เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 135

หลังจากได้ฟังสิ่งนี้แล้ว แคลร์ก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ความมุ่งมั่นฉายผ่านดวงตาของเฟิงอี้เซวียน การประลองครั้งนี้แคลร์แข็งแกร่งมากกว่าเขาไปอย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ต้องแข็งแกร่งมากขึ้นอีก เขาต้องแข็งแกร่งให้มากพอที่จะปกป้องแคลร์ได้!  

 

 

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องตระกูลหลี่นะ เจ้ามีอะไรอยากจะบอกกับพวกเพื่อนของเจ้าหรือไม่? ข้าจะใช้คริสตัลความทรงจำบันทึกไปให้เพื่อนของเจ้า พวกเจ้าฝึกอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้เลย” อันลิซ่าพูดอย่างเรียบง่าย      

 

 

“ใช่ แม่หนู เจ้าอยู่ฝึกฝนที่นี่อย่างสบายใจได้เลย ฮ่าๆ เจ้าหนีออกไปไม่ได้อยู่แล้ว รอบเกาะนี้ล้วนเป็นพายุรุนแรงทั้งนั้น สิ่งมีชีวิตใดที่พยายามจะผ่านไปก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ รอให้พวกเจ้าเรียนเสร็จแล้ว ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไปเอง” ท่านลมเทียนกังหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ  

 

 

แคลร์เบ้ปาก ดูเหมือนว่าเรื่องมันจำต้องเป็นเช่นนี้ แต่ว่าการตอบแทนน้ำใจเช่นนี้ แคลร์เพิ่งเจอครั้งแรกจริงๆ  

 

 

“เช่นนั้น ข้ารบกวนเอาคริสตัลความทรงจำไปส่งให้เพื่อนๆ ของข้าด้วย” แคลร์พูดกับอันลิซ่าอย่างสุภาพ  

 

 

อันลิซ่าเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้า  

 

 

“แล้วก็ขอบคุณที่พาข้ามาที่นี่ ขอบคุณที่ให้ท่านลมเทียนกังช่วยข้า” แคลร์ขอบคุณอย่างจริงจัง  

 

 

อันลิซ่ายิ้ม “หากจะขอบคุณก็ขอบคุณอี้เซวียนเถอะ ถ้าไม่ใช่เขา ข้าก็คงไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งหรอก”        

 

 

เมื่อคำพูดของอันลิซ่าจบลง เฟิงอี้เซวียนก็เกร็ง สีหน้าของแคลร์ดูไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเลย  

 

 

“เอาล่ะ เจ้าจะทำอะไรก็รีบทำแล้วก็กลับไปได้แล้ว จริงๆ เลย ตอนนี้ข้าจะสอนพวกเขาแล้ว อย่ามัวเสียเวลาสิ” ท่านลมเทียนกังโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์  

 

 

“เข้าใจแล้ว! อ้อ ม้วนเวทย์เคลื่อนย้ายที่น่ะ ข้าใช้ไปอันหนึ่งแล้ว อาจารย์เอาให้ข้าอีกสองอันสิ” อันลิซ่าพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วส่งคริสตัลความทรงจำให้แคลร์  

 

 

“ตรรกะของเจ้าคืออะไรกันห้ะ? โจร! เจ้ามันเป็นโจรชัดๆ เจ้าใช้ไปหนึ่งแล้วทำไมมาขอจากข้าสองอันล่ะ?” ท่านลมเทียนกังโวยวายใส่อันลิซ่า  

 

 

“ข้ากลับไปก็ต้องใช้อีกอันหนึ่งนี่…”  

 

 

“เจ้ามันเป็นโจร! โจร…”  

 

 

แคลร์รับคริสตัลความทรงจำมาแล้วพูดอธิบายสั้นๆ สื่อความหมายไปว่าไม่รู้จะต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ให้พวกเขาทำอะไรตามที่อยากทำได้เลย ถ้าไม่มีอะไรทำก็ให้กลับไปรอนางที่บ้านตระกูลฮิลล์ และให้จินเหยียนพาไป๋ตี้กับเฮยหยู่กลับไปก่อนเลย   

 

 

ในที่สุดอันลิซ่าก็ได้ม้วนเวทย์เคลื่อนย้ายที่ไปสองอัน จากนั้นนางก็เอาคริสตัลความทรงจำจากแคลร์แล้ว    จากไป  

 

 

“เอาล่ะ แม่หนู ไอ้หนู ตั้งแต่วันนี้ การฝึกฝนวิชาปีศาจจะเริ่มขึ้นแล้ว!” ท่านลมเทียนกังพูดพร้อมกับกอดอก  

 

 

“เอ่อ ท่านลมเทียนกัง ข้าอยากจะอาบน้ำก่อนแล้วก็อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย” แคลร์พูดพร้อมกับชี้ไปที่ชุดเปื้อนเลือดของนาง  

 

 

“อ้อ…ได้สิ เจ้าไปเถอะ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อน ครัวอยู่ตรงนั้น มีบ่อน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำด้วยนะ หลังบ้านก็มีป่าเล็กๆอยู่ ถ้าเช่นนั้นค่อยเริ่มฝึกพรุ่งนี้แล้วกัน” ท่านลมเทียนกังลูบคางของเขาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่  

 

 

การฝึกเริ่มในวันรุ่งขึ้น  

 

 

แคลร์เริ่มคุ้นเคยกับภูมิทัศน์    ของเกาะแห่งนี้อย่างช้าๆ แล้ว เกาะเล็กๆ แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำทะเลทุกด้าน มองไปไม่เห็นอะไรเลย รอบเกาะเป็นวงแหวนของกำแพงลมสูงที่หมุนอย่างรวดเร็ว แคลร์พยายามนำกิ่งไม้ไปใกล้กับกำแพงลม แต่กิ่งไม้ก็ถูกตัดขาดทันที! นางขว้างก้อนหินไปก็ถูกบดเป็นผุยผงทันที เรียกได้ว่าเป็นการตัดขาดจากภายนอกอย่างแท้จริงเลย  

 

 

การฝึกฝนน่าเบื่อและลำบาก แคลร์และเฟิงอี้เซวียนยังคงแยกกันฝึกอยู่ พวกเขาสามารถเจอกันได้ในเวลากลางคืนเท่านั้น ในตอนเย็นทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างเหนื่อยล้า หลังจากทานอาหารแล้วพวกเขาก็ใช้เวลาพักผ่อน ช่วงเวลาที่เหลือพวกเขาฝึกกันอย่างหนักอยู่คนละด้านของเกาะ จากคำพูดของท่านลมเทียนกังก็คือ เขากลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายกันโดยไม่ได้ตั้งใจหากฝึกด้วยกัน หลังจากที่เฟิงอี้เซวียนปลดผนึกแล้ว เขาก็ฝึกฝนโดยใช้ความพยายามเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ในทางกลับกัน แคลร์ผู้มีธาตุไฟไม่สามารถรับรู้ถึงธาตุลมได้อย่างชัดเจนจึง    ถูกกรอกหูด้วยเสียงบ่นคำรามของท่านลมเทียนกังตลอดทั้งวัน      

 

 

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ก็มีข่าวมาขัดจังหวะการฝึกของพวกเขา  

 

 

อันลิซ่าปรากฏตัวบนเกาะและนำจดหมายมาให้แคลร์  

 

 

“เจ้ามาทำไม? มันยังเร็วเกินไปที่พวกเขาจะฝึกเสร็จในตอนนี้นะ” ท่านลมเทียนกังพึมพำ ในใจเขารู้สึกเป็นทุกข์มาก โดยเฉพาะกับแคลร์ นานขนาดนี้แล้วนางยังไม่มีความคืบหน้าเลย  

 

 

“ข้ามาหาแคลร์ ข้ามีของบางอย่างจะให้นาง” อันลิซ่าหยิบจดหมายออกมาและยื่นให้แคลร์ที่มองมาอย่างสงสัย  

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลี่หรือ?” แคลร์ขมวดคิ้วและถาม “หรือเกิดเรื่องกับเพื่อนของข้า?”  

 

 

“ไม่ใช่ทั้งหมดนั่น เพื่อนของเจ้าแยกกันไปทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำแล้ว อัศวินของเจ้าก็กลับไปที่อันพาแกรนด์แล้ว จดหมายฉบับนี้ อัศวินของเจ้าส่งมาเพื่อให้ข้านำมาให้เจ้า เนื้อหาข้างในข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร”อันลิซ่าตอบตามความเป็นจริง  

 

 

แคลร์มองจดหมายปิดผนึกในมือ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายใจ ซองจดหมายถูกฉีกออกอย่างรวดเร็วแล้วสีหน้าของแคลร์ก็เปลี่ยนไปทันที  

 

 

เกิดเรื่องขึ้นกับคลิฟ!  

 

 

“ท่านลมเทียนกัง ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องไปทำตอนนี้ ข้าต้องออกจากเกาะนี้ โปรดให้ข้าไปด้วยเถิด” แคลร์เก็บจดหมายแล้วพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่  

 

 

“เจ้าเรียนไปแค่ขั้นแรกเท่านั้น อี้เซวียนเรียนไปถึงขั้นที่ห้าแล้ว เจ้ายังอยากจะไปไหนอีก?” ท่านลมเทียนกังตำหนิ  

 

 

แต่แคลร์ยังคงนิ่ง สีหน้าของนางเคร่งขรึมและพูดอย่างหนักแน่นอีกครั้ง “คนๆ นี้สำคัญสำหรับข้ามาก ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตราย ข้าต้องไปหาเขา อีกอย่างท่านก็พูดเองว่าข้าฝึกแค่ขั้นแรกก็ได้ ที่จริงแล้วคุณสมบัติของข้าไม่สามารถฝึกฝนพลังสายลมเทียนกังของท่านได้ ท่านเองก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าข้าจะฝึกหนักแค่ไหนในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าก็ไม่สามารถบรรลุสายลมเทียนกังได้เลย”  

 

 

ท่านลมเทียนกังตะลึง เขามองดวงตาที่แน่วแน่ของแคลร์อยู่เป็นเวลานานแล้วพูดอะไรไม่ออก  

 

 

“เขาเป็นอะไรกับเจ้า” อันลิซ่าถามเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจของเฟิงอี้เซวียน  

 

 

“คลิฟ อาจารย์ของข้า” แคลร์ตอบตามความจริงโดยไม่รู้ความหมายของอันลิซ่า  

 

 

“อาจารย์ ท่านก็ได้ยินแล้ว อาจารย์กำลังลำบาก ศิษย์จะไม่ไปได้หรือ? หากวันไหนที่อาจารย์เกิดเรื่อง ข้าจะยืนดูอยู่เฉยๆได้อย่างนั้นหรือ?” หางตาของอันลิซ่าเห็นท่าทางโล่งใจของเฟิงอี้เซวียน มุมปากของนางก็ยกขึ้น   

 

 

“ก็จริง” ท่านลมเทียนกังลูบเคราของเขา “เอาล่ะ แม่หนู เจ้าไปเถอะ อย่างไรตอนนี้เจ้าก็ได้เรียนวิชาสามลมเทียนกังของข้าแล้ว ขั้นแรกก็ถือว่าได้เรียน ฮ่าๆ ทีนี้ข้าก็ยั่วโมโหซือคงหลินได้แล้ว เช่นนั้นเราไปฝึกกันต่อเถอะ ส่วนเจ้าไปได้”   

 

 

เรา? เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้ว หมายความว่าอย่างไร?  

 

 

“ข้าก็จะไปกับแคลร์ด้วย!” เฟิงอี้เซวียนเข้าใจความหมายของท่านลมเทียนกังจึงพูดขึ้นทันที  

 

 

“ฝันไปเถอะ! คุณสมบัติของเจ้าดียิ่งกว่าแม่ทีเร็กซ์ของเจ้าเสียอีก เจ้าอยู่เรียนกับข้าก่อนแล้วข้าจะสอนเคล็ดวิชาอื่นๆ ให้เจ้าอีก ฮ่าๆ ไปกัน!” ท่านลมเทียนกังไม่รอให้เฟิงอี้เซวียนมีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาคว้าตัวเฟิงอี้เซวียน หัวเราะออกมาแล้วพาเขาบินไปที่อีกด้านของเกาะทันที   

 

 

เสียงโวยวายดิ้นรนของเฟิงอี้เซวียนดังมาไกลๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว  

 

 

แคลร์และอันลิซ่ามองหน้ากันแล้วพูดไม่ออก  

 

 

“ท่าน ท่านอัน รบกวนด้วยค่ะ” แคลร์รู้สึกเก้ๆ กังๆ ที่จะเรียกอันลิซ่า เมื่อคิดๆดูจึงเรียกเช่นนี้   

 

 

“ข้าหวังว่าเจ้าจะเรียกข้าว่าป้าอันนะ หึหึ ไปกันเถอะ อัศวินของเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่ที่นั่น” อันลิซ่าพูดติดตลกแล้วดึงแคลร์ไป นางหยิบม้วนเวทย์เคลื่อนย้ายที่ออกมา ฉีกออกจากกันเพื่อไปสถานที่นั้น  

 

 

หัวใจของแคลร์ดิ่งลงเรื่อยๆ อาจารย์ไปที่นั่นเพื่อต้องการที่จะบรรลุ!  

 

 

เมื่อแคลร์ลืมตาขึ้นก็พบว่าสถานที่ที่นางกลับมาคือห้องลับ อันลิซ่ายืนอยู่ข้างๆ และอธิบาย “จุดเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ในห้องลับใต้ดินของบ้านตระกูลเฟิงน่ะ ไปกันเถอะ อัศวินของเจ้ากำลังรออยู่ที่ห้องโถงด้านบน”  

 

 

อันลิซ่าพาแคลร์ออกจากห้องลับตรงหัวมุม เดินผ่านทางเดินยาว บรรดาสาวใช้และคนงานต่างก็ทักทายอันลิซ่าตลอดทาง แคลร์ค้นพบว่าสายตาของคนเหล่านี้ล้วนแต่มีความเคารพและคลั่งไคล้ แคลร์อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าตนเองเป็นคนแบบไหนกันแน่?  

 

 

หลังจากมาถึงห้องโถง แคลร์ก็เห็นจินเหยียนนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้โดยมีเฮยหยู่และไป๋ตี้นั่งพิงไหล่ของเขา เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นแคลร์ออกมาพวกเขาก็กระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้นแล้วมาเกาะไหล่ซ้ายขวาของแคลร์จากนั้นก็ถูใบหน้าของนางอย่างรักใคร่  

 

 

“คุณหนู!” จินเหยียนลุกขึ้นยืนมองตรงไปที่แคลร์ เวลานี้มีบางอย่างที่สั่นไหวในดวงตาของเขา  

 

 

“จินเหยียน ไปกันเถอะ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป มีบางเรื่องที่ข้าจะถามเจ้าระหว่างทาง” แคลร์เป็นกังวล นางหันไปและโค้งคำนับให้กับอันลิซ่า “ป้าอัน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ข้าจะไม่มีวันลืมเลย หากวันหนึ่งป้าอันต้องการข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”  

 

 

“เจ้าไปเถอะ แคลร์ ระหว่างทางก็ระวังด้วยนะ” อันลิซ่ายิ้มให้แคลร์ที่พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าจะไปส่งพวกเจ้าออกเดินทางไป ทางด้านตระกูลหลี่ข้าจะไปบอกพวกเขาให้ เจ้าไปแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่ยืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้งแล้ว”  

 

 

“ขอบคุณค่ะ ป้าอัน…” แคลร์มองคนตรงหน้า นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ไม่รู้จะขอบคุณสำหรับทุกสิ่งอย่างไรดี  

 

 

“นี่คือความพยายามของเจ้าทั้งหมด ข้าไม่ได้ออกแรงอะไรเลย เอาล่ะ เจ้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการต่อ รีบไปเถอะ” อันลิซ่าพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ  

 

 

แคลร์พยักหน้าแล้วเดินตามอันลิซ่าออกไปจากบ้านตระกูลเฟิง  

 

 

รถม้าพร้อมแล้ว จินเหยียนและแคลร์เข้าไปในรถม้า ก่อนที่แคลร์จะพูดอะไร จินเหยียนก็พูดออกมาก่อน  

 

 

“คุณหนู หลังจากที่คุณหนูถูกพาตัวไปแล้วเราก็ได้รับคำอธิบายของคุณหนูจากคริสตัลความทรงจำ พวกเราไม่รู้ว่าคุณหนูจะออกมาเมื่อไหร่ ทุกคนจึงตัดสินใจแยกกันไปทำตามที่ตัวเองอยากทำ มังกรดำหลบไปฝึกฝน เขาบอกว่าต้องการจะพัฒนาความสามารถของเขาแล้วไปทวงคืนตำแหน่งราชาเผ่ามังกร วัลโดรู้สึกว่ากำลังของเขาอ่อนแอเกินไป เขาจึงฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ คามิลล์กลับไปเป็นนักวิชาการต่อที่เมืองหลวงแล้ว แต่เขาก็ฝากบอกคุณหนูว่าหากมีเรื่องสนุกให้เรียกเขาและเขาก็ยินดีต้อนรับคุณหนูไปดื่มชาที่บ้านทุกเมื่อเฉียวฉู่ซินกับซัมเมอร์ออกเดินทางไปกับสุ่ยเหวินโม่และตงเฟิงโฮ่ว เหลิ่งหลิงยวิ๋นกลับไปที่วิหารแห่งแสงแล้ว ส่วนเสือดาวลมตอนนี้คุณหนูราเซียดูแลให้อยู่ครับ” จินเหยียนอธิบายเรื่องของทุกคนคร่าวๆ ให้แคลร์ฟัง  

 

 

…………………………………………………………………………….  

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset