ห้องโถงเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนต่างจับจ้องเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแคลร์จักรพรรดิเองก็ยังขมวดคิ้วและเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแคลร์เช่นกัน
เป็นไปไม่ได้ที่แคลร์จะกำจัดการควบคุมจิตใจแต่ในตอนที่พระสันตะปาปากำลังมั่นใจนั้น คนที่นั่งอยู่ข้างหลังพระสันตปาปาก็ร้องขึ้นมาอย่างประหลาดจากนั้นเลือดก็พุ่งออกมาชักและทรุดลงกับพื้น แล้วดวงตาทั้งสองก็เป็นสีขาวแค่มองแวบแรกก็รู้มันเป็นปรากฏการณ์ทางจิตใจ
แล้วก็เกิดเสียงดังที่เกือบจะพังเพดานห้องโถง!
ในที่สุดสีหน้าของพระสันตะปาปาก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่กำจัดการควบคุมจิตใจได้แล้ว! ระดับความแข็งแกร่งของแคลร์คืออะไรกันแน่? พลังจิตใจของนางแข็งแกร่งถึงแค่ไหนกัน? จอมเวทชั้นเซียนหรือ? ไม่นะ! เป็นไปไม่ได้! ปีนี้นางอายุยังไม่ถึงสิบห้าเลยจะสามารถบรรลุจอมเวทชั้นเซียนได้อย่างไร?!
“เรื่องจริงอยู่ในสายตาตรงหน้านี้แล้วองค์ชายใหญ่วางแผนการเหล่านี้เพื่อใส่ร้ายองค์ชายสอง ตัวตนของคนผู้นั้นหม่อมฉันไม่ต้องพูดออกมาพระองค์ก็คงจะตรวจสอบให้แน่ชัดได้นะเพคะ”แคลร์มองไปที่จักรพรรดิอย่างเย็นชาแล้วพูด
จักรพรรดิสบตาของแคลร์ ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไร จึงมีเหงื่อเย็นจางๆสายตานี้หนาวเหน็บจนทำคนขยาด!
“เกิดอะไรขึ้น?” แคทเธอรีนขยี้หัวของตัวเอง ยังไม่ได้สติเต็มที่ แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน “ดูเหมือนข้าจะฝันแปลกๆ ว่าควบคุมคำพูดและการกระทำของตัวเองไม่ได้” แคทเธอรีนขมวดคิ้วคิดและเรื่องก็ทั้งหมดเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
“ไม่เป็นไรแล้ว ท่านแม่ เดี๋ยวเรากลับบ้านกัน” แคลร์หันหน้าไปยิ้มให้แคทเธอรีนอย่างนุ่มนวล
สถานการณ์ในห้องโถงวบคุมไม่ได้เลย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทำให้ผู้คนตกใจมากสีหน้าขององค์ชายใหญ่ซีดเผือดสถานการณ์เลวร้ายสำหรับเขาอย่างมาก
“เงียบ!” อัครมหาเสนาบดีที่นั่งด้านล่างฝั่งซ้ายของจักรพรรดิตะโกนออกมาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในห้องโถง
ยังคงมีเสียงดังในห้องโถงอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นไปเรื่อยๆ จะจัดการได้อย่างไรล่ะ?
ดวงตาแปลกๆ ของลอรีอัลยังคงมองไปที่แคลร์ ทันใดนั้นหัวใจของนางก็อึดอัด ดวงตาปิดลงและจากนั้นก็ลืมตาขึ้น แล้วร่างกายของนางสั่นเล็กน้อยอย่างประหลาด
นิมิตจากโหราศาสตร์เมื่อวาน หมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่?
ลอรีอัลตกใจกลัว และเหลือเชื่อ
พระสันตะปาปารู้สึกถึงความผิดปกติของลอรีอัล ลอรีอัลไม่เคยเป็นเช่นนี้มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
“ลอรีอัล?” พระสันตปาปาหันไปถามด้วยเสียงต่ำ
“พระสันตะปาปา ข้าไม่มองไม่ผิด เด็กสาวผู้นั้น…” เสียงของลอรีอัลต่ำลงเรื่อยๆและสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ปากพูดแต่เปลี่ยนเป็นการถ่ายทอดผ่านเสียงเวท ให้มีเพียงพระสันตะปาปาเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“อะไรนะ? เจ้าแน่ใจหรือ?!” สีหน้าของพระสันตะปาปาตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเวลาไหน และความน่ากลัวในดวงตานั้นก็ยิ่งหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้เลย
ลอรีอัลพยักหน้าอย่างหนัก ตาของนางก็ตกใจเช่นกัน
“ฝ่าบาท มีเรื่องด่วนในวิหารข้าจะต้องออกไปก่อน” พระสันตะปาปายืนขึ้นและพูดอย่างกระตือรือร้น แล้วหันหลังออกไปอย่างเร่งรีบไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของจักรพรรดิเลยลอรีอัลและคนอื่นๆตามมาติดๆหลิวเฉว่ฉิงตกตะลึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็รีบตามไปเหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปที่แคลร์อย่างลึกซึ้งก่อนจะจากไปอย่างช้าๆ
คนของวิหารแห่งแสงก็ไปทั้งหมดอย่างเร่งรีบ
เวลานี้องค์ชายใหญ่สงบนิ่งอย่างน่าประหลาดเขามองเอเรคที่ขยับตัวไม่ได้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบๆดวงตาของเขาก็มืดมน
มันจบลงแล้ว
ตำแหน่งสูงสุดนั้นไม่มีผลอะไรกับตัวเองเลย…
การจากไปที่ไม่อาจอธิบายได้ของวิหารแห่งแสงทำให้ผู้คนทั้งหมดในห้องโถงต่างตกใจและสับสนเกิดอะไรขึ้นกับวิหารกันแน่ ที่ทำให้พระสันตปาปาและคนอื่นๆต้องไปในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
จะปล่อยองค์ชายใหญ่ไปเช่นนี้หรือ?
“การพิจารณาคดีจะมีขึ้นอีกในวันหลัง ปิดศาล! ตอนนี้แคทเธอรีนฮิลล์รับการประกันตัวชั่วคราวได้” หลังจากอัครมหาเสนาบดีประกาศตามที่จักรพรรดิต้องการแล้วก็รีบออกไปกับจักรพรรดิเรื่องนี้มันเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิงท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของวิหารทำให้ผู้คนไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
ห้องโถงกลายเป็นความยุ่งวุ่นวาย
บางคนมีความสุขและบางคนก็กังวล
“ท่านแม่ เรากลับบ้านกันเถอะ” แคลร์ยิ้มและจับมือแคทเธอรีน กำลังจะไปจากที่นี่
“แคลร์”ดยุกกอร์ตั้นเดินหน้ามาด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน มีทั้งความสุขและความกังวลความสุขก็คือการต่อสู้ครั้งนี้ชนะแล้วและความแข็งแกร่งของแคลร์ก็ยิ่งใหญ่มากจนน่ากลัวและที่กังวลก็คือแคลร์จะแตกหักกับวิหารแห่งแสงตั้งแต่นี้ไป และผลที่ตามมาจะไม่มีใครคาดเดาได้เลยแม้ว่าแคลร์จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแต่ไม่มีใครประเมินความแข็งแกร่งของวิหารแห่งแสงได้
“ท่านพี่ พี่น่าทึ่งมาก พี่สุดยอดเลยจริงๆ” ราเซียยังเด็กอยู่ ดังนั้นจึงไม่คิดมากนักสิ่งที่นางรู้ก็คือพี่สาวของนางเพิ่งช่วยท่านแม่ได้อย่างสง่าผ่าเผย
“แคลร์ ขอบคุณนะ…” ลาเกอร์ก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างซับซ้อน
แคลร์ยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ทำเพื่อท่าน ข้าแค่ทำเพื่อท่านแม่”
“แคลร์เจ้า เจ้ายัง…” ไม่มีใครเข้าใจอารมณ์ของแคทเธอรีนในขณะนี้ได้ในที่สุดแคลร์ก็แตกหักกับวิหารแห่งแสงเพื่อนางดวงตาของแคทเธอรีนเป็นประกายด้วยน้ำตา มือของนางจับมือของแคลร์ไว้แน่น
“กลับกันก่อนค่อยคุยเถอะ”ดยุกกอร์ตั้นพูดอย่างเคร่งขรึม
ทุกคนพยักหน้านี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุยกันเลย
องค์ชายสองและองค์หญิงแมริสยืนอยู่ในที่นั้นมองแคลร์จากระยะไกลดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งเศร้าและมีความสุขแต่ก็พูดอะไรไม่ได้พวกเขาไม่ได้มาพูดคุยกับแคลร์เพราะพวกเขารู้อย่างลึกซึ้งพวกเขาไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะพูดคุยกับหญิงสาวผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว
ทุกคนในห้องโถงแหวกทางออกเพื่อให้ตระกูลฮิลล์เดินผ่านไปบรรยากาศโดยรอบเย็นเยียบพวกเขาต่างเข้าใจดีว่าตระกูลฮิลล์จะขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งเพียงแต่มีหลายคนกังวลเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีดวงตาที่สดใสนั้น เดิมทีนางเป็นนักบวชชั้นสูงของวิหารแห่งแสง อนาคตไร้ขีดจำกัดแต่วันนี้นางแตกหักกับวิหารเพื่อครอบครัวของนางแล้ว ต่อจากนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ?
ที่ห้องโถงใหญ่ของวิหารแห่งแสง
ลอรีอัลคุกเข่าลงต่อหน้าเทวรูปของเทพี นิ่งเงียบราวกับรูปสลัก
ไม่มีใครอยู่รอบๆ พระสันตะปาปาและคนอื่นๆ รออยู่ข้างนอกลอรีอัลกำลังสื่อสารกับเทพี กำลังฟังเจตจำนงของเทพีอยู่
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นแต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าทำไม
เป็นเวลานานก็ได้ยินเสียงดังในห้องโถงใหญ่ทุกคนต่างวิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้นและพบว่าลอรีอัลนอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า
“ลอรีอัล!” พระสันตะปาปาก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองลอรีอัลไว้ แล้วร้องเรียก
ลอรีอัลลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางดูเหนื่อยล้ามากทุกครั้งที่ฟังเจตจำนงของเทพี จะทำให้นางเหนื่อยมากเช่นนี้ลอรีอัลมองพระสันตปาปา ริมฝีปากของนางเผยอเล็กน้อยแต่ไม่มีเสียงใดๆ ออกมาใช้เวทมนตร์ในการถ่ายทอดเสียงออกมาแทนเสียงที่นุ่มนวลนั้นชัดเจนมากในหัวของพระสันตปาปา
ทำสิ่งทุกอย่างเพื่อฆ่าแคลร์ซะ
วิญญาณของนางจะต้องถูกทำลาย!
หลังจากที่ลอรีอัลถ่ายทอดสิ่งนี้ให้กับพระสันตะปาปาแล้ว ก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
พระสันตะปาปาสั่งให้คนส่งลอรีอัลกลับห้องเพื่อไปพักผ่อน แล้วเดินไปที่ห้องหนังสือการฆ่าแคลร์และทำลายจิตวิญญาณของนางจะต้องมีการวางแผนที่ดีเพราะหญิงผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาภูมิหลังและความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้มองข้ามไม่ได้เลยโชคดีที่คลิฟอาจารย์ของนางไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับมาในเร็วๆนี้
เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองพระสันตะปาปาที่ท่าทีเหนื่อยล้ากำลังเดินไปห้องหนังสือด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและขมวดคิ้วเล็กน้อยสงสัยว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน และเทพีมีเจตจำนงอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้หรือไม่?
แต่การเคลื่อนไหวต่อมาของพระสันตปาปาทำให้เขางงงวยและไม่สบายใจมากขึ้นอีก
อาร์ชบิชอปได้รับคำสั่งให้เข้าห้องหนังสือ เทพธิดาหลิวเฉว่ฉิงก็เข้าไปด้วยแต่พระสันตปาปาไม่ได้เรียกให้เขาเข้าไป
ถึงช่วงบ่ายสิ่งที่ทำให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นตกใจมากก็เกิดขึ้นบรรดาอาร์ชบิชอปจากประเทศต่างๆมารวมตัวกันด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมพวกเขาทั้งหมดเดินทางมาด้วยเทเลพอร์ตในทันทีเทเลพอร์ตจะไม่เปิดใช้งานจนกว่าจะถึงเวลาฉุกเฉินเท่านั้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงเกินไป แต่นี่อาร์ชบิชอปทั้งสิบสองมารวมตัวกันที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่เป็นความประสงค์ของเทพีด้วยงั้นหรือ?
ที่ทางเดินเหลิ่งหลิงยวิ๋นพบกับพระสันตะปาปาที่เพิ่งออกจากห้องหนังสือเขาเรียกพระสันตะปาปา
“พระสันตะปาปา”เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองพระสันตปาปาที่กำลังจะจากไปแล้วเรียกอย่างรีบร้อน
“หลิงยวิ๋นข้าต้องไปเดี๋ยวนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ เจ้าดูแลเรื่องในวิหารในขณะนี้ไปก่อนนะ”พระสันตะปาปาพูดอย่างจริงจัง
“พระสันตะปาปา มีเรื่องอะไรหรือครับ?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในใจจึงมีความวิตกกังวล
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ ข้าจะบอกเองเมื่อเสร็จเรื่องแล้ว” หลังจากที่พระสันตะปาปาพูด เขาก็หันตัวรีบออกไปพระสันตปาปาไม่บอกเหลิ่งหลิงยวิ๋นอยู่แล้วเป้าหมายที่ต้องจัดการในครั้งนี้คือแคลร์และพระสันตปาปารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเหลิ่งหลิงยวิ๋นและแคลร์จึงปล่อยให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นทำเสียเรื่องไม่ได้ และก็ไม่อยากให้วิหารสูญเสียผู้ช่วยที่ทรงพลังผู้นี้ไป
เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเงาหลังของพระสันตปาปาที่กำลังเดินจากไป
“หลิงยวิ๋น” เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นในหูของเหลิ่งหลิงยวิ๋น ความรังเกียจฉายไปทั่วแววตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเสียงนี้คือเสียงของหลิวเฉว่ฉิง!
เหลิ่งหลิงยวิ๋นหันไปไม่ได้มองหลิวเฉว่ฉิงที่อยู่ด้านหลังและเดินไปที่ห้องโถงด้านหลัง
“หลิงยวิ๋น เราไปดูซวนซวนกันเถอะ ข้าได้ยินสาวใช้บอกว่าเมื่อคืนซวนซวนไอเล็กน้อย” น้ำเสียงของหลิวเฉว่ฉิงเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก ซวนซวนสบายดี” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยังคงไม่มองหลิวเฉว่ฉิงและเดินผ่านนางไปยังห้องโถง
หลิวเฉว่ฉิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นไปไกลแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดกับนาง
หลิวเฉว่ฉิงถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวหลิวเฉว่ฉิงมองแผ่นหลังของเหลิ่งหลิงยวิ๋นท่าทีของเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่มีต่อนางในตอนนี้ล้วนแล้วแต่ได้เป็นเพราะแคลร์ถ้าไม่ใช่การปรากฎตัวของนางเหลิ่งซวนซวนก็ยังคงอยู่กับนางสายตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็จะไม่ละไปจากนาง! แคลร์เป็นคนทำให้ท่าทีของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเป็นเช่นนี้! หึ!หญิงผู้นั้นยังทำให้ตนเองหน้าแตกในที่พิจารณาคดีด้วยแต่ไม่เป็นไร คืนนี้หญิงผู้นั้นจะได้ลิ้มรสของการตกจากสวรรค์สู่นรกนางไม่เพียงแค่ตายแต่วิญญาณของนางก็จะถูกทำลายไปด้วย!