การกลั้นหายใจเป็นหนึ่งในหลักสูตรพื้นฐานที่สุดสำหรับนักฆ่า!
แม้ว่าเทคนิคการลอบสังหารของแคลร์จะไม่ดีเท่าคามิลล์และหลี่เยว่เหวิน แต่ก็เหนือกว่าฮว๋าอี้หลินที่อยู่ตรงหน้านี้มาก!
“แคลร์เป็นบ้าไปแล้วหรือ! หรือว่านางอยากหายใจไม่ออกตาย?!” สุ่ยเหวินโม่กัดฟัน ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา พอพูดเสร็จเขาก็รู้สึกเสียใจ ลืมไปว่าเฟิงอี้เซวียนอยู่ข้างๆ นี่จะเป็นการเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกหรือเปล่า? นี่ไม่ได้เป็นแรงกระตุ้นให้เฟิงอี้เซวียนรีบเข้าไปใช่หรือไม่?
หลังจากนั้นสุ่ยเหวินโม่ก็เตรียมตัวที่จะรับผลลัพธ์ที่น่ากลัวที่สุดแล้ว แต่เฟิงอี้เซวียนกลับไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนเลย
เฟิงอี้เซวียนนั่งตัวตรงและมองไปที่แคลร์ด้วยสายตาแน่วแน่และสงบนิ่ง
สุ่ยเหวินโม่กระพริบตาด้วยความงุนงง เขายื่นมือออกไปโบกตรงหน้าเฟิงอี้เซวียน แต่ไม่มีการตอบสนองใด! หรือว่าเฟิงอี้เซวียนจะอึ้งไปแล้ว?! สุ่ยเหวินโม่ตกใจและโบกมือต่อไป ผลั่ก! เฟิงอี้เซวียนต่อยเข้าที่จมูกสุ่ยเหวินโม่อย่างแม่นยำ แล้วพูดออกมาอย่างใจเย็น “อย่ามาบังสายตาของข้า”
“ไอ้บ้านี่!” สุ่ยเหวินโม่ลูบจมูกของเขาและด่าออกมาด้วยความ โกรธ จากนั้นเขาก็หันไปมองเข้าไปในเขตกั้นที่อยู่กลางสถานที่จัดงาน ทันทีที่เห็นฉากด้านในเขาก็อ้าปากกว้างและมองด้วยความ อึ้งๆ จนไม่สามารถละสายตาได้
ในเขตกั้นนั้น แคลร์เป็นเหมือนเสือชีตาห์ นางโบกดาบที่ไม่โดดเด่นในมือและโจมตีฮว๋าอี้หลินอย่างดุเดือด ในทางกลับกัน การเคลื่อนไหวของฮว๋าอี้หลินกลับช้าลงมาก แม้ว่าสี พลังยุทธ์ของเขาจะแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเขาควรจะสูงกว่าแคลร์ แต่เขาก็ไม่สามารถออกแรงเท่าเดิมได้ เมื่อเขาถูกการโจมตีที่รุนแรงของแคลร์ก็ทำได้แค่ปัดป้องและสู้ไม่ถอยเท่านั้นเอง
สถานการณ์พลิกอีกครั้ง ทุกคนในสถานที่นั้นต่างก็ตื่นเต้นยิ่งขึ้น ความดุร้ายที่ฮว๋าอี้หลินแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ทำให้คนอื่นนั้นไม่พอใจอยู่แล้ว ในเวลานี้ทุกคนบนอัฒจันทร์ของคนธรรมดากำลังเชียร์แคลร์กันอยู่
ในการต่อสู้ครั้งนี้ มีเพียงระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถเข้าใจสถานการณ์ของทั้งสองในเขตกั้นตอนนี้ได้
แม่หญิงทีเร็กซ์ขมวดคิ้วจ้องไปที่แคลร์ที่อยู่ในกำแพง ความชื่นชมที่มองไม่เห็นฉายผ่านดวงตาของนาง หญิงผู้นี้ ใช้วิธีบ้าๆ เช่นนี้เพื่อเอาชนะ
ฮว๋าอี้หลินรู้สึกรำคาญมาก ในเวลานี้ อากาศบางลงเรื่อยๆ การหายใจของเขาก็ยากขึ้นเรื่อยๆ และหัวของเขาก็เริ่มเบลอ แต่การโจมตีของเด็กสาวผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย การโจมตีของนางดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใดก็ตามที่ฮว๋าอี้หลินต้องการทำลายกำแพง ก็จะถูกแคลร์ขัดขวางทันที! ฮว๋าอี้หลินจะไปรู้ทักษะ การกลั้นหายใจของนักฆ่า ได้อย่างไรล่ะ? ภายใต้การโจมตีของแคลร์ การเคลื่อนไหวของฮว๋าอี้หลินก็ช้าลงเรื่อยๆ
“ดาบชังหลัน!” แคลร์เหวี่ยงดาบอย่างกะทันหัน ส่งเสียงต่ำเหมือนทั้งเตือนและเรียก
ชิ้ง…
เสียงที่ชัดเจนและไพเราะดังขึ้นทันที
ดาบชังหลันมีแสงหลากสีพุ่งออกมา รังสีที่รุนแรงของดาบพุ่งตรงไปที่ฮว๋าอี้หลิน
ดวงตาของฮว๋าอี้หลินเบิกกว้างทันทีแล้วตะโกนลั่น เขาใช้พลังและพยายามแกว่งดาบด้วยกำลังทั้งหมดเพื่อป้องกันดาบของแคลร์ เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยว่าดาบเล่มนี้ ไม่ใช่ดาบธรรมดาอย่างที่เห็น!
พลังยุทธ์ของฮว๋าอี้หลินหายไปทันที
อั้ก…
ฮว๋าอี้หลินอาเจียนออกมาเป็นเลือด ร่างของเขากระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงเปลวไฟที่อยู่ข้างหลังเขา ทันใดนั้นก็มีกลิ่นไหม้เกิดขึ้น ฮว๋าอี้หลินค่อยๆไถลลงไปที่พื้น เขาอดกลั้นเลือดที่ปั่นป่วนในอกของเขาไม่ไหวแล้วพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง ฮว๋าอี้หลินปักดาบลงบนพื้น พยายามอย่างหนักเพื่อพยุงร่างกายเอาไว้ แต่ด้วยความยากลำบากในการหายใจและการบาดเจ็บสาหัส เขาจึงไม่สามารถยืนได้เลย
ทุกคนในสถานที่นั้นต่างตกตะลึงกับฉากตรงหน้า พวกเขาต่างก็กลั้นหายใจและมองตรงไปที่กำแพงนั้นตาไม่กระพริบ กลัวว่าถ้ากระพริบตาแล้วจะพลาดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้น หลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่ รวมทั้งคนในตระกูลหลี่ต่างก็ตื่นเต้น นั่นคือพลังของดาบชังหลันใช่หรือไม่? มันเป็นพลังที่ระเบิดออกมาจากดาบชังหลันของตระกูลหลี่ใช่หรือไม่?
ชนะหรือยัง?
แคลร์ชนะหรือไม่?
ซัมเมอร์เขย่ากำปั้นเล็กๆ ของนางไปที่เบนอย่างมีความสุข “เป็นไง? ข้าบอกแล้วว่าแคลร์จะชนะ!”
เบนเบ้ปาก เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่าแคลร์จะใช้วิธีบ้าคลั่งที่เกือบฆ่าตัวตายเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะครั้งนี้
คามิลล์เหล่ตา แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
จินเหยียนถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รู้ตัวว่าฝ่ามือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นแล้ว
เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปในเขตกั้นอย่างเงียบๆ แต่ก็มีแววตาที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้น
ชนะหรือไม่? ผู้ตัดสินที่อยู่ในระยะไกลมองมาทางด้านนี้อย่างสั่นๆ และคิดว่าเขาควรจะมาประกาศว่าแคลร์ชนะเลยหรือไม่
ทันใดนั้นก็เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้น! สถานการณ์เปลี่ยนอย่างกะทันหัน!
ลูกศรสีเลือดนับพันพุ่งออกมาจากร่างกายของฮว๋าอี้หลินแล้วเจาะทะลุทุกสิ่ง!
กำแพงเปลวไฟสีทองถูกเจาะทะลุเป็นรูเล็กๆ นับไม่ถ้วนทันที จากนั้นกำแพงเปลวไฟก็หายไปอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นแคลร์ก็สร้างโล่ไฟขึ้นทันที ลูกศรสีเลือดพุ่งเข้าใส่โล่ไฟจน โล่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วลูกศรที่แหลมคมก็พุ่งไปที่ใบหน้าของแคลร์ บาดแผลปรากฏขึ้นในพริบตาและเลือดก็ค่อยๆ ไหลออกมา
ในสนามเงียบลงอีกครั้ง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างของฮว๋าอี้หลิน
ฮว๋าอี้หลินยืนหน้าซีดพร้อมกับรอยยิ้มกระหายเลือดที่มุมปาก
ฮว๋าอี้หลินไม่สามารถเรียกธาตุน้ำออกมาได้ เขาจึงใช้เลือดของตัวเองโจมตี! ลูกศรเลือดที่รุนแรงนับไม่ถ้วนที่ทำลายกำแพงเปลวไฟเมื่อครู่ ถูกสร้างจากเลือดของฮว๋าอี้หลินเอง!
ฮว๋าอี้หลินคนนี้บ้าคลั่งขึ้นอีกแล้ว! การโจมตีแบบฆ่าตัวตายเช่นนี้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะใช้มัน!
หมอกเลือดกระจายอยู่ในอากาศ มันน่าตกใจมาก
ทุกคนนิ่งอึ้งไปเลย ในขณะนี้ สถานที่จัดงานเงียบงัน ผู้คนไม่สามารถเรียกสติตัวเองจากความตกตะลึงครั้งนี้ได้เลย
สีหน้าของฮว๋าซิ่วหนิงซีดเผือด แม้ว่านางจะไม่ชอบน้องชายผู้นี้ที่ ไม่สนใจใคร แต่น้องชายผู้หยิ่งผยองผู้นี้คือผู้นำของตระกูลฮว๋าในอนาคต! หากเขาเสียชีวิตเช่นนี้ ก็สามารถจินตนาการถึงความสูญเสียของตระกูลฮว๋าได้เลย! มันเกินไป มันเกินไปแล้ว! การโจมตีแบบฆ่าตัวตายเช่นนี้บ้าคลั่งและกระหายเลือดยิ่งกว่าวิธีของแคลร์อีก
ดวงตาที่เบิกกว้างของฮว๋าอี้หลินเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ เขามองไปที่แคลร์ด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นก็มองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะ มันแปลกมากที่เสียงหัวเราะเย่อหยิ่งดังก้องอยู่ในจัตุรัสเช่นนั้น
มีลางไม่ดีเกิดขึ้นในใจของตระกูลฮว๋า ท่าทีของฮว๋าอี้หลิน… มันหมายความว่าเขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว! เขาไม่สนใจภูมิหลังของ ฝ่ายตรงข้ามหรือผลลัพธ์ใดๆอีกต่อไป ตอนนี้เขามีเพียงแคลร์ในสายตา เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือการฆ่าเด็กสาวตรงหน้าที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้!
“ฝ่าบาท ข้าขอหยุดการประลองเพคะ!” ก่อนที่หลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่จะพูดอะไร ฮว๋าซิ่วหนิงก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
จักรพรรดิ องค์รัชทายาท และบรรดาผู้คนบนอัฒจันทร์ประหลาดใจมาก ฮว๋าซิ่วหนิงมาเอ่ยคำขอที่ไม่มีมารยาทเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะฮว๋าอี้หลินกำลังจะแพ้ทั้งหน้าซีดและแทบเป็นบ้า ฮว๋าซิ่วหนิงจึงเสนอเงื่อนไขที่ไม่มีมารยาทเช่นนี้หรือ?
ฮว๋าซิ่วหนิงกำหมัดแน่นอย่างวิตกกังวล นางไม่ได้ทำเพราะเหตุผลง่ายๆอย่างที่คนเหล่านี้คิด! แต่ฮว๋าอี้หลินที่บ้าคลั่งกำลังสูญเสียการควบคุม! เขาจะไม่สนใจหลักการของการประลองอีกต่อไปแล้ว เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฆ่าแคลร์โดยไม่สนใจแล้วว่าจะเกี่ยวข้องกับใคร!
“แต่ยังไม่มีผู้ชนะหรือผู้แพ้เลย และฮว๋าอี้หลินก็ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ด้วย” จักรพรรดิพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ใช่เพคะ ฝ่าบาท…” ฮว๋าซิ่วหนิงยังพูดไม่จบก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นในสนาม ตามด้วยเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน
ฮว๋าซิ่วหนิงรีบมองเข้าไปแล้วก็อ้าปากค้าง
ฮว๋าอี้หลินใช้ระเบิดน้ำ! เขาโจมตีแคลร์ที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่แคลร์หลบได้อย่างคล่องตัวและน้ำก็ระเบิดลงบนเขตกั้นที่นักเวทย์ของราชสำนักทำไว้ เขตกั้นแตกออกทำให้แรงระเบิดน้ำที่เหลืออยู่พุ่งไปที่อัฒจันทร์ของคนธรรมดา ผู้คนกรีดร้องแตกตื่นและรีบหนีกันจ้าละหวั่น
เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ! ใบหน้าของฮว๋าซิ่วหนิงเปลี่ยนไปอย่างมาก ความวิตกกังวลในใจของนางก็ยิ่งขยายตัวขึ้น
นักเวทย์ของราชสำนักที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลจากเขตกั้น ทำการสร้างเขตกั้นขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันความรุนแรงที่เหลืออยู่
“ฝ่าบาท โปรดหยุดการประลองนี้เถอะเพคะ” ฮว๋าซิ่วหนิงเป็นกังวล
จักรพรรดิเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เวที แต่ไม่ได้พูดอะไร จักรพรรดิไม่ได้แสดงท่าทีอะไรจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาแทรกแซง
“ไปตายซะ!” ฮว๋าอี้หลินหัวเราะอย่างเมามันพร้อมกับยื่นมือออกไปรวบรวมธาตุน้ำอีก
แคลร์ลอยอยู่ในอากาศ สีหน้าของนางเคร่งขรึม นางรู้สึกได้ว่าธาตุน้ำเหล่านั้นพุ่งเข้าหาฮว๋าอี้หลินอย่างบ้าคลั่งเหมือนตื่นเต้นที่จะได้มาบรรจบกับร่างหลักและยิ่งเข้ามารวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ !
“ฝ่าบาท! โปรดถอยออกมาก่อนเพคะ” ใบหน้าของอันลิซ่าดูเคร่งขรึมและนางก็รีบลุกขึ้นยืน
ฮว๋าซิ่วหนิงนั่งลงอย่างสิ้นหวัง มันจบแล้ว! มันจบลงหมดแล้ว! เรื่องฮว๋าอี้หลินที่เกิดในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงธรรมดา ! มันคือหายนะ! ฮว๋าซิ่วหนิงไม่รู้เลยว่าจะมีกี่คนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
เหล่านักเวทย์ของราชสำนักเข้าแถวเพื่อสร้างเขตกั้นในทันที การปกป้องความปลอดภัยของทุกคนกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาในตอนนี้แล้ว
เฟิงอี้เซวียนไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เขาจะลุกขึ้นไปที่เวที
“อี้เซวียน!” สุ่ยเหวินโม่คว้าเฟิงอี้เซวียนไว้ “เจ้ามองตาของแคลร์สิ หากเจ้าไป นางจะยกโทษให้เจ้าหรือ? คราวนี้มันเป็นการต่อสู้แห่งศักดิ์ศรีนะ แคลร์มาเพื่อตระกูลหลี่ หากเจ้าลงมือตอนนี้ มันจะเป็นอย่างไรล่ะ?”
ฝีเท้าของเฟิงอี้เซวียนหยุดลง เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแคลร์ก็ได้เห็นใบหน้าที่สงบของแคลร์ เฟิงอี้เซวียนกัดฟันแล้วพูด “โถ่เว้ย! เวลานี้ยังจะคิดเรื่องพวกนี้อีกหรือ? ภรรยาของข้าอยู่ในอันตราย ขนาดนี้ ข้าจะสนใจที่เจ้าพูดทำไม!”
เฟิงอี้เซี่ยนผละออกจากมือของสุ่ยเหวินโม่และรีบลุกขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
เสียงระเบิดดังลั่นกลบทุกอย่างไปหมดแล้ว! คลื่นอากาศรุนแรงขนาดใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ที่สถานที่จัดการประลองระเบิดออกและ ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ
ราวกับโลกจะพังทลาย
คลื่นอากาศขนาดใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและยังคงขยาย กระจายไปเรื่อยๆ
อัฒจันทร์สูงที่สุดได้รับการปกป้องจากอันลิซ่าและยังมีเขตกั้นที่เหล่าผู้แข็งแกร่งสร้างขึ้นอีก คนบนนั้นจึงได้รับ ผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
…………………………………………………………………………….