เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 112

เมื่อหั่วซีหยูเห็นดังนั้น สายตาของเขาก็ตื่นตระหนกทันที เขาไม่อยากให้แคลร์ตาย!  

 

 

ชิ่ว… ตูม!  

 

 

เปลวไฟกระจายไปทั่วทุกที่  

 

 

หั่วซีหยูมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ  

 

 

แคลร์สร้างโล่ไฟขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการโจมตีของเขา สีของเปลวไฟนั้นเป็นสีขาว! มันเป็นไฟคนละแบบ! หญิงผู้นี้สามารถใช้งานไฟได้มากกว่าหนึ่งชนิด! ก่อนหน้ามันเคยเป็นเปลวไฟสีทองที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเปลวไฟสีขาวแล้ว!  

 

 

นางคืออัจฉริยะที่หาตัวได้ยากมากและที่สำคัญที่สุดคือเด็กหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะอายุไม่เกิน สิบห้าปีเท่านั้น ในอนาคตพลังของหญิงผู้นี้จะต้องไร้ขีดจำกัดแน่นอน!  

 

 

“ดี! ดีมาก วันนี้เจ้าต้องกลับไปกับข้า!” หั่วซีหยูพูด “ใครก็ตามที่คิดจะหยุดข้า มันผู้นั้นจะต้องตาย!”  

 

 

“นิกายลี้ลับไม่ยุ่งเรื่องทางโลกและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางโลก แล้วท่านเริ่มบังคับให้คนอื่นเป็นศิษย์ของท่านได้เมื่อไหร่กัน?” คามิลล์บอกอย่างเย็นชา  

 

 

เห็นได้ชัดว่าคามิลล์พูดกับหั่วซีหยูคล้ายๆ กับที่หลี่เยว่เหวินพูดเลย  

 

 

“หึ! วันนี้ข้าก็ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด แล้วทีนี้จะมีใครรู้ล่ะ?” ดวงตาของหั่วซีหยูเป็นประกายราวกับว่าเขาคิดที่จะเริ่มฆ่าแล้ว คำพูดของคนเหล่านี้ทำให้เขารู้สึก เสียหน้า ดังนั้นเรื่องในวันนี้ต้องไม่ถูกเผยแพร่ ออกไปอย่างเด็ดขาด!  

 

 

การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป เพราะจากที่ประเมินแล้ว ความแข็งแกร่งของบุคคลนี้อยู่เหนือพวกเขามาก ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของบุคคลนี้ได้เลย!  

 

 

แคลร์มองหั่วซีหยูผู้เย็นชาที่เคลื่อนไหวอย่างน่ากลัว จากนั้นแคลร์ก็ค่อยๆกำหมัดแน่น  

 

 

ความแข็งแกร่งทำให้คนมี สิทธิ์ในการพูด!  

 

 

วันนี้ หากไม่ใช่หั่วซีหยูที่ต้องตายก็ต้องเป็นพวกเขาเองที่จะถูกกำจัดทั้งหมด  

 

 

“อีกสักพักก็คงจะมีคนมาอีก ท่านมีความสามารถมากพอที่จะฆ่าคนทั้งหมดในเมืองได้หรือไม่ล่ะ?” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่มองคนไร้เหตุผลตรงหน้า  

 

 

“ห้ะ!” หั่วซีหยูส่งเสียง ทันใดนั้นมือทั้งสองก็ประสานกันที่หน้าอกและตะโกน “ปิดฟ้า!” สองมือถูกแยกออกจากกันและเปลวไฟสีน้ำเงินก็พวยพุ่งออกมาจากมือทั้งสอง หลังจากนั้นเปลวไฟก็หมุนไปรอบๆและกลายเป็นกำแพงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนขนาดใหญ่ ทุกคนถูกขัง อยู่ข้างในเปลวไฟสีน้ำเงินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนนั้นแล้ว  

 

 

เปลวไฟสีน้ำเงิน? ทุกคนมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเปลวไฟสีนี้เป็นครั้งแรก นี่มันไฟประหลาดอะไรกัน?  

 

 

เขตกั้น? เขตกั้นจะเป็นเช่นนี้งั้นหรือ? นี่มันคือกรงไฟ!  

 

 

“เก็บ!” หั่วซีหยูพูดในขณะที่ลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินรูปสี่เหลี่ยมก็เคลื่อนที่เข้าหา กันอย่างรวดเร็วและบีบเข้าหาผู้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางเปลวไฟนั้น  

 

 

ลมหายใจร้อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำเอาทุกคนร้อนผ่าว เมื่อเปลวไฟสีน้ำเงินใกล้เข้ามา ทุกที่ที่เปลวไฟผ่าน ก็ไหม้เกรียมไปทันที ไม่ว่าจะเป็นหญ้า ต้นไม้หรือก้อนหินล้วนกลายเป็นผง พื้นดินมีกลิ่นไหม้ หากเปลวไฟสัมผัสร่างกายของคนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรล่ะ?  

 

 

จินเหยียนขมวดคิ้ว เขาโบกดาบในมือแล้วส่งเสียงต่ำพร้อมระเบิดพลังยุทธ์สีเงินออกมา เขาเหวี่ยงดาบด้วยกำลังทั้งหมดของเขา รังสีของดาบที่ทรงพลังทำให้เกิดรอยแตกที่ยาวและใหญ่บนพื้นไปจนถึงเปลวไฟสีน้ำเงินนั้น แต่ดาบของจินเหยียนก็ทำได้เพียงรูเล็กๆ บน กำแพงเปลวไฟสีน้ำเงินเท่านั้น จากนั้นรูนั้นก็หายไปทันที กำแพงเปลวไฟสีน้ำเงินกลับไปเป็นเหมือนเดิมและเคลื่อนเข้ามาอีก  

 

 

สีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งของพลังยุทธ์สีเงินดี แต่มันกลับทำลายกำแพงเปลวไฟสีน้ำเงินได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง!  

 

 

เวทมนตร์ที่สว่างไสวในมือของเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ถูกปล่อยออก ไป เช่นกัน กระสุนที่ส่องสว่างโจมตีไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่ผลก็เป็นเช่นเดียวกับการโจมตีของจินเหยียน มันเกิดรูขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม จากนั้นความรู้สึกร้อนรุนแรงก็มากขึ้นเรื่อยๆ และเปลวไฟอันตรายก็ ใกล้เข้ามามากขึ้นอีก  

 

 

หั่วซีหยูสะบัดนิ้วเบาๆ แล้วแสงสีน้ำเงินเล็กๆ ก็ตกลงบนร่างของแคลร์แล้วก็หายไป นั่นคือเครื่องหมายของหั่วซีหยู เพื่อให้แคลร์ปลอดภัย แต่ทุกคนจะถูกเผาจนเกรียม  

 

 

“หึ!” แคลร์ก้าวไปยืนอยู่หน้าทุกคน  

 

 

“แคลร์!” หลี่เยว่เหวินกระซิบ นางพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องตกใจกับพลังที่ระเบิดออกมาจากแคลร์อย่างกะทันหัน  

 

 

แคลร์ค่อยๆ หลับตาและยกมือขวาขึ้นเบาๆ “ดาบเปลวไฟ!”  

 

 

ตูม…  

 

 

ดาบขนาดใหญ่ที่เป็นเปลวไฟปรากฏขึ้นที่มือขวาของแคลร์ เปลวไฟสีทองกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง แต่มือของแคลร์ไม่ได้ถูกเผา  

 

 

เปลวไฟเปลี่ยนแปลงร่าง อีกครั้ง! หั่วซีหยูมองดาบเปลวไฟในมือของแคลร์ด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ เลย! ทุกคนที่อยู่ข้างหลังแคลร์มองไปที่ดาบเปลวไฟที่แคลร์ใช้ด้วยความประหลาดใจ แคลร์ไปฝึกฝนเทคนิคลับมาตั้งแต่ เมื่อไหร่กัน?  

 

 

“ตัด!” แคลร์ยกดาบขึ้นเหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้างแล้วตะโกนไปข้างหน้า จากนั้นก็เหวี่ยงดาบด้วยกำลังทั้งหมดของนาง  

 

 

เปลวไฟสีทองขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากปลายดาบตรงไปข้างหน้า  

 

 

เปลวไฟสีทองปะทะกับเปลวไฟสีน้ำเงินทำให้เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรงขึ้น  

 

 

ตูม!  

 

 

จากนั้นประกายไฟก็ปลิวไปทุกหนทุกแห่ง ประกายเหล่านั้นมันร้อนมาก  

 

 

กำแพงเปลวไฟสีน้ำเงินเสียหายไปมากกว่าครึ่ง หลังจากนั้นกำแพงเปลวไฟก็เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ทุกคนจึงรีบออกไปตามช่องว่างโดยไม่ได้รับ อันตรายใดๆ  

 

 

“ดีมาก ดีมากเลย เจ้ามีความเชี่ยวชาญในการแปลงเปลวไฟสินะ” เสียงของหั่วซีหยูดังขึ้นอย่างพึงพอใจหากเขารู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่แคลร์ใช้มัน เขาคงจะยิ่งรู้สึกดีใจมากขึ้นไปอีก  

 

 

พื้นดินโดยรอบมีกลิ่นไหม้และบริเวณนั้นก็กลายเป็นสถานที่ว่างเปล่าไปเลย  

 

 

ใกล้ๆมีเสียงดังขึ้น พวกเขาคือผู้คนที่ติดตามเหตุการณ์บนท้องฟ้าและกำลังมาที่นี่นั่นเอง  

 

 

หั่วซีหยูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและสะบัดนิ้วของเขา ลูกบอลสีน้ำเงินเล็กๆ ก็โผล่ออกมา ลูกบอลเปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แคลร์และคนอื่นๆ ไม่มีเวลาตอบโต้ ลูกบอลเปลวไฟสีน้ำเงินเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงตกใจของผู้คน จากนั้นลูกบอลเปลวไฟก็ตกลงบนพื้นและระเบิด ไม่มีเสียงร้องใดๆ เพราะสถานที่ที่กลุ่มคนเหล่านั้นอยู่กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่และพื้นที่นั้นก็ไหม้เกรียมจนมองไม่เห็นศพเลย!  

 

 

“เจ้า! เลวมาก!” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างขมขื่นขณะมองไปทางนั้น “คนพวกนั้นไม่ได้มีความคับแค้นใจอะไรกับเจ้า พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้าเลย แต่เจ้ากลับฆ่าพวกเขา!”  

 

 

ดวงตาของหั่วซีหยูเต็มไปด้วยความรังเกียจ คนเหล่านี้เป็นเพียงมดตัวเล็กๆเท่านั้น แม้ว่านิกายลี้ลับจะมีกฎห้ามฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ แต่อีกไม่นาน ผู้คนที่นี่ก็จะตายไปหมดแล้วจะมีใครไปพูดได้ว่า เขาได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจล่ะ? หลังจากที่หญิงสาวตัวน้อยนี่กลายเป็นศิษย์ของตนเอง นางจะได้เรียนรู้และได้รับการสอนจากตนเอง นางจำเป็นต้องเข้าใจว่าอำนาจคือกฎที่ควบคุมโลก  

 

 

แคลร์ขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของชายคนนี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้เลย หรือว่าวันนี้จะเป็นวันที่พวกเขา ตาย?  

 

 

ฟรึบ…  

 

 

ปีกสีทองคู่หนึ่งงอกขึ้นบนหลังของแคลร์และนางก็บินขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วโดยถือลูกศรเปลวไฟไว้และมองหั่วซีหยู  

 

 

“อะไร? เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้หรือ?” หั่วซีหยูยิ้มเบาๆ และมองแคลร์อย่างขบขัน  

 

 

แคลร์ไม่พูดแต่รีบบินขึ้นไปพร้อมกับดาบ  

 

 

“เห้อ” หั่วซีหยูถอนหายใจ อย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้นเขตกั้นที่โปร่งใสก็ปิดล้อมตัวแคลร์ไว้ภายใน แคลร์เหวี่ยงดาบออกไป แต่นางได้ยินเพียงเสียงดังกังวานชัดเจนเท่านั้น กำแพงไม่ได้พังลงแต่อย่างใด  

 

 

“ข้าจะจัดการคนเหล่านี้ซะแล้วจะพาเจ้ากลับไปที่นิกายลี้ลับพร้อมกับข้า” หั่วซีหยูบินไปข้างหน้าช้าๆ ผ่านแคลร์ไป กลิ่นอายสังหารในดวงตาของเขาปรากฏขึ้น  

 

 

“แคลร์ เกิดอะไรขึ้น? เป็นไปได้อย่างไร มีแม้กระทั่ง ระเบิด ” ในเวลานี้มังกรดำคืนร่างเดิมและ กระพือปีกบินเข้ามา เขามีรอยไหม้ต่างๆ อยู่ทั่วร่างกายและ ดูน่าสงสาร มาก ในอ้อมแขนของเขามีคนหลายคนอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซัมเมอร์ เฉียวฉู่ซิน วัลโด และตงเฟินโฮ่ว  

 

 

“เกิดอะไรขึ้น ? เกือบจะแย่แล้ว ถ้าเบนไม่คืนร่างเดิมและปกป้องพวกเราได้ทันเวลา พวกเราก็คงจะกลายเป็นผุยผงเหมือนคนพวกนั้นแล้ว” วัลโดตะโกน  

 

 

“พวกเจ้าไม่ควรมาเลย!” หลี่เยว่เหวินกัดฟันอย่างกังวล  

 

 

หั่วซีหยูเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นมังกรดำตัวใหญ่ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีมังกรอยู่ที่นี่ แต่มันไม่สำคัญหรอก  

 

 

“หือ?” วัลโดงงและ ยังไม่ทันได้ถามว่าทำไม ลมหายใจร้อนแรงก็พุ่งเข้ามา ความตายใกล้เข้ามาทันที  

 

 

“บ้าเอ๊ย!” วัลโดอุทานและกำลังจะป้องกัน แต่การจะร่ายคาถาก็ต้องใช้เวลา สายตาก็มองเปลวไฟสีน้ำเงินที่กำลังจะเข้าใกล้เรื่อยๆ  

 

 

ฟรึบ…  

 

 

ทันใดนั้นสัตว์เวทย์ประหลาดก็ปรากฏตัวขึ้น มันกลืนเปลวไฟสีน้ำ เงินเข้าไปในคำเดียวเลย  

 

 

ทุกคนตกใจ จากนั้นก็หันไปมอง ตงเฟิงโฮ่ว พวกเขาก็รู้ได้ว่าสัตว์เวทย์นั้นถูกตงเฟิงโฮ่วเรียกมา สัตว์เวทย์กลืนเปลวไฟจากหั่วซีหยูไปในคำเดียวและกำลังเคี้ยวอยู่  

 

 

มีสัตว์เวทย์ที่สามารถกินเปลวไฟได้ด้วยหรือ? ทุกคนมองสัตว์เวทย์ประหลาดนั้น สายตาเต็มไปด้วยความยินดี หากเป็นเช่นนี้โอกาสในการชนะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก  

 

 

หั่วซีหยูไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจแต่ยิ้มอย่างดูถูก  

 

 

จากนั้นท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน สัตว์เวทย์ก็ร้องโหยหวนและหายไปโดยอัตโนมัติ  

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?” วัลโดพูด  

 

 

“อาหารไม่ย่อย กลับไปแล้ว” ตงเฟิงโฮ่วยังคงมองอย่างว่างเปล่าและพูด เช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน  

 

 

“ไฟของข้าไม่ใช่ไฟธรรมดา ผู้กินไฟระดับต่ำจะสามารถกินมันได้หรือ?” หั่วซีหยูยิ้มเยาะและโจมตีอีกครั้ง  

 

 

“หยุดนะ!” แคลร์คำรามและเหวี่ยงดาบของนางออกไปเพื่อแยกเขตกั้นออก แต่เขตกั้นก็ยังไม่เป็นไร  

 

 

หั่วซีหยูหัวเราะเยาะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายและกลิ่นอายสังหาร  

 

 

หั่วซีหยูหมุนร่างของเขา ขยับมือเบาๆ และพูดเสียงต่ำ “เปลวไฟหมุน!”  

 

 

ทันใดนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินที่รุนแรง ก็เปล่งออกมาจากร่างของหั่วซีหยู เปลวไฟหมุนไปรอบตัวเขาแล้วค่อยๆ ก่อตัวเป็นพายุหมุน พายุโหมกระหน่ำ! จากนั้น หั่วซีหยูก็กลายเป็นศูนย์กลาง แล้วพายุก็ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง  

 

 

“ระวังตัวด้วยนะทุกคน” ใบหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นแย่ลง เขาก้าวถอยหลังและมือของเขาสร้างโล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้ววางซ้อนกันตรงหน้า จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลัง คนอื่น ๆ ก็ก้าวถอยหลังไปยืนอยู่กับเบนและพวก มังกรดำกลับ กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง เขามีบาดแผลถูกไฟไหม้ทั่วร่างกายของเขาทำให้ดูน่าสงสาร มาก…………………………………………………………………………….  

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset