะ ไม่ตายก็หาใหม่ได้เสมอนั่นแหละ”

“พราวรู้จ้ะ แต่พราวว่ายังไม่จำเป็นน่ะ เอาไว้รอให้ไม่มีเลนส์แว่นตาสำหรับคนสายตาสั้นอย่างพราวก่อน แล้วค่อยไปทำ”

แม่ของหล่อนถอนใจยาวเหยียดอย่างเบื่อหน่าย เพราะพูดมาหลายรอบแล้ว แต่พราวฟ้าก็ยังยืนยันคำเดิม นั่นก็คือรอก่อน

“ก็ตามใจจ้ะ ลูกรัก”

หล่อนยิ้มให้มารดา และลุกขึ้นยืน

“งั้นพราวไปอาบน้ำก่อนนะแม่”

“ไปเถอะ แล้วออกมากินข้าวพร้อมกันนะ”

แม้พราวฟ้าจะอิ่มก๋วยเตี๋ยวที่กินพร้อมกับราฟาเอลมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้แม่กินข้าวคนเดียว ดังนั้นหล่อนจึงยอมอ้วน

“จ้ะแม่ พราวอาบน้ำแปบเดียวจ้ะ”

“แหม ไม่ต้องบอกหรอก แม่รู้ว่าพราวน่ะ แค่เอาน้ำสาดกำแพงพอเปียกก็เสร็จแล้ว”

“แม่อ่ะ พราวไม่ได้สกปรกขนาดนั้นสักหน่อย”

หญิงสาวรู้ว่าแม่แซวเล่น แต่หล่อนก็อดทำหน้าเง้างอใส่มารดาไม่ได้

“ไปอาบน้ำได้แล้ว แม่รออยู่”

“จ้ะแม่”

หล่อนเดินตรงมายังห้องพักของตัวเอง แต่ระหว่างทางสมองก็ดันคิดไปถึงราฟาเอลอย่างน่าแปลกใจ

“นายนั่นถึงบ้านหรือยังนะ”

หล่อนพึมพำ แต่พอนึกขึ้นได้ก็ปรามตัวเองทันที

“เราจะไปคิดถึงนายนั่นทำไมนะ ในเมื่อมันก็ไม่มีทางจะได้เจอกันอีกแล้วล่ะ”

หญิงสาวบอกตัวเองเบาๆ ในอก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน

เลขากลีบฉ่ำ

เลขากลีบฉ่ำ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เลขากลีบฉ่ำคริสเตียโน ซาโนรี่ หรี่ตามองเลขาหน้าห้องของตัวเองด้วยความประหลาดใจ พราวฟ้า บวรศักดิ์ ทำงานกับเขามาห้าปีเต็ม ตั้งแต่หล่อนจบปริญญาตรีมาใหม่ๆ หญิงสาวเป็นคนหัวไว ทำงานคล่องแคล่ว และรู้ใจเขาเป็นที่สุด จนเขาคิดว่าจะทำงานกับเลขาคนนี้ไปจนกว่าบริษัทตัวเองจะเจ๊ง แต่จู่ๆ หล่อนก็มายื่นใบลาออก โดยให้เหตุผลว่า ‘เบื่อ’ ที่หล่อนเบื่อนี่ หล่อนเบื่องาน หรือว่าเบื่อเจ้านายอย่างเขากันแน่? “ผมยังไม่อนุมัติหรอกนะ จนกว่าผมจะได้เหตุผลดีๆ จากการยื่นใบลาออกของคุณ พราวฟ้า” เขาจะมารั้งหล่อนเอาไว้ทำไมกัน ในเมื่อเลขาหน้าตาเฉิ่มเชยอย่างหล่อน ก็เป็นได้แค่ทาสที่เดินตามเขาต้อยๆ เท่านั้น ไม่เคยเลยที่เขาจะหันมามองหรือว่าใส่ใจความรู้สึกของหล่อน เพราะอะไรน่ะเหรอที่หล่อนทำงานกับเขามายาวนานขนาดนี้ เพราะว่าหล่อนตกหลุมรักเขายังไงล่ะ หล่อนเห็นเขาตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเพิ่งเรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมปีที่สามเท่านั้น คริสเตียโน ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษที่โรงเรียน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หล่อนตั้งใจและใฝ่ฝันว่าจะต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาให้ได้ ซึ่งเวลาผ่านมาอีกหลายปีหล่อนก็ทำสำเร็จ หล่อนได้เข้าไปทำงานในบริษัทของเขา และก็โชคดีมากที่ได้ตำแหน่งเลขาหน้าห้องมาครอบครอง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset