คริสเตียโนยิ้มให้กับหล่อน และมันก็ทำให้หล่อนอดคิดไปถึงรอยยิ้มของราฟาเอลไม่ได้ ทำไมดูรอยยิ้มคล้ายๆ กันนะ
หล่อนสับสน แต่ก็รีบขจัดมันออกไปจากหัวโดยเร็วที่สุด
“วันนี้บอสมีประชุมตอนเก้าโมงนะคะกับแผนกขาย และก็มีนัดกับลูกค้าตอนบ่ายสอง”
“โอเค ผมรับทราบแล้ว”
เขายิ้มให้อีกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มว่างเปล่าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ
พราวฟ้าคิดอย่างปลงๆ ก่อนจะเอ่ยถามคริสเตียโนอย่างห่วงใย
“วันนี้บอสมาแต่เช้า รับกาแฟสักถ้วยไหมคะ”
“ขอบใจ แต่ผมดืมกาแฟกับน้องชายมาแล้ว”
“น้องชาย?”
นี่อย่าบอกนะว่าน้องชายเพียงคนเดียวของคริสเตียโนเดินทางกลับมาจากอังกฤษแล้ว ชื่ออะไรนะ หล่อนจำไม่ได้แล้วเสียด้วย
“ใช่ วันนี้ผมพาน้องชายมาดูงานที่นี่น่ะ ถ้ามีเวลาเหลือ ผมคงจะพามาทำความรู้จักกับคุณ”
“เอ่อ ค่ะ”
“อ้อ… ผมลืมบอกไป คุณทำเรื่องลาพักร้อนให้ผมด้วยนะ”
“บอสจะลาพักร้อนวันไหนคะ และกี่วัน”
สีหน้าของคริสเตียโนเกลื่อนไปด้วยความเบื่อหน่าย
“อีกสามอาทิตย์น่ะ แต่ลาแค่สองวันพอ”
“บอสจะกลับอังกฤษเหรอคะ”
“ใช่ จะไปแต่งงานน่ะ”
แม้น้ำเสียงของคริสเตียโนจะไม่ได้ให้ราคาอะไรกับสิ่งที่พูดนัก แต่หัวใจของพราวฟ้าก็ร่วงหล่นลงกระแทกพื้นโครมใหญ่
นี่… คริสเตียโน… กำลังจะแต่งงานอย่างนั้นเหรอ ทำไม… ทำไมหล่อนไม่เคยได้ข่าวนี้มาก่อนเลยล่ะ แล้วทำไม… เขาถึงรีบแต่งงาน…?
“บอส… รีบร้อนจนพราวตั้งตัวไม่ทันเลย”
หล่อนฝืนหัวเราะออกมา ทั้งๆ ที่ภายในอกกำลังร้องไห้ เพราะอกหักดังเป๊าะเสียงดังลั่น
“ผมไม่ได้เต็มใจ ที่ต้องแต่งก็เพราะความจำเป็น ยังไงฝากคุณทำเรื่องลาพักร้อนให้ด้วยก็แล้วกัน”
“ค่ะ บอส”
แล้วผู้ชายที่หล่อนรักมานานแสนนานก็เดินจากไป หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เพื่อกั้นเสียงสะอื้น
หล่อนจะทำยังไงดี ถึงจะไม่ร้องไห้ออกมาให้คนอื่นเห็น
หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ และมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำด้วยความเร็วที่สุดในชีวิต
ทำไมพระเจ้าถึงใจร้ายกับหล่อนนักนะ ให้หล่อนทำใจได้ก่อนไม่ได้เหรอ ค่อยให้คริสเตียโนมีเมียน่ะ
แล้วพราวฟ้าก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างเต็มที่
“คุณพราวไปไหนซะล่ะ คุณนก”
คริสเตียโนที่เดินนำหน้าราฟาเอลน้องชายเอ่ยถาม เมื่อคนที่นั่งประจำโต๊ะเลขาหน้าห้อง ไม่ใช่พราวฟ้าอย่างที่ควรจะเป็น
“พี่พราวปวดหัวมากเลยค่ะ ก็เลยขอลาป่วยกับบ้านไปแล้วค่ะ”
“เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลย” คริสเตียโนพึมพำออกมา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“งั้นคุณเอารายงานประชุมของอาทิตย์ที่แล้วเข้ามาให้ผมก็แล้วกัน”
“ของแผนกไหนคะบอส”
“บัญชี”
“ค่ะ”
เมื่อคู่สนทนาตอบรับคำสั่ง คริสเตียโนก็หันไปมองหน้าน้องชาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อสีหน้าของราฟาเอลดูมีความเป็นกังวล
“นายเป็นอะไรไปหรือราฟ ทำไมหน้าดูเครียดๆ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย”
“ผมรู้สึกปวดหัวขึ้นมาน่ะครับ”
“ปวดหัว?”
“ครับ วันนี้คงดูงานต่อกับพี่คริสไม่ไหวแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้แทนนะครับ”
“อ้าว แล้วนายจะไปไหนล่ะนั่น”
เมื่อน้องชายทำท่าจะปลีกตัวจากไป คริสเตียโนก็อดที่จะถามไม่ได้
“ผมจะไปซื้อยาแก้ปวดกินน่ะครับ”
“ไม่ต้องไปซื้อหรอกที่ห้องพยาบาลก็มี”
“ผมกินแล้วก็จะกลับบ้านเลยครับ ขอตัวก่อนนะครับพี่คริส”
แล้วราฟาเอลก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หยุดฟังอะไรอีก
“อะไรของมันวะ”
คริสเตียโนมองตามไปด้วยความไม่เข้าใจ
ราฟาเอลยืนชะเง้อคออยู่นอกรั้วบ้านของพราวฟ้า ในมือมีถุงยาแก้ปวดหิ้วอยู่
“มาหาใครเหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม”
มารดาของพราวฟ้าออกมาเห็นพอดี
“สวัสดีครับ ผมมาหา… พราวฟ้าน่ะครับ”
มารดาของพราวฟ้าเอียงคอเล็กน้อย เมื่อมองหน้าราฟาเอล ก่อนจะยิ้มแย้มออกมา
“พ่อหนุ่มคนเมื่อวานนั่นเอง”
“คุณน้ารู้จักผมด้วยเหรอครับ”
ราฟาเอลถามด้วยความแปลกใจ
“ก็เมื่อวานพ่อหนุ่มพาลูกสาวของน้ามาส่งที่บ้านไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
ราฟาเอลระบายยิ้ม โหนกแก้มสูงมีสีระเรื่อ
“ใช่ครับ”
“งั้นเข้าบ้านมาก่อนเถอะ ยืนตากแดดเดี๋ยวดำหมดพอดี แดดเมืองไทยยิ่งร้อนๆ อยู่” ว่าแล้วก็รีบกุลีกุจอเปิดประตูรั้วต้อนรับชายหนุ่มที่หน้าตาราวกับเทพบุตรเข้ามาภายในบ้าน
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
ราฟาเอลเดินตามมารดาของพราวฟ้าเข้าไปในบ้าน
“บ้านคุณน้าสวยจังเลยนะครับ”
“แหม บ้านคนจนจะสวยงามได้ยังไงล่ะจ๊ะ ก็ได้แค่นี้แหละจ้ะ”
“แต่บ้านคุณน้าสวยจริงๆ ครับ และสะอาดมากด้วย”
“แหม ปากหวานจริงๆ นะพ่อหนุ่ม มามา มานั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวน้าไปตามพราวมาให้”
“เอ่อ ไม่ต้องดีกว่าครับ ผมแค่แวะเอายามาให้เฉยๆ น่ะครับ”
เพราะไม่อยากให้หญิงสาวที่ตัวเองคิดว่ากำลังไม่สบายอยู่ต้องลำบากลุกขึ้นมาหา
“แต่น้าก็ไม่เห็นพราวมันบ่นว่าเป็นอะไรเลยนะ เห็นแค่ตาแดงๆ บวมๆ เท่านั้นเอง”
“ไม่ได้ปวดหัวไม่สบายหรือครับ”
“ไม่นี่จ๊ะ”
ราฟาเอลแปลกใจ ใบหน้าหล่อจัดมีร่องรอยการครุ่นคิดไม่น้อย
“งั้นเดี๋ยวน้าไปบอกพราวให้นะว่าพ่อหนุ่มมาหา อ้อ… พ่อหนุ่มชื่ออะไรนะ น้าจะได้บอกพราวถูก”
“ผมชื่อราฟครับ”
“ชื่อเพราะด้วย งั้นเดี๋ยวน้ามาจ้ะ”
“ขอบคุณครับ”
แม่ของพราวฟ้าเดินจากไปแล้ว ในขณะที่ราฟาเอลกำลังเต็มไปด้วยความสับสน
“นี่คุณ… เป็นอะไรกันแน่นะ พราวฟ้า”