เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 131

อัฒจันทร์นั่งชมอื่นๆ เดิมทีอยู่ค่อนข้างไกลจากเวทีการประลองอยู่แล้ว อีกทั้งยังได้รับการปกป้องจากเขตกั้นของนักเวทย์ในราชสำนักจึงไม่มีผู้เสียชีวิต  

 

 

แต่ที่เวทีนั้นไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว  

 

 

เวทีประลองที่พังทลายลงในตอนแรก ตอนนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่า มันกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่าและไม่มีอะไรเลย   

 

 

ไม่มีอะไรเลย!  

 

 

มีเพียงฮว๋าอี้หลินที่ยืนอยู่กลางหลุมแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  

 

 

เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว  

 

 

แคลร์ก็ไม่อยู่!  

 

 

ไม่มีใครเห็นแคลร์เลย!  

 

 

ทันใดนั้น หัวใจของเฟิงอี้เซวียนก็หยุดเต้น จิตใจของเขาว่างเปล่า หน้าอกของเขาเจ็บราวจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังทำให้เฟิงอี้เซวียนรู้สึกเหมือนจมน้ำตายในทันที  

 

 

    คนที่มีความรู้สึกเดียวกันกับเฟิงอี้เซวียนในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียว  

 

 

จินเหยียนและพวกมองไปที่หลุมว่างเปล่าด้วยความงุนงง เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของฮว๋าอี้หลินดังก้องในหูของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถหายใจหรือคิดอะไรได้ เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่าในหัวใจเป็นอย่างมาก  

 

 

หลี่เยว่เหวินมองไปที่ตรงกลางสถานที่ด้วยความตกตะลึงสายตาของนางว่างเปล่า  

 

 

เฟิงอี้เซวียนแทบบ้า เขาดึงทึ้งผมของตัวเองอย่างรุนแรง  

 

 

ก่อนที่เฟิงอี้เซวียนจะระเบิดออกมา เสียงแปลกๆ ของสุ่ยเหวินโม่ก็ดังมาจากด้านหลังเขา” เจ้าตาบอดหรือไม่? เจ้าเงยหน้าขึ้นไปมองดูสิว่าใครอยู่บนนั้น?”  

 

 

เฟิงอี้เซวียนเงยหน้าขึ้นและตะลึงไปชั่วขณะ  

 

 

คนที่ลอยอยู่ในอากาศมีผมสีบลอนด์ยาวพลิ้วไปตามสายลม ดวงตาสีเขียวที่ไม่แยแส บาดแผลมากมายทั่วร่างกายของนางมีเลือดไหลออกมา จนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของนางกลายเป็นสีแดง แต่สีหน้าของนางกลับเรียบเฉย  

 

 

แคลร์ยังไม่ตาย! แคลร์ไม่ได้เป็นอะไร!  

 

 

เฟิงอี้เซวียนมีความสุขมาก  

 

 

สุ่ยเหวินโม่โบกมือ เจ้าอี้เซวียนคนโง่นี่ได้ลิ้มรสความสุขและความเศร้าที่ยิ่งใหญ่ภายในวันเดียวเลย  

 

 

เฮ้…  

 

 

เสียงเชียร์ดังขึ้นในทันที!  

 

 

สาวผมบลอนด์ผู้นั้นไม่ได้ตายจากการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้!  

 

 

นางยังมีชีวิตอยู่!  

 

 

จักรพรรดิที่อยู่บนอัฒจันทร์หรี่ตาลงเล็กน้อย  

 

 

ข้อนิ้วของจินเหยียนขาวซีด เขาแทบจะขาดใจตายเลยเมื่อครู่      

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นเรียกสติคืนมา เขาผ่อนคลายและ นั่งลง เขาตกใจมากที่ไม่รู้ว่าตัวเองเกร็งตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้หัวใจที่ว่างเปล่าดูเหมือนจะถูกเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างแล้ว  

 

 

วัลโดสูดจมูกและสาปแช่งในใจ ปีศาจน้อยตัวนี้มีแต่ทำให้คนเป็นกังวล! เห้อ! เห้อ! เห้อ! ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ! ใช่แล้ว นางไม่ใช่มนุษย์! นางคือปีศาจ!  

 

 

ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินกอดกันร้องไห้และหัวเราะ คามิลล์และมังกรดำเหล่ตามองและเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เมื่อกี้พวกเขาไม่ได้กังวลมากนัก เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าลมหายใจของแคลร์ยังไม่หายไป! มีเพียงตงเฟิงโฮ่วเท่านั้นที่มองซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินที่กำลังทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะและไม่เข้าใจว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่ แคลร์ยังมีชีวิตอยู่นะ ร้องไห้ทำไม?  

 

 

“หึ!” สีหน้าของฮว๋าอี้หลินแย่ลงมาก   

 

 

“คราวนี้ เจ้าต้องตายแน่!” ฮว๋าอี้หลินยื่นมือออกไปและยิ้มเยาะอย่างดุร้าย  

 

 

“เจ้า    คิดว่ายังจะลงมืออีกได้หรือ?” เสียงของแคลร์ไม่ดังแต่ทุกคนในงานได้ยินชัดเจน!  

 

 

แคลร์ลอยอยู่ในอากาศ    เงียบๆ พร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า นางโบกมือเบาๆ และสะบัดนิ้ว  

 

 

ทันใดนั้นดอกบัวสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็บานสะพรั่งไปทั่วบริเวณล้อมรอบฮว๋าอี้หลินไว้  

 

 

ฮว๋าอี้หลินยิ้มเยาะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขายื่นมือไปคว้าดอกบัวตูมสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้า แต่มือของเขากลับผ่านดอกบัวตูมสีทองไปโดยไม่ได้สัมผัสอะไรเลย  

 

 

นี่คืออะไร?  

 

 

สีหน้าของฮว๋าอี้หลินเปลี่ยนไปทันที  

 

 

“ดอกบัวสีทอง จงเบ่งบาน!” เสียงอันนุ่มนวลของแคลร์ดังก้องไปทั่วทั้งสถานที่ ใบหน้าที่สวยงามของนางเรียบนิ่งนางก็ลอยอยู่ในอากาศเบาๆ และดูศักดิ์สิทธิ์มาก  

 

 

เมื่อคำพูดของแคลร์จบลง ดอกบัวสีทองนับไม่ถ้วนก็บานสะพรั่งทันที  

 

 

แสงสีทองเปล่งประกายงดงาม  

 

 

ความงามตรงหน้าทำให้ทุกคนตะลึง  

 

 

ช่างเป็นภาพที่งดงามอะไรขนาดนี้!  

 

 

หญิงสาวที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดนั้นดูศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมาก ดอกบัวสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานอยู่ทั้งในอากาศและบนพื้นดิน  

 

 

ฮว๋าอี้หลินหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม เจ้ากำลังทำการแสดงหรือ? นี่คือกายกรรมหรือไง?” ฮว๋าอี้หลินเตรียมที่จะรวบรวมธาตุน้ำอีกครั้ง  

 

 

“หนึ่ง… พัน… ทุกข์!” เสียงเบาๆ ของแคลร์ดังก้องในหูของทุกคนอีกครั้ง  

 

 

ดอกบัวสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆ หมุนขึ้นและปล่อยแสงสีทองออกมาในทันที  

 

 

ในเวลานี้ ฮว๋าอี้หลินหยุดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความอึ้งและไม่ได้ขยับตัว  

 

 

ดวงตาของแคลร์เย็นชา นางจ้องไปที่ฮว๋าอี้หลินที่ยืนอยู่ด้านล่าง  

 

 

ในขณะนี้ทุกอย่างเงียบสงบ  

 

 

ฮว๋าอี้หลินยืนอยู่บนพื้นเงียบๆ ท่าทางของเขายังคงเหมือนเดิม  

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?  

 

 

ในที่สุดทุกคนก็ค้นพบสิ่งผิดปกติช้าๆ  

 

 

สีหน้าของฮว๋าอี้หลินกำลังเปลี่ยนไปช้าๆ! เขาขมวดคิ้ว ท่าทางเจ็บปวด จากนั้นก็ดูเคร่งเครียดและเจ็บปวด วนอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบ  

 

 

“อ๊าก…” ฮว๋าอี้หลินมองขึ้นไปบนฟ้าและส่งเสียงกรีดร้องที่เสียดแทงหัวใจ จากนั้นดวงตาของเขาก็พร่ามัวเขาคุกเข่าลงบนพื้น    ช้าๆ แล้วชักกระตุก เขายืนไม่ไหวอีกแล้ว!  

 

 

“ไม่! ไม่นะ! ไม่!” ฮว๋าอี้หลินคุกเข่า ท่าทางดูเหมือนกำลังเห็นภาพหลอนบางอย่าง จากนั้นเขาก็ชักด้วยความเจ็บปวด  

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?  

 

 

ทุกคนในที่แห่งนั้นมองการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ด้วยความงุนงง พวกเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น  

 

 

“ไม่…” ฮว๋าอี้หลินกระตุกด้วยความเจ็บปวด สายตาของทุกคนเห็นว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากมุมตาของฮว๋าอี้หลิน!  

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงมองภาพนี้อย่างตกตะลึงนางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าน้องชายกำลังร้องไห้! เขากำลังเสียน้ำตา!  

 

 

“นี่ข้าเห็นผีหรือเปล่า ไอ้บ้านั่นมันกำลังร้องไห้หรือ! อี้เซวียน นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ากำลังฝันอยู่หรือ?” สุ่ยเหวินโม่ขยี้ตาแรงๆ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง  

 

 

เฟิงอี้เซวียนมองฮว๋าอี้หลินที่กำลังนอนดิ้นอยู่บนพื้นพร้อมกับน้ำตานั้น เขาก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน แต่เขาไม่ลืมที่จะต่อยสุ่ยเหวินโม่เพื่อบอกคนงี่เง่านั้นว่าเขาไม่ได้ฝันไป  

 

 

สุ่ยเหวินโม่สัมผัสได้ถึงเลือดกำเดาที่ไหลออกมาช้าๆ แล้วสูดจมูก “ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ความฝัน ไอ้บ้านั่นร้องไห้    จริงๆ”  

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จักรพรรดิขมวดคิ้วด้วยความสับสน  

 

 

“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าฮว๋าอี้หลินกำลัง ประสบกับเรื่องที่น่าเศร้านะ” อันลิซ่าก็งุนงง ในใจก็เดาได้แค่ว่าแคลร์คงใช้การโจมตีทางจิต  

 

 

“ฮ่าๆ เจ้ามังกรไร้มารยาท คราวนี้เจ้าคิดว่าเจ้าแพ้แล้วหรือไม่?” ซัมเมอร์มีความสุขมาก ฮว๋าอี้หลินสูญเสียพลังการต่อสู้ไปแล้ว เขาจะต่อกรกับแคลร์ได้อย่างไรล่ะ?  

 

 

มังกรดำยกมุมปากและไม่พูดอะไร  

 

 

จินเหยียนถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่ก็มีความซับซ้อนที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจแคลร์แข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ? จินเหยียนในตอนนี้ยังมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปกป้องนางได้หรือ? เขายังมีความสามารถที่จะปกป้องนางได้อีกหรือ?  

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองแคลร์ที่ลอยอยู่ในอากาศ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมวิหารแห่งแสงจึงต้องการดึงตัวแคลร์มาอยู่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นถึงรู้สึกต่อต้าน แคลร์เข้าร่วมกับวิหารแห่งแสงแล้วจะดีจริงๆ หรือ?  

 

 

วัลโดยักไหล่อย่างตื่นเต้น ชนะแล้ว ปีศาจน้อยชนะแล้ว ปีศาจน้อยตัวนี้ชอบทำให้คนเป็นห่วงแทบตายเสมอเลย!  

 

 

“เยี่ยมมาก แคลร์ชนะแล้ว!” เฉียวฉู่ซินโบกมือและตะโกนด้วยความตื่นเต้น  

 

 

ฮว๋าอี้หลินทรุดลงกับพื้น เขาไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป ความเจ็บปวดไม่สิ้นสุดแสดงอยู่บนใบหน้าของเขา  

 

 

การเป็นมนุษย์ย่อมมีจุดอ่อนในตัวเองเสมอ  

 

 

แคลร์มองฮว๋าอี้หลินทรุดลงกับพื้นเงียบๆ นางก็อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย ฮว๋าอี้หลินเห็นอะไรกันนะ?  

 

 

ความทุกข์ยากนับพัน ความหมายตามชื่อเลย มันทำให้ผู้คนต้องผ่านความยากลำบากนับพันครั้ง ดึงเอาด้านที่มืดมนที่สุด ความเสียใจ ความเจ็บปวดและความรู้สึกแย่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจมนุษย์ออกมา จากนั้นก็แสดงสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดเหล่านี้ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลก็คือทำให้คนสูญเสียการควบคุมไป  

 

 

ฮว๋าอี้หลินสูญเสียประสิทธิภาพในการต่อสู้ ดวงตาของเขาพร่ามัวและเขายังคงพูดวนซ้ำๆ ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกต่อไป  

 

 

“ข้าขอประกาศ แคลร์ ฮิลล์ชนะ” ในที่สุดผู้ตัดสินก็ตะโกนและดึงความคิดของทุกคนให้กลับคืนมา  

 

 

ชนะ!  

 

 

แคลร์ชนะ!  

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงเชียร์ในจัตุรัสก็ดังลั่นขึ้นไปบนท้องฟ้า  

 

 

หญิงสาวที่มีผมสีบลอนด์และตาสีเขียวชนะการประลอง  

 

 

แม้ว่าจะเป็นเพียงการคัดระหว่างสาย แต่ก็น่าตื่นเต้นมาก  

 

 

ทุกคนลุกขึ้นยืนให้กำลังใจและปรบมือ ในที่สุดการแข่งขันก็สิ้นสุดลงหลังจากพลิกไปพลิกมาอยู่หลายครั้ง หัวใจของผู้ชมก็ขึ้นๆ ลงๆ ตึงเครียดกันมานาน  

 

 

หลายปีต่อมา ผู้คนยังคงจำภาพของวันนั้นได้ หญิงสาวที่งดงาม ดอกบัวที่บานสะพรั่ง ภาพที่เปล่งประกาย  

 

 

แคลร์สะบัดนิ้ว ดอกบัวสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่บานสะพรั่งอยู่ก็หายไปทันที  

 

 

ฮว๋าอี้หลินถูกหามลงมาและพาไปรับการรักษา  

 

 

จักรพรรดิหรี่ตามองไปยังแคลร์ที่ลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับประกายแสงเย็นในดวงตาของเขา  

 

 

หางตาของอันลิซ่าเหลือบมองไป หัวใจของนางก็ดำดิ่ง นางรู้ว่าในเวลานี้จักรพรรดิมีกลิ่นอายสังหารแล้ว! ตอนนี้แคลร์อายุเพียงสิบสี่ปี แต่นางได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่โดดเด่นเช่นนี้แล้ว ในอนาคตนางจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนแต่ว่าจักรพรรดิดูเหมือนจะลืมไปว่าตอนนี้แคลร์ ฮิลล์ไม่ได้เป็นเพียง    เป็นสมาชิกของตระกูลฮิลล์เท่านั้น แต่นางยังเป็นนักบวชของวิหารแห่งแสงด้วย! นอกจากนี้นางยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลี่อีก ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่ฉลาดเลยที่จะไปแตะต้องแคลร์! อันลิซ่ารู้    ว่าการแสดงออกทางสายตาของจักรพรรดิในตอนนี้เป็นพฤติกรรมปกติของจักรพรรดิ แม้ว่าจะเป็นกลิ่นอายสังหาร แต่จักรพรรดิก็ไม่โง่พอที่จะเผชิญหน้าโดยตรงกับวิหารแห่งแสงหรอก  

 

 

ในขณะเสียงเชียร์ดังกึกก้องท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปทันที อากาศในฤดูใบไม้ร่วงกลับมืดลงอย่างกะทันหัน  

 

 

สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไป จากนั้นนางก็กระพือปีกเปลวไฟที่อยู่ด้านหลังและบินออกจากเมืองไปอย่างเร่งรีบ  

 

 

………………………………………………………………………………  

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset