“ครับนายท่าน” อูมาริพยักหน้า แต่ท่าทางลังเลที่จะพูดต่อ
“มีอะไรหรือ?” ดยุกกอร์ตั้นเห็นว่าอูมาริต้องการจะพูดอะไรสักอย่างเลยถามออกไป
“ถึงแม้ว่าคุณหนูแคลร์จะขอให้ข้าไม่บอกท่าน แต่ข้าคิดว่าควรจะบอก คุณหนูแอบกลับมาถึงที่เมืองหลวงแล้ว และก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย” อูมาริไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของแคลร์
“อะไรนะ? แคลร์กลับมาแล้ว?” ดยุกกอร์ตั้นทั้งประหลาดใจและมีความสุข แต่ก็กังวลอีก แคลร์มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อแคทเธอรีนมาก เขารู้ดี ถ้าแคลร์ปรากฏตัวตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“เดิมทีคุณหนูอาศัยอยู่ในบ้านของข้าแต่หายตัวไปเมื่อสองสามวันก่อน ที่มั่นใจได้ก็คือคุณหนูอยู่เมืองหลวงแน่นอน วิหารแห่งแสงก็ไม่รู้ว่านางกลับมาแล้ว” อูมาริพูดอย่างมั่นใจ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว นางไม่ปรากฏตัวจะเป็นการดีที่สุด” ดยุกกอร์ตั้นถอนหายใจเบาๆ
“แต่ว่านายท่าน ท่านเคยคิดว่าการพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้คุณหนูจะปรากฏตัวหรือไม่? ความรู้สึกของนางกับนายหญิงค่อนข้างลึกซึ้งยิ่งกว่าผู้อื่นนะครับ” อูมาริขมวดคิ้วถาม
“เจ้าส่งคนไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมของสถานที่พิจารณาคดีอย่างละเอียด ถ้าพบเบาะแสของนางให้หยุดและพานางออกไปทันที” ดยุกกอร์ตั้นพูดอย่างเคร่งขรึม “นางเป็นแกนหลักที่สำคัญของอนาคตตระกูลฮิลล์ จะให้นางเห็นแผนที่สองไม่ได้เด็ดขาด” แม้ว่าครั้งนี้องค์ชายใหญ่จะแพ้ ตำแหน่งและความแข็งแกร่งของวิหารแห่งแสงก็ไม่สั่นคลอน เมื่อการต่อสู้นี้จบลง ทุกอย่างยังกลับเป็นอย่างเดิมได้
“ครับนายท่าน” อูมาริพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ที่ตระกูลฮิลล์อยู่ในสถานะในตอนนี้ได้ คนที่อยู่ตรงหน้านี้มีส่วนอย่างมากมาย เพื่อรักษาตระกูลฮิลล์ไว้ การเสียสละและราคาที่ต้องจ่ายไปนั้นมากเกินไป แต่การทำเช่นนี้มันดีจริงๆ หรือ? ถ้าแคลร์และลาเกอร์รู้แผนนี้ ผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? อูมาริไม่กล้าคิดเรื่องนี้เลย ตอนนี้สิ่งที่เขาหวังมากที่สุดคือการพบแคลร์ก่อนการพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้แล้วพาแคลร์ไปนอกสถานที่ ไม่อยากให้เด็กผู้นั้นเจ็บปวดเลย
วันรุ่งขึ้น การพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการของแคทเธอรีนฮิลล์เริ่มขึ้น สถานที่จัดงานอยู่ในศาลหลวง
ในวันนี้ เหล่าขุนนางในเมืองหลวงต่างมารวมกัน เราทุกคนรู้ดีว่าการพิจารณาคดีในวันนี้จะกำหนดตำแหน่งขององค์รัชทายาท บรรดาผู้ที่เคยอิจฉาตระกูลฮิลล์ต่างก็รู้สึกดีและรอคอยดูอยู่แล้ว ฝ่ายที่อยู่ข้างตระกูลฮิลล์ก็กังวลใจ ไม่เคยมีผู้มีอำนาจที่เผชิญกับวิหารแห่งแสงได้ดีเลย
ในห้องโถงของศาลแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ด้านหนึ่งเป็นคนของวิหารแห่งแสงและองค์ชายใหญ่ อีกด้านหนึ่งเป็นคนของตระกูลฮิลล์และองค์ชายสอง
อูมาริกังวลใจ จนถึงตอนนี้แคลร์ก็ยังไม่ปรากฏตัวเลย นี่มันผิดปกติมากเกินไป ตามที่เขารู้จักแคลร์ แคลร์จะต้องมาปรากฏตัวที่นี่แน่นอน
การพิพากษาครั้งนี้เป็นในการพิพากษาประวัติศาสตร์ จักรพรรดิเป็นประธานในการพิจารณาคดี และคณะรัฐมนตรีเป็นคณะลูกขุน
เมื่อแคทเธอรีนถูกพาตัวไปที่ตำแหน่ง ลาเกอร์ก็มองไปที่แคทเธอรีนอย่างใจจดใจจ่อ อยากจะลุกขึ้นยืน แต่ถูกดยุกกอร์ตั้นห้ามไว้อย่างเย็นชา
แคทเธอรีนดูสงบและสูงส่ง เดินขึ้นไปอย่างหนักแน่น ดวงตาชัดเจน การแสดงออกเป็นธรรมชาติ ดูราวกับว่าไม่ได้ถูกควบคุมจิตใจ
หลังจากที่จักรพรรดิเข้ามานั่ง ห้องโถงก็เงียบลง ลาเกอร์มองไปที่แคทเธอรีนอย่างกังวลแล้วกำหมัดแน่น
“เป็นอย่างไร?” ดยุกกอร์ตันหันไปกระซิบถามกับคนข้างๆ
ชายคนนั้นส่ายหัวและเงียบไม่พูดอะไร
ดวงตาของดยุกกอร์ตั้นเย็นชา เขาทำลายการควบคุมจิตใจของแคทเธอรีนไม่ได้ เช่นนั้นจึงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีนั้นแล้วล่ะ เพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้! แคทเธอรีน…ดยุกกอร์ตั้นถอนหายใจ และรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็หายไปทันที จะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ จะให้ความรู้สึกมาทำลายให้เสียเรื่องไม่ได้! วันหนึ่งที่ลาเกอร์เข้าใจเหตุผลนี้คงจะวางใจฝากตระกูลฮิลล์ไว้ที่เขาได้อย่างสบายใจ
แคทเธอรีนเงยหน้าขึ้นมามองจักรพรรดิที่นั่งอยู่ด้านบนสุด ไม่รอให้จักรพรรดิถาม นางก็อ้าปากพูดอย่างชัดเจน “กราบบังคมทูลฝ่าบาท หม่อมฉันถูกองค์ชายสองยุยงให้วางยาสังหารองค์ชายใหญ่ เป็นความจริงที่สุด ทั้งหมดล้วนอยู่ในการควบคุมของหม่อมฉัน มีคนตรวจอาหารและเครื่องดื่มก่อนเข้าวัง หม่อมฉันถูกบังคับ ทั้งหมดนี้องค์ชายสองยุยง หม่อมฉันเพียงแค่ลงมือทำตามแผนเพคะ” ถ้อยคำที่พูดออกมาชัดเจนมาก ก่อนเข้าวังอาหารและเครื่องดื่มไม่มีพิษ แต่ไวน์ที่ถวายให้องค์ชายใหญ่นั้นถูกวางยาพิษโดยนางเอง คำพูดเหล่านี้ เป็นการเปิดโปงองค์ชายสองอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่แคทเธอรีนพูด ห้องโถงก็เกิดความโกลาหลขึ้น สีหน้าของจักรพรรดิยังคงนิ่งเฉย แล้วมองดูพระสันตะปาปาและดยุกกอร์ตั้นที่นั่งดูข้างล่าง และสังเกตพวกเขาทั้งสองอย่างเงียบๆ
พระสันตะปาปาไม่มีการแสดงออกใดๆ เพียงแค่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น เขาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนโดยการเข้าร่วมพิจารณาคดีนี้และทำให้ทุกคนที่สนับสนุนองค์ชายใหญ่มั่นใจ แต่บางคนก็ลังเลและไม่พอใจ โค้งคำนับไปทางวิหารแห่งแสง นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากนี้อำนาจกษัตริย์จะยึดติดกับอำนาจเทพเจ้า หลายคนยังยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้
ดยุกกอร์ตั้นไม่แยแ สลาเกอร์กระวนกระวายจนเสียการควบคุมแล้ว
“แคทเธอรีน! ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้ ฝ่าบาท แคทเธอรีนถูกควบคุมจิตใจอยู่! ถึงได้พูดเช่นนี้ออกมาได้! แคทเธอรีน ตื่นสิ!” ลาเกอร์ยืนขึ้นและตะโกนด้วยความโกรธ
“มาร์ควิสลาเกอร์ ระวังคำพูดของเจ้าด้วย ต้องทำตามมารยาทของขุนนางสิ ยังไม่ถึงเวลาที่จะให้พวกเจ้าโต้แย้ง” จักรพรรดิพูดออกมาอย่างไม่แยแส ท่าทางดูเคร่งขรึม น้ำเสียงดูยุติธรรม แต่ในใจเขามีความสุข ตระกูลฮิลล์เข้มแข็งและมีความตั้งใจมาตลอด แม้ว่าเขาจะต้องสุภาพ หลังจากนี้ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีก
จักรพรรดิขยิบตาให้อัครมหาเสนาบดีที่อยู่ข้างๆ และอัครมหาเสนาบดีก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงดัง “นักเวทที่สูงที่สุดของวังหลวงได้ตรวจสอบแคทเธอรีน ฮิลล์ว่าถูกควบคุมจิตใจจริงหรือไม่ แน่นอน ตระกูลฮิลล์และวิหารแห่งแสงก็มีสิทธิ์ส่งคนมาตรวจได้ด้วย”
“นั่งลง!” ดยุกกอร์ตั้นบอกลาเกอร์ที่กำลังยืนอยู่
ลาเกอร์มองตรงไปที่แคทเธอรีน แต่แคทเธอรีนไม่หันกลับมามองเลย ราเซียมองไปที่แคทเธอรีนด้วยสายตาเป็นกังวลและเป็นห่วง แต่เอเรคที่นั่งอยู่ข้างๆ องค์ชายใหญ่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เลยไม่กล้ามองไปที่แคทเธอรีนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วยิ่งไม่กล้ามองไปที่ลาเกอร์เลย เหลิงหลิงยวิ๋นนิ่งเงียบ สีหน้าหมองหม่น หลิวเฉว่ชิงไม่แสดงออกใดๆ บนสีหน้า แต่นางก็รู้สึกผิดหวัง ในใจเวลานี้แคลร์ไม่อยู่ ถ้าอยู่ก็จะดีเลย คงจะมีอะไรดีๆ แน่นอน
“ไปสิ” ดยุกกอร์ตั้นพูดกับคนที่นั่งข้างหลังเขา
หลังจากที่นักเวทสูงสุดตรวจสอบแคทเธอรีนก็พูดเสียงดัง “ทูลฝ่าบาท ทุกอย่างปกติดีพะย่ะค่ะ”
หลังจากจบคำความโกลาหลก็เกิดขึ้น
สีหน้าของลาเกอร์เปลี่ยนไปทันที เขากำลังจะลุกขึ้นพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกดยุกกอร์ตั้นตบไหล่ไว้ เป็นแค่การตบเบาๆ ก็ทำให้ลาเกอร์นิ่ง ร่างกายไม่มีแรง แล้วก็เอนพิงอย่างอ่อนแรงอยู่ตรงนั้น
ทางวิหารได้ส่งอาร์ชบิชอปมา หลังจากการตรวจสอบก็พบว่าจิตใจไม่มีความผิดปกติ คนกลุ่มนี้ไม่ได้วุ่นวายอะไร ถ้าวิหารบอกว่าทางจิตใจมีความผิดปกติ ก็คงจะดูแปลก
ดยุกกอร์ตั้นยังคงสีหน้าปกติ สถานการณ์นี้อยู่ในความคาดเดาของเขาอยู่แล้ว ถึงเวลาดำเนินแผนสองแล้ว แผนนี้จะให้ลาเกอร์รู้ไม่ได้เด็ดขาด ทำลายการควบคุมไม่ได้ ก็จะมีแค่ทำลายจิตวิญญาณของแคทเธอรีนเท่านั้น คนที่ควบคุมจิตใจของแคทเธอรีนนั้นจะต้องเผยให้เห็นพิรุธและความผิดปกติแน่นอน แม้ว่าจะพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
คนที่อยู่ข้างๆ ดยุกกอร์ตั้นลุกขึ้นแล้วเดินไปหาแคทเธอรีน
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นเสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นเสียงที่ไม่ดัง แต่ทุกคนในห้องโถงกลับได้ยิน
ทุกคนประหลาดใจ ใครที่ใจกล้ามาหยุดพวกเขาในตอนนี้ ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายในห้องโถง ทุกคนหาที่มาของเสียงนั้น เมื่อเห็นคนอยู่ที่ประตูทุกคนก็หยุดชะงักไป
ที่ทางเข้าห้องโถงคือเด็กสาวผมบลอนด์ ดวงตาสีเขียว ใบหน้าเย็นชา ดวงตาลึกล้ำ แต่งชุดดำ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ มีเสน่ห์อย่างไม่อาจบรรยายได้ ดึงดูดสายตาของทุกคนไว้ทั้งหมด
แคลร์ ฮิลล์!
นั่นคือแคลร์ผู้มหัศจรรย์!
ขุนนางในห้องโถงต่างกระซิบกระซาบกัน
ดยุกกอร์ตั้นและพระสันตะปาปามีสีหน้าเปลี่ยนไป
แคลร์ปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้!
นั่นหมายความว่าแคลร์จะเลือกฝ่ายหนึ่ง แล้วหักล้างกับอีกฝ่ายแน่นอน หลังจากที่แคลร์ทำสิ่งนี้ นางจะต้องเผชิญกับอะไร ทุกคนในห้องโถงรู้เป็นอย่างดี
“ท่านนักบวช เจ้ามาแล้ว” หลิวเฉว่ชิงยืนขึ้นและทักทายแคลร์ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน พระสันตะปาปามีความชื่นชมในแววตา หลิวเฉว่ชิงฝึกวิชามาหลายปี รู้จักเตือนตัวตนของแคลร์ก่อนและเตือนคนอื่นๆ ในที่นี้ รวมทั้งตระกูลฮิลล์ด้วยว่าแคลร์ไม่ได้เป็นแค่คนของตระกูลฮิลล์เท่านั้น แต่ยังเป็นนักบวชของวิหารแห่งแสงด้วย
หลิวเฉว่ฉิงยิ้มและเดินไปข้างหน้า “ท่านนักบวช เจ้ามาสายแล้ว ตำแหน่งที่นั่งของเจ้าอยู่ตรงนี้”
เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้ว ในแววตาแสดงความโกรธและความรังเกียจ หลิวเฉว่ฉิงจงใจ!แต่พระสันตะปาปาเหล่ตามองทั้งหมดนี้อยู่
ดยุกกอร์ตั้นและพรรคพวกมองแคลร์ หัวใจของพวกเขาพองโต
ห้องโถงเงียบสงบจนได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น ทุกคนกลั้นหายใจมองแคลร์ กำลังรอการตัดสินใจของแคลร์อยู่
เลือกตระกูลฮิลล์หรือวิหารแห่งแสง?
ในประวัติศาสตร์มีคนที่คลั่งลัทธิจนฆ่าญาติพี่น้องของตัวเองและไปทางวิหารแห่งแสง
เช่นนั้น วันนี้หญิงผู้นี้จะเลือกอะไร?
แคลร์ไม่ได้มองไปที่หลิวเฉว่ฉิงเลยแม้แต่น้อย แต่เดินตรงไปหาแคทเธอรีนด้วยสีหน้าเย็นชา
ในที่สุดแคทเธอรีนก็หันมาเผชิญหน้ากับแคลร์ และแววตาของแคทเธอรีนไม่มีความผิดปกติใดๆ เลย