“ดาบ ดาบชังหลัน!” ผู้อาวุโสตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ในห้องสมุดของตระกูลหลี่มีภาพดาบชังหลันอยู่ พวกเขาจึงจำมันได้ แต่ว่า ดาบล้ำค่าที่ใช้ได้เฉพาะคน ของตระกูลหลี่นั้นไปอยู่ในมือของหญิงสาวแปลกหน้าได้อย่างไรล่ะ
“อะไรนะ? มันคือดาบชังหลันหรือ!” คนอื่นๆ ก็อุทานออกมาเช่นกัน น้ำเสียงนั้นทำให้แคลร์ยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“เจ้าพวกขยะ พวกเจ้าคิดว่าเป็นเพราะข้ามีดาบชังหลันอยู่ในมือ ข้าจึงจัดการพวกเจ้าได้ใช่หรือไม่?” แคลร์ยิ้มเยาะและ โยนดาบในมือของนางออกไปอย่างลวกๆจากนั้น ดาบเปลวเพลิงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือ นางยิ้มแล้วพูด “เช่นนั้น วันนี้ก็มาแลกเลือดกับตระกูลหลี่ดูหน่อยแล้วข้าจะฆ่าให้หมดเลยแล้วกันนะ”
ทันใดนั้นทุกคนในห้องโถงก็รู้สึก เย็นเยือกไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็นคนที่สามารถเปลี่ยนเปลวไฟให้เป็นรูปร่างเช่นนี้ได้! แม้ว่าเด็กหญิงผู้นี้จะหัวเราะอยู่ แต่นางกลับให้ความรู้สึกที่เย็นชาและโหดร้ายกับคนอื่นๆมาก นางไม่ได้พูดเล่น นางจริงจัง ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีความแข็งแกร่งที่สามารถทำเช่นนี้ได้! นางมีพลังที่สามารถ ฆ่าทุกคนในห้องโถงนี้ได้จริงๆ!
รังสี น่าสะพรึงกลัวที่หลั่งออกมาจากร่างของแคลร์ทำให้คนในห้องโถงตกใจกลัว กลิ่นอายสังหารแผ่กระจายไปทั่วห้อง ไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย คนที่นอนอยู่อย่างไม่รู้ว่าเป็นหรือตายที่อีกด้านนั้นเป็นตัวอย่างให้พวกเขาอย่างดี ชายผู้นั้นพูดคำที่ไร้มารยาทแล้ว ต้องจบลงเช่นนั้น! หญิงที่มีพลังที่น่ากลัวผู้นี้คือใครกันแน่?
“หัวหน้าตระกูล หัวหน้าตระกูล!” ผู้อาวุโสรีบพูดอย่างรีบร้อน ด้วยน้ำเสียงขอร้อง คราวนี้พวกเขาไม่ได้เรียกว่าหมิงหยู่หรือ หลี่หมิงหยู่แล้ว แต่เรียกว่าหัวหน้าตระกูลด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
“หัวหน้าตระกูล โปรดช่วยพวกเราด้วย คุณหนูรอง ช่วยพวกเราด้วย ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นคนของตระกูลหลี่เช่นกันนะ พวกเจ้าคงไม่ยืนมองให้คนนอกฆ่าพวกเรา เฉยๆ หรอกใช่หรือไม่!” ผู้อาวุโสคนที่สามตัวสั่น
“นางไม่ใช่คนนอก” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างเย็นชา ประโยคที่พูดออกมาทำให้ทุกคนในห้องโถงตะลึง
หลี่หมิงหยู่หันหน้าไปมองหลี่เยว่เหวินด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่เยว่เหวินถึงเลือกที่จะพูดเรื่องนี้ออกมาในเวลานี้ พูดขึ้นมาในเวลานี้มันจะดีหรือ? แคลร์เองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำนะ?
แคลร์ก็ตะลึงไปเช่นกัน คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?
“นางเป็นลูกของป้ารุ่ย นางเป็นสายเลือดของตระกูลหลี่ การ ที่ดาบชังหลัน รับนางเป็นเจ้านายไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย แล้ว การแข่งขันในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ นางก็จะเข้าร่วมด้วย ข้าคิดว่าในบรรดาพวกท่านคงไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองแข็งแกร่งไปกว่านางหรอกนะ” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างสงบ
ในห้องโถงนั้นเกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที
แคลร์ขมวดคิ้วมองไปที่หลี่เยว่เหวิน สายตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน
“ชื่อจริงของแม่เจ้าก็คือหลี่รุ่ยหวน นางเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพ่อพวกเรา ตอนนั้นป้าไปจากตระกูลเราก็เพราะพ่อของเจ้า” หลี่เยว่เหวินกระซิบกับแคลร์ ในน้ำเสียงนั้นเห็นได้ชัดเลยว่านางไม่พอใจพ่อของแคลร์
แคลร์มองหลี่เยว่เหวินด้วยความประหลาดใจ แต่สีหน้าของหลี่เยว่เหวินกลับดูจริงจังมาก แคลร์จึงรู้ว่านาง ไม่ได้โกหก ทันใดนั้น แคลร์ก็เข้าใจสาเหตุ ที่สองพี่น้องหลี่เยว่เหวินและพี่ชายมักจะให้ความรู้สึกคุ้นเคยและความเมตตากับนางเสมอ นางได้พบเหตุผลแล้ว! แบบนี้ก็คือจริงๆ แล้วแม่มาจากตระกูลหลี่ หลังจากนั้นก็ออกจากบ้านเพราะตกหลุมรักกับพ่อของแคลร์ งั้นหรือ? แม่ละทิ้งทั้งครอบครัวเพื่อพ่อ? ดังนั้นน้ำเสียงของหลี่เยว่เหวินจึงดูไม่พอใจพ่อของนางอย่างเห็นได้ชัด เช่นนั้น หลี่เยว่เหวินก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง เองน่ะหรือ? แล้วหลี่หมิงหยู่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางด้วยสิ? ในหัวของแคลร์ค่อนข้างปั่นป่วน การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ครั้งนี้มันน่าทึ่งเกินไป
“นางเป็นลูกสาวของหลี่รุ่ยหวนงั้นหรือ?” สีหน้าของผู้อาวุโสดูแย่ลง ในน้ำเสียงนั้น มีความรังเกียจและเหยียดหยามอยู่ลึกๆ สีหน้าของคนในตระกูลหลี่คนอื่นๆ ในห้องโถงก็แสดงถึงความรังเกียจเช่นกัน หญิงที่สละครอบครัวเพื่อชายคนหนึ่ง ยอมทิ้งทุกอย่าง แต่งงานไปอยู่ไกลบ้าน เด็กหญิงผู้นี้เป็นลูกสาวของนางงั้นหรือ พอมามองตอนนี้ ทั้งสองก็ดูคล้ายกันจริงๆ นั่นแหละ
“ไม่ได้ เราจะปล่อยให้ลูกของหญิงผู้นั้นมาเป็นตัวแทน ตระกูลหลี่ของเราได้อย่างไรกัน?!” ผู้อาวุโสคนที่สองคัดค้านขึ้นมาทันที เขาเรียกว่าหญิงผู้นั้นอย่างเหยียดหยาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“เหอะๆ เจ้ามีปัญหากับข้าและแม่ของข้ามากงั้นหรือ?” แคลร์ยกดาบขึ้นและยิ้มเยาะใส่ผู้อาวุโสคนที่สอง ไม่ว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไร แคลร์จะไม่มีวันยอมให้ใครมาดูหมิ่นแม่ผู้อ่อนโยนของนางเด็ดขาด!
“หญิงผู้นั้นละทิ้งการต่อสู้เพื่อผู้ชาย ถูกครอบครัวขับไล่ออกไปแล้ว!นางไม่มีหน้ากลับมา เจ้าเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปแข่งขันเป็นตัวแทนของตระกูลหลี่ของเรา ถึงไม่มีใครในตระกูลหลี่ไป เราก็ไม่ต้องการลูกสาวของคนทรยศมาเป็นตัวแทนของพวกเราหรอกนะ!” ผู้อาวุโสใหญ่ตะคอกออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“หุบปากเน่าๆ ของเจ้าซะ” แคลร์ยิ้มเยาะ สิ่งที่นางพูดออกมาไม่เพียงแต่จะทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสดูแย่ลงเท่านั้น แต่ยังทำให้สีหน้าของคนอื่นในตระกูลหลี่แย่ลงไปด้วย แคลร์หัวเราะอย่างเชื่องช้า “ตัวแทนตระกูลหลี่งั้นหรือ? สิ่งที่เจ้าพูดมันช่างตลกจริงๆ เจ้าคิดว่าตระกูลหลี่ของเจ้ามีหน้ามีตามากพอ ที่จะมาอนุญาตให้ข้าเป็นตัวแทนได้หรือไม่? เจ้าลองจับที่หน้าดูสิ ว่าพวกเจ้าหน้าหนาหน้าด้าน หรือไม่? ข้าจะบอกเลยนะว่าพวกเจ้ามันขยะ ข้าจะเป็นตัวแทนพี่ๆ ของข้าอย่างหลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่ในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลของพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย หากพวกเจ้าไม่มั่นใจจะมาประลองกับข้าดูก่อนก็ได้ หากข้าแพ้ พวกเจ้าก็ไปเข้าร่วมเองเลยสิ แต่ว่า หากข้าชนะ ราคาที่พวกเจ้าต้องจ่ายก็คือชีวิตของพวกเจ้า และข้าก็จะไม่มีการเมตตาใดๆอีก” เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของแคลร์ก็เยือกเย็นและไร้ความปรานี คำพูดของนาง ดังก้องในหูของทุกคนและส่งผลต่อจิตใจของพวกเขามาก เมื่อหลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่ได้ยินคำที่แคลร์เรียกพวกเขาว่าพี่ออกมา ใจของทั้งสองก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในทันที
“เจ้า!” ผู้อาวุโสกัดฟันและกำหมัดแน่น เขาอยากจะด่ากลับด้วยความโกรธแค้น แต่กลิ่นอายร้ายกาจของแคลร์ นั้นทำให้เขากลืนคำพูดกลับไป คนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา หญิงที่ดูโหดร้ายผู้นี้มีแนวโน้มที่จะเอาชีวิตพวกเขาได้ทุกเมื่อ โดยที่ไม่ต้องกะพริบตาเลยด้วยซ้ำ! นางเป็นปีศาจที่ไร้มนุษยธรรม! ปีศาจ! หลี่หมิงหยู่กับน้องสาวไปยุ่งกับคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร หลี่รุ่ยหวนให้กำเนิดลูกสาวที่น่ากลัวถึงเพียงนี้เลยหรือ!
“ข้ารังแกผู้อื่นมากเกินไปใช่หรือไม่?” แคลร์ยิ้มเยาะแล้วพูดในสิ่งที่ผู้อาวุโสไม่ได้พูดออกมา
นาง ไม่ทันรอให้คนอื่นๆ พูดอะไรออกมา และก่อนที่ผู้อาวุโสจะตอบสนองอะไร แคลร์ก็เก็บดาบเปลวเพลิงกลับไปและเอา มือกอด อก นางเอียงหัวมองไปที่ผู้ คนของตระกูลหลี่และ พูดแต่ละคำออกมาอย่างชัดเจน “ข้ารังแกผู้อื่นมากเกินไป แล้วยังไงล่ะ? ข้ารังแกพวกเจ้าที่เป็นผู้ที่อ่อนแอแล้วยังไง? หากไม่สบายใจก็ไสหัวออกไป รอให้สักวันหนึ่งที่พวกเจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้า พวกเจ้าก็จะสามารถรังแกผู้อื่นได้เช่นกัน พวกเจ้าในตอนนี้น่ะก็เป็นได้แค่ลูกหมาตกน้ำ ที่วิ่งไล่งับหางตัวเองนั่นแหละ”
รังแกกันมากเกินไป! รังแกกันมากเกินไปแล้ว! คนในห้องโถงต่างก็กำหมัดของพวกเขาจนแน่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดตอบโต้ขึ้นมา เพราะคนที่ แข็งแกร่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ ในการพูดออกมา !
หลี่เยว่เหวินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางเปล่งประกายไปด้วยความสุข เด็กสาวผู้นี้ไม่เหมือนแม่ของนางเลย แคลร์ก็ร้ายจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าหลี่เยว่เหวินชอบ นางชอบเด็กสาวที่ร้ายกาจ เช่นนี้ ฮ่าๆ! สนุกจริงๆ พวกคนเก่าแก่กลุ่มนี้ไม่เคยถูกดูถูกเช่นนี้มาก่อน วันนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขารู้สึกอับอายเช่นนี้
สีหน้าของหลี่หมิงหยู่ดูซับซ้อนเล็กน้อย ในใจมีความสุขแต่ ก็มีความกังวลอยู่ด้วย
“นี่ก็รุ่งสางแล้ว พวกเจ้ายังไม่รีบไปอีก มีอะไร ทำก็ไปทำเถอะ ทำไม ยังไม่พออีกหรือ?” แคลร์ตะคอกอย่างไม่สบอารมณ์ เดิน ไปด้านหน้าและ เรียกดาบเปลวเพลิงออกมาอีก ดาบเปลวเพลิงสีทองในมือมีรังสีแผดเผามากยิ่งขึ้น รังสีที่ร้อนแรงยิ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ทันทีที่แคลร์ขยับตัว คนเหล่านั้นก็รีบถอยไปทันที พวกเขามีแต่ความหวาดกลัว ในใจในเวลานี้ เด็กผู้นี้คือปีศาจอารมณ์แปรปรวน! นางอาจจะคร่าชีวิตของพวกเขา ในขณะที่มีรอยยิ้มได้ทุกเมื่อเลย!
“เอาล่ะ จบแล้วสินะ” หลี่หมิงหยู่พูดอย่างเฉยเมย “เรื่องวันนี้ก็ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน ข้าไม่อยากให้ตระกูลหลี่ของเราต้องทะเลาะกันเรื่องภายในเช่นนี้อีก”
สีหน้าของทุกคนแตกต่างกันไปและรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกชายตระกูลหลี่ที่บาดเจ็บล้มลงกับพื้นก็ถูกหามออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตา ห้องโถงก็เงียบลง ทุกคนออกไปแล้ว เหลือ เพียงสามคนที่ยัง อยู่ในห้องโถง แล้วก็จินเหยียนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู
หลี่เยว่เหวินหันไปรอบๆนางเดินวนไปมาและ มองห้องโถงที่ดูเละเทะ จากนั้นนางก็ตรงเข้าไปบีบคอของแคลร์อย่างบ้าคลั่ง “ให้ตายเถอะ ข้าจะฆ่าเจ้า! ดูสิ่งที่เจ้าทำ สิ รู้หรือไม่ว่าของพวกนี้มูลค่าเท่าไหร่? ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินซ่อมแซมแล้ว ไม่มีเงินแล้ว!”
“ก็ไปหาเงินสิ” แคลร์เหงื่อตก เมื่อกี้แค่คิดว่าจะขู่ให้พวกผู้อาวุโสพวกนั้นตกใจ ได้คิดถึงเรื่องนี้ที่ไหนกันล่ะ?
“เสียเงินไง มันเสียเงิน!” หลี่เยว่เหวินยังคงบ้าคลั่งอยู่
“เอาน่า เยว่เหวิน พอได้แล้ว ร่างกายของแคลร์ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก” หลี่หมิงหยู่ห้ามไว้
หลี่เยว่เหวินรีบปล่อยมือจากแคลร์ด้วยความตกใจ
“แคลร์ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึง ฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้? เจ้าสิ่งเล็กๆสองตัวที่สร้างพันธะกับเจ้านั่นล่ะ?” หลี่หมิงหยู่เต็มไปด้วยคำถาม
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของแคลร์ก็มีรอยยิ้มแห่งความภูมิใจเล็กน้อย
หลี่หมิงหยู่กระพริบตา เขามองไม่ผิด แคลร์ที่ไม่แสดงสีหน้าไม่ว่าจะดีใจหรือโกรธผู้นั้นกำลังมีรอยยิ้มภูมิใจ!
“สร้างพันธะกันทั้งหมดแล้ว” แคลร์เลิกคิ้วและยิ้ม แน่นอนว่านางมีสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถบอกพวกเขาได้ นั่นก็คือพันธะที่ตอนแรกเป็นพันธะของนายกับบ่าวนั้นตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นพันธะที่เท่าเทียมกันแล้ว ความสัมพันธ์ตามพันธะของนางกับไป๋ตี้และเฮยหยู่ในตอนนี้เป็นเหมือนกับสามเหลี่ยม นาง อยู่ที่มุม ด้านบนสุดและคอย ถ่วงความสมดุลของทั้งสองพันธะเอาไว้ พูดได้ว่า นาง มีข้อได้เปรียบ อย่างน้อย ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นพันธะของนายกับบ่าวแล้ว!
“อะไรนะ? เจ้าสร้างพันธะกับสัตว์เวทย์สองตัวงั้นหรือ?” หลี่หมิงหยู่ประหลาดใจ สายตาของเขาแปลกใจมาก ปกติแล้ว คนๆ หนึ่งสามารถสร้างพันธะกับสัตว์เวทย์ได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะกับสัตว์เวทย์ที่อยู่ในระดับต่ำหรือสูง! ไม่มีทางที่จะสร้างพันธะกับสัตว์เวทย์สองตัวได้ แต่ตอนนี้แคลร์สร้างพันธะกับสัตว์เวทย์สองตัว แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นตัวอะไรกันแน่ก็เถอะ
“ใช่” แคลร์หันไปมองที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่นั่งอยู่บนไหล่ซ้ายและขวาของจินเหยียนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เป็นพันธะที่เท่าเทียมแล้ว ฮ่าๆ ทีนี้ก็เพียงแค่ขยันตั้งใจต่อไป นาง จะต้องได้เป็นนายของพวกมัน อย่างแน่นอน แคลร์รู้ดี ว่าที่พันธะได้เปลี่ยนเป็นพันธะที่เท่าเทียมกันได้ในครั้งนี้ ไม่ใช่ด้วยกำลังของนาง แต่เป็นเพราะโชค การต่อสู้กันระหว่างสองพันธะ ทำให้แคลร์ได้สามารถสร้าง พันธะที่สมดุลและ กลายเป็นพันธะที่เท่าเทียมกันนี้ แคลร์เองก็ประหลาดใจมาก ถึงแม้นางได้บรรลุกระจกดอกบัวขั้นเจ็ดแล้ว แต่แทบจะ เปลี่ยนพันธะให้เป็นพันธะเท่าเทียมเกือบไม่ได้ เช่นนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของไป๋ตี้และเฮยหยู่จะเป็นอย่างไรกันแน่นะ?
………………………………………………………………………………