“สถานที่กักขังเงือกไม่ได้อยู่ในเมือง มันอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงที่ค่อนข้างไกลจากที่นี่” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างจริงจัง
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่รู้ไม่ใช่หรือ” สีเฉ่าฉีถามด้วยความโกรธเรื่องเสื้อผ้าของเขา
“ข้าโกหกเจ้าไม่ได้หรือไง” คำพูดที่รุนแรงของเฟิงอี้เซวียนทำให้สีเฉ่าฉีไม่พอใจ
“เช่นนั้นก็ไปเดี๋ยวนี้เลย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองท้องฟ้าและพูด “เราจะไปถึงที่นั่นก่อนมืดได้หรือไม่”
“น่าจะได้นะ” เฟิงอี้เซวียนมองท้องฟ้าจากนั้นก็มองไปรอบๆ เพื่อแยกแยะทิศทาง “ตรงไปทางนี้”
ตอนที่ทุกคนไปถึงหมู่บ้านชาวประมงที่เฟิงอี้เซวียนบอกท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านชาวประมงระมัดระวังการมาของคนแปลกหน้ามาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้รับการต้อนรับ!
“พวกเจ้าเป็นใครมาทำอะไรในหมู่บ้านของเรา พวกเราไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า” ชายวัยกลางคนหยิบฉมวกขึ้นมา มองคนกลุ่มนั้นอย่างศัตรู คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังชายวัยกลางคนก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง
พวกของชีอ้าวชวางถูกชาวบ้านพบทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้านจากนั้นชาวบ้านก็รวบรวมผู้คนมากมายมาล้อมพวกเขาเอาไว้
เฟิงอี้เซวียนมองสายตาที่ไร้ความปรานีของทุกคน ยิ้มแล้วเดินไปข้างหน้าจากนั้นก็พูดอย่างใจดี “พวกเรามาที่นี่เพื่อคุยธุรกิจ รบกวนเจ้าไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านที”
“ธุรกิจอะไร สินค้าของเราถูกจองหมดแล้ว พวกเจ้ารีบไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้า!” ชายผู้เป็นแกนนำตะโกนออกมาอย่างร้อนรนและไม่พอใจ สายตาของเขายิ่งดูเป็นศัตรูมากขึ้นอีก ไม่หวั่นไหวกับความงามของเฟิงอี้เซวียนและคนอื่นๆ เลย
“พวกเรามาที่นี่เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด” เฟิงอี้เซวียนยังคงยิ้มอยู่
“ถูกจองไว้หมดแล้วไม่มีแล้ว” ความสงสัยและความลังเลอยู่ในดวงตาของชายวัยกลางคนที่เป็นแกนนำผู้นั้นแต่ชั่วครู่ก็หายไปทันที และเขาก็ยังคงปฏิเสธอย่างไม่สนใจ แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
เฟิงอี้เซวียนก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปแล้วทำท่าทางแปลกๆ
พวกชีอ้าวชวางรู้สึกประหลาดใจที่เห็นความเป็นศัตรูในสายตาของชายวัยกลางคนนั้นค่อยๆ หายไปและฉมวกในมือของเขาก็ถูกวางลงด้วย
“ช่วยพาพวกเราไปพบผู้ใหญ่บ้านได้หรือไม่ พวกเรามาที่นี่เพื่อคุยธุรกิจจริงๆ” เฟิงอี้เซวียนมองชายวัยกลางคนแล้วถามออกไป
ชายวัยกลางคนก้าวถอยหลังไปแล้วโบกมือเบาๆ จากนั้นชาวประมงที่อยู่ข้างหลังก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ชีอ้าวชวางหรี่ตาลงเล็กน้อย ชาวประมงเหล่านี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อครู่เข้ามาล้อมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบด้วย
“ตามข้ามา” ชายวัยกลางคนหันหลังเดินไปด้านหน้า
กลางคืนมีแสงสลัวเห็นได้ว่าหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านหลังเล็กๆ ที่ทำจากหินบ้านหลายหลังมีอวนจับปลาอยู่หน้าบ้านและมีปลาแห้งแขวนอยู่ใต้ชายคา บ้านอีกหลายหลังก็ยังคงมีอุปกรณ์จับปลาวางอยู่หน้าบ้าน พวกเขาคงเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงธรรมดาๆ ถ้าไม่ใช่เพราะการสนทนาของเฟิงอี้เซวียนกับชายวัยกลางคนเมื่อกี้ รวมถึงพฤติกรรมของชายวัยกลางคนและชาวประมงคนอื่นๆ คงไม่มีใครคาดคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความลับที่กักขังเงือกไว้
ชายวัยกลางคนพาทุกคนไปหยุดอยู่หน้าบ้านหินที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน จากนั้นก็หันมาหาเฟิงอี้เซวียนและพูด “โปรดรอตรงนี้ ข้าจะเข้าไปบอกผู้ใหญ่บ้านก่อน”
“นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว” เฟิงอี้เซวียนหยุดยืนรอด้วยรอยยิ้ม
ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปเคาะประตูเบาๆ จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างใน“ใครกัน”
“ผู้ใหญ่บ้าน นี่ข้าเอง” ชายวัยกลางคนตอบเสียงเข้ม
“เข้ามา” เสียงคนในห้องพูดขึ้นช้าๆ
ชายวัยกลางคนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปจากนั้นประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
“นายน้อยเฟิงเมื่อกี้ท่าทางของเจ้าคืออะไร” สีเฉ่าฉีเข้าไปใกล้เฟิงอี้เซวียนแล้วถาม
เฟิงอี้เซวียนมองสีเฉ่าฉีและไม่พูดอะไร
แล้วสีเฉ่าฉีก็นึกได้ ปิดปากตัวเองและไม่ถามอีกในเมื่อที่นี่เป็นสถานที่กักขังเงือกแบบลับๆ คนที่อยู่ข้างในจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาและคงจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าหากมีผู้ที่อยู่ในนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาด้วย
คนข้างในดูเหมือนจะไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆ ข้างนอก หลังจากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออกชายวัยกลางคนโผล่หัวออกมา เขามองเฟิงอี้เซวียนและพูด “ทุกท่านเชิญเข้ามาได้”
เฟิงอี้เซวียนเดินเข้าไปแล้วคนอื่นๆ ก็เดินตามเข้ามา
ภายในบ้านมีการตกแต่งที่เรียบง่ายมากมีโต๊ะสี่เหลี่ยมและเก้าอี้ไม้สองสามตัว ด้านในสุดมีชายชรานั่งอยู่ เขาใส่ชุดเรียบๆ ที่เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนอยู่บ้าง ผมเป็นสีขาว หรี่ตามองทุกคน กระแอมไอเบาๆ แล้วพูด “ทุกท่าน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน เชิญทุกท่านนั่งลงก่อนครับ”
ทุกคนนั่งกันแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ยังคงรักษาท่าทีเช่นนั้นอยู่ เขามองทุกคนด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
“ขอถามสักหน่อยพวกท่านมาจากที่ใดกัน” เสียงของผู้ใหญ่บ้านแผ่วเบา มองอย่างไรเขาก็เป็นชายชราอ่อนแอ
“ลากัค” เฟิงอี้เซวียนตอบเบาๆ
“อ๋อ เช่นนี้เอง” ผู้ใหญ่บ้านยังคงสงวนท่าที
“พวกเราต้องการดูสินค้า ได้หรือไม่” เฟิงอี้เซวียนถามด้วยรอยยิ้ม
“พรุ่งนี้นะครับ วันนี้มืดเกินไปแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านพูดกับชายวัยกลางคนโดยไม่รอให้เฟิงอี้เซวียนพูด “เอียน พาแขกไปพักผ่อนก่อน”
ผู้ใหญ่บ้านพูดจบก็หลับตาและไม่พูดอะไรอีก
เฟิงอี้เซวียนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอียนที่อยู่ข้างๆ เขาก้าวไปข้างหน้าแล้ว “ทุกท่าน เชิญทางนี้” ไม่มีช่องว่างให้ปฏิเสธได้เลย
เฟิงอี้เซวียนและทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วตามคนที่ชื่อเอียนไป
เอียนพาทุกคนไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เมื่อไปจนถึงบ้านหินแถวหนึ่งก็หยุดและตะโกนเรียก “ลาร่า มีแขกมา ดูแลอย่างดีเลยนะ”
แล้วเอียนก็หันกลับไปโดยไม่มองพวกชีอ้าวชวางอีก
ไม่นานนัก ประตูบ้านหินก็เปิดออก หญิงอ้วนคนหนึ่งที่สวมกระโปรงเดินมาแล้วยิ้ม “แขกผู้มาจากแดนไกลทุกท่าน เชิญด้านในเลยค่ะ”
ทุกคนไม่รีรอแล้วก้าวเข้าไปในบ้าน
ที่พักนี้ดูเรียบง่าย แต่สะอาดมาก ห้องหนึ่งสำหรับสาวงามสี่คน และชีอ้าวชวางพักแยกคนเดียว
กลางคืนเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมทะเลพัดผ่านเบาๆ
ชีอ้าวชวางนอนอยู่บนเตียงมองปลาแห้งที่แกว่งไปมาใต้ชายคานอกหน้าต่าง แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มันราบรื่นเกินไปหรือไม่
“อ้าวชวาง…”เสียงต่ำเรียกชีอ้าวชวาง
“เฟิงอี้เซวียนหรือ” ชีอ้าวชวางผงะ ลุกขึ้นนั่งแล้งมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตามข้ามา” เฟิงอี้เซวียนพูด
ชีอ้าวชวางไม่ได้อะไรคิดมาก รีบแต่งตัว แล้วกระโดดออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ
“มีอะไรแปลกๆ ชายชราผู้นั้นไม่ธรรมดาแน่นอน” เฟิงอี้เซวียนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งและพูดกับชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางตกใจ เฟิงอี้เซวียนเองก็พบความผิดปกตินี้เช่นกัน
“ท่าทางที่ข้าทำตอนแรกนั้น เป็นสัญญาณระหว่างพวกเขากับลูกค้า แต่ปฏิกิริยาของผู้ใหญ่บ้านแปลกมาก ไม่ถามอะไรเลย บางทีเขาอาจจะสงสัยอยู่ก็ได้” เฟิงอี้เซวียนกระซิบ
“เช่นนั้นเราไปตรวจสอบดูหน่อยไหม” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเงือกถูกกักขังไว้ที่ไหน ข้าได้ยินมาว่าพวกเขามักจะพาเงือกที่ลูกค้าจองไว้ออกมา แต่จะไม่พาลูกค้าไปยังสถานที่กักขัง เราไปตรวจสอบดูก่อนค่อยมาคุยกันอีกที ข้าจะให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นกับสองพี่น้องตระกูลสีอยู่ในบ้านไปก่อน”
ชีอ้าวชวางพยักหน้า สามคนนั้นไม่มีใครรู้ศิลปะการลอบสังหาร หากคู่ต่อสู้เป็นผู้มีฝีมือขั้นสูงก็จะถูกพบได้โดยง่ายให้นางกับเฟิงอี้เซวียนลองไปตรวจสอบดูก่อนเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดทีเดียว
“ไปกันเถอะ” เฟิงอี้เซวียนซ่อนลมหายใจของเขา และไปข้างหน้าเงียบๆ ชีอ้าวชวางเองก็ตามมาติดๆ
พวกเขาสองคนมาถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้านเมื่อครู่จากนั้นก็ได้ยินเสียงนุ่มๆ ของผู้ใหญ่บ้านดังมา “เอียนเมื่อไหร่เจ้าจะรู้จักโตเสียที”
“ขอโทษครับ หัวหน้า ผมผลีผลามมากเกินไป” เสียงของเอียนเวลานี้เรียกผู้ใหญ่ว่าหัวหน้าแล้ว
“ต่อไปเจ้าต้องใช้สมองให้มากขึ้นอย่าเชื่อทุกคนที่ทำท่าทางของเราได้” ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ“เจ้าเคยเห็นหญิงงามเช่นนี้มาซื้อของด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“สิ่งที่หัวหน้าต้องการบอกคือ มันแปลกที่หญิงงามเช่นนี้จะมาซื้อเงือก อีกทั้งยังมากันหลายคนด้วยใช่ไหมครับ” เอียนตอบ
“แต่อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธไป มีหลายสิ่งในโลกนี้ที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ข้าแค่สงสัยเท่านั้น ไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่” น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านยังคงสบายๆ
“ดังนั้นหัวหน้าจึงให้พวกเขาอยู่ต่อแล้วค่อยพิจารณาดูอีกทีใช่หรือไม่?” เอียนถาม
“ใช่เราเป็นนักธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องผลักไสเงินออกไป” เสียงของผู้ใหญ่บ้านราบเรียบ
“ครับ เป็นตามที่หัวหน้าบอกครับ” เอียนพยักหน้าอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เคารพ
“เอาล่ะ ให้คนไปคอยเฝ้าที่นั่นและระวังอย่าให้คนพวกนั้นติดตามพวกเจ้าได้” ผู้ใหญ่บ้านโบกมือให้เอียนไปได้ “ไปเถอะ ข้าก็ง่วงแล้วเช่นกัน”
“ครับ” เอียนพยักหน้าแล้วเดินออกจากบ้าน
เฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางมองหน้ากันและพยักหน้าเล็กน้อย
หากตามเอียนไปจะได้เจอที่กักขังเงือกอย่างแน่นอน
เอียนออกจากบ้านแล้วมองไปรอบๆ เห็นว่ายังคงเงียบอย่างเคย จากนั้นก็ก้าวเดินไปข้างหน้า เฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางรอให้เขานำไปไกลก่อนแล้วจึงตามไป
เอียนเดินไปจนกระทั่งออกจากหมู่บ้าน ที่นอกหมู่บ้านเป็นชายหาดไม่มีที่ให้ซ่อนตัวเอียนก้าวไปสองสามก้าวแล้วก็หันกลับมามอง เฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางก็หยุดตามทันที
“ข้าจะตามเขาไป ข้ามีเสื้อคลุมที่ทำให้ไม่มีใครมองเห็น” ชีอ้าวชวางหยิบเสื้อคลุมออกมาจากแหวนมิติแล้วสวมไม่รอให้เฟิงอี้เซวียนพูดอะไรร่างของนางก็หายไปต่อหน้าเฟิงอี้เซวียนทันที นี่คือเสื้อคลุมล่องหนที่คลิฟมอบให้นาง
“ไม่ต้องกังวล เมื่อพบสถานที่นั้น ข้าจะหาที่ซ่อนก่อน แล้วจะให้หุ่นเวทนำทางพวกเจ้ามา” ชีอ้าวชวางหยิบหนูตัวเล็กออกมา แล้วส่งให้เฟิงอี้เซวียน
เฟิงอี้เซวียนรับมันมา ลังเลแต่ยังคงเชื่อฟังคำพูดของชีอ้าวชวางอย่างกังวล “เช่นนั้นเจ้าต้องระวังให้มากข้าจะกลับไปหาพวกเหลิ่งหลิงยวิ๋นหากเจ้าพบสถานที่นั้นแล้วอย่าทำอะไรด้วยตัวเอง ต้องรอจนกว่าพวกเราจะตามไป” เฟิงอี้เซวียนเตือนย้ำๆ จนกระทั่งได้รับคำยืนยันจากชีอ้าวชวางแล้วจึงกลับไปที่พักพร้อมกับหุ่นเวทตัวนั้น