เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 190

“ตงเฟิงโฮ่ว?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นรู้สึกสับสนในความจำของเขาตงเฟิงโฮ่วเป็นคนไม่ค่อยพูด และคำพูดของเขาก็จะสับสนไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ในตอนนี้กลับพูดชัดเจนมากเลย

 

 

“หลบก่อนเถอะ เวลาเฉียวฉู่ซินเครียด นางไม่แยกแยะมิตรศัตรู ระวังตัวไว้ดีกว่า” ตงเฟิงโฮ่วบอกกับเหลิ่งหลิงยวิ๋นแล้วซ่อนตัวอยู่ใต้ม้านั่งหิน

 

 

เวลาตื่นเต้นจะไม่แยกแยะมิตรศัตรู?!

 

 

“ฉู่ซิน” ชีอ้าวชวางเดินมาด้านข้างของเฉียวฉู่ซินแล้วเขย่งเล็กน้อย

 

 

“ระวัง!” ทุกคนเตือนในเวลาเดียวกัน ชีอ้าวชวางกำลังเข้าใกล้เฉียวฉู่ซินและเฉียวฉู่ซินในตอนนี้ไม่สนว่าใครเป็นใครแล้ว

 

 

“ระวังอะไร?” ชีอ้าวชวางเดินเข้ามาหาเฉียวฉู่ซิน ไป๋ตี้และเฮยหยู่นั่งอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวางแล้วมองเฉียวฉู่ซิน ใจของทุกคนตันไปหมด เฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปช่วยแล้ว

 

 

เวลาต่อมาพวกเขาก็ต้องตกใจที่เห็นคันธนูของเฉียวฉู่ซินลดลง เอียงหัวมองชีอ้าวชวางแล้วทันใดนั้นก็โยนคันธนูในมือไปข้างหลังกระแทกเข้าที่หัวของตงเฟิงโฮ่วตงเฟิงโฮ่วลูบหัวตรเองป้อยๆ

 

 

“แคลร์…” เฉียวฉู่ซินกอดชีอ้าวชวางแน่นและเริ่มร้องไห้ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ดูปวดใจมาก “แคลร์เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้าและวิหาร ข้าเป็นห่วงมาก ข้าตามหาเจ้ามาตลอดเลย ฮือๆ…”

 

 

ตงเฟิงโฮ่วอ้าปากค้าง หันหน้าไปมองเฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นจากนั้นก็พูดด้วยท่าทีเฉยเมย “อย่ามองข้าเช่นนั้นข้าไม่รู้ว่าทำไม เวลาเฉียวฉู่ซินคลั่งไม่เคยมีใครหยุดนางได้เลยนะ” ดูเหมือนว่าตงเฟิงโฮ่วได้รับความขมขื่นมาเยอะเลย

 

 

“ฉู่ซิน…” ชีอ้าวชวางลูบหลังเฉียวฉู่ซินเบาๆ และปลอบโยน “ไม่ต้องร้องไห้ ข้าก็สบายดีอยู่ไม่ใช่หรือ”

 

 

“ดีอะไรกันล่ะ เจ้ากลายเป็นผู้ชายแล้วฮือๆๆ…” เฉียวฉู่ซินร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม

 

 

ใบหน้าของทุกคนแปลกไป พวกเขามองหน้ากัน ชีอ้าวชวางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แล้วก็พูด “เจ้าลืมเรื่องยาแปลงเพศไปแล้วหรือเราทุกคนดื่มสิ่งนั้นเข้าไปเพื่อเลี่ยงการที่วิหารมาไล่ฆ่าข้า”

 

 

“หือ?” เฉียวฉู่ซินตะลึง แต่ทั้งยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อย

 

 

ทันใดนั้นทั้งถ้ำก็สั่นสะเทือน

 

 

“จัดการเรื่องนี้ก่อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” ตงเฟิงโฮ่วยืนขึ้นและพูด “ข้าเรียกสัตว์ทะเลมาแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังทำลายประตูเหล็กใต้น้ำ สระน้ำด้านล่างเชื่อมต่อกับทะเลด้านนอก พวกเราช่วยเงือกกันก่อนเถอะ”

 

 

“ใช่ๆ เรามาที่นี่เพื่อช่วยเงือก ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ข้าดีใจมากเลย” เฉียวฉู่ซินตื่นเต้นมากและมีความสุข

 

 

“พาเหล่าเงือกออกทางใต้น้ำ แล้วทำลายที่นี่ซะ” ตงเฟิงโฮ่วยื่นธนูให้เฉียวฉู่ซินและพูด

 

 

เฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ พวกเขายกรั้วเหล็กที่ปิดสระน้ำขึ้นมา สีเฉ่าฉีและสีเฉ่าซื่อกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือเงือกในบ้านหินและพาพวกเขากลับไปที่สระน้ำ เมื่ออุ้มกลับไปที่สระน้ำแล้วเงือกทั้งหมดในสระก็จะขึ้นมาเพื่อดูแลเงือกที่พวกเขาเพิ่งช่วยมา

 

 

ห้องโถงสั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้นแล้วหินก็ถล่มลงมา เสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ คนที่ถูกเฉียวฉู่ซินตรึงติดกับกำแพงหินไม่สามารถขยับได้พวกเขามองหินก้อนใหญ่ที่ถล่มลงกระแทกพวกเขาจนเลือดไหล เงือกในบ้านหินได้รับการช่วยเหลือและกลับไปที่สระน้ำ เงือกเริ่มสงบลงตั้งแต่เริ่มมีการจลาจลจนถึงตอนนี้ พวกเขารู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเขา

 

 

“ไป” เฟิงอี้เซวียนสะบัดนิ้วแล้วเขตกั้นขนาดใหญ่ก็ล้อมรอบทุกคนอยู่ในนั้น แล้วยกมือขึ้นเบาๆ ทั้งเขตกั้นก็พาทุกคนลงไปในน้ำพร้อมกันมีเงือกอยู่รอบเขตกั้นเต็มไปหมดเสียงดังอึกทึกขึ้นพร้อมน้ำไหลออกไป

 

 

“มันอยู่ตรงนั้น” ตงเฟิงโฮ่วชี้ “ไปทางนี้เลย”

 

 

เฟิงอี้เซวียนควบคุมเขตกั้นให้พุ่งไปข้างหน้า เงือกจำนวนมากตามมาข้างหลังอย่างใกล้ชิด กระแสน้ำเร็วขึ้น แล้วเสียงดังก็ใกล้เข้ามามากขึ้น

 

 

เมื่อดำน้ำไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็เห็นสัตว์ทะเลหน้าตาแปลกๆ กำลังกระแทกโจมตีประตูเหล็กด้านหน้าอยู่

 

 

ตูม…

 

 

ในที่สุดประตูเหล็กก็เปิดออก เฟิงอี้เซวียนควบคุมเขตกั้นพุ่งไปข้างหน้า เหล่าเงือกก็ว่ายไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น ตงเฟิงโฮ่วเหยียดมือขวาออกวางนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าด้วยกันกดตรงกลางคิ้วแล้วพึมพำอะไรบางอย่าง

 

 

เวลาต่อมาสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ก็เกือบจะบังเต็มทางข้างหลังเลย

 

 

แอ๊ว…

 

 

สัตว์ทะเลอ้าปากกว้างส่งเสียงร้องแปลกๆ จากนั้นก็ว่ายกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“ที่นั่นควรถูกทำลายทิ้ง” ตงเฟิงโฮ่วยักไหล่และอธิบายว่าเขาเรียกสัตว์ทะเลตัวใหญ่นี้มาเพื่อทำลายสถานที่

 

 

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองตงเฟิงโฮ่ว นางเห็นการเปลี่ยนแปลงของตงเฟิงโฮ่วเมื่อเทียบกับตงเฟิงโฮ่วคนก่อนที่รู้แค่การกินและพูดไม่รู้เรื่องคนนั้นราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกันนะ?

 

 

เงือกกำลังว่ายน้ำไปข้างหน้า

 

 

สีเฉ่าฉีมองเงือกที่กำลังจากไป “พวกเขาไปแล้วพวกเราจะไปอาณาจักรเงือกได้อย่างไรล่ะ”

 

 

“ไม่ต้องกังวลพวกเขาจะรอเราอยู่ข้างนอก” ตงเฟิงโฮ่วปัดเป่าความสงสัยของสีเฉ่าฉี”พวกเขาคงไม่สามารถกลับไปที่อาณาจักรเงือกได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือของเรา”

 

 

“แคลร์ เกิดอะไรขึ้นกับผมและตาของเจ้า ทำไมถึงกลายเป็นสีดำไปแล้ว นี่ก็ดื่มยาเพื่อปกปิดมันหรือ?” เฉียวฉู่ซินถาม

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มจางๆ “ออกไปค่อยคุยกันนะ”

 

 

ดวงตาของเฉียวฉู่ซินเต็มไปด้วยความกังวลแต่ก็พยักหน้า

 

 

เขตกั้นลอยตามทางสู่ผิวน้ำทะเล มีเสียงดังก้องกังวานจากท้องฟ้ายามค่ำคืนเห็นได้ชัดว่าสัตว์ทะเลที่ตงเฟิงโฮ่วเรียกมากำลังทำลายสถานที่ที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายนั้นแล้ว

 

 

เขตกั้นลอยอยู่เหนือน้ำ มีเงือกจำนวนมากล้อมรอบเขตกั้น ต่างก็เบิกตากว้างมองพวกเขาด้วยความขอบคุณและความหวังในสายตานั้น

 

 

เงือกกำลังพูดคุยกันอยู่แต่มันเป็นภาษาที่ทุกคนไม่เข้าใจ

 

 

“ตงเฟิงโฮ่วแปลเร็วเข้า!” เฉียวฉู่ซินเร่งตงเฟิงโฮ่ว

 

 

“พวกเขาขอบคุณเราที่ช่วยพวกเขาออกมา แต่เพื่อนบางคนของพวกเขาอ่อนแอมากไม่สามารถเดินทางไกลได้พวกเขาหวังว่าเราจะพาพวกเขากลับไปอาณาจักรเงือก หากเรารับปากว่าจะพากลับไปเมื่อถึงที่นั่นพวกเขาจะตอบแทบพวกเรา”ตงเฟิงโฮ่วแปลได้อย่างสบายๆ

 

 

“อ๋อ”เฉียวฉู่ซินหันไปมองชีอ้าวชวาง “เราจะไปส่งพวกเขาหรือไม่?”

 

 

ชีอ้าวชวางพยักหน้า นี่คือจุดประสงค์แรกอยู่แล้ว

 

 

ตงเฟิงโฮ่วพยักหน้าจากนั้นก็ย่อตัวลงเพื่อสื่อสารกับเงือก เงือกทั้งหมดต่างก็แสดงท่าทางยินดี

 

 

“แต่ว่า เราจะไปอย่างไรล่ะ ใช้เรือหรือ?” เฟิงอี้เซวียนลูบคางมองเขตกั้น “เขตกั้นนี้อยู่ได้ไม่นานนัก”

 

 

“ข้ามีวิธี” ตงเฟิงโฮ่วลุกขึ้นยืนกอดอกร่ายคาถาแต่ร่ายคาถาครั้งนี้ดูเหมือนจะยาวนานกว่าก่อนหน้านี้มาก

 

 

หลังจากร่ายคาถาเสร็จก็มีเสียงดังโครม ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา

 

 

ทุกคนมองสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่กว่าสถานที่กักขังเมื่อครู่อย่างตะลึง นี่คือตัวอะไร?

 

 

มอ…

 

 

สัตว์ทะเลส่งเสียงร้องโหยหวนจากนั้นก็อ้าปากกว้างดูดกลืนเงือกทั้งหมดรวมทั้งเขตกั้นที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย สายตาของทุกคนมืดลงไปชั่วขณะ

 

 

เฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นกำลังจะลงมือแต่ตงเฟิงโฮ่วรีบหยุดเอาไว้ “อย่านะ! เราจะใช้มันพาเราไปยังอาณาจักรเงือกไง”

 

 

เมื่อคำพูดของตงเฟิงโฮ่วจบลงรอบๆ ก็สว่างขึ้น พวกเขาทั้งหมดถูกสัตว์ทะเลกลืนกินเข้ามาในท้อง ร่างกายของสัตว์ทะเลนั้นอบอุ่นและมีน้ำทะเลอยู่ เหล่าเงือกต่างแตกตื่นไม่น้อย แต่หลังจากที่ตงเฟิงโฮ่วโบกมือสื่อสารกับพวกเขา เหล่าเงือกก็สงบลง

 

 

“นี่คือร่างของวัวมอมอข้างล่างจะมีน้ำทะเลจำนวนมากให้เงือกได้พักผ่อน ส่วนเราก็พักผ่อนกันข้างบน” ตงเฟิงโฮ่วชี้ไปข้างบน ทุกคนมองขึ้นไปก็เห็นส่วนที่ยื่นออกมาเป็นแถวๆ เหนือผนังเนื้อสีชมพูทั้งหมดและผนังเนื้อฝังด้วยแร่ส่องแสงจำนวนมาก ที่นี่สว่างเช่นนี้เพราะแร่นี้เอง

 

 

“วัวมอมอชอบกินอาหารตามอำเภอใจสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถย่อยได้จึงฝังอยู่ในกระเพาะ” ตงเฟิงโฮ่วอธิบาย เฟิงอี้เซวียนควบคุมเขตกั้นในลอยขึ้นไปข้างบนเพื่อปลดเขตกั้นออก

 

 

“หมู่บ้านริมทะเลนั่นตงเฟิงโฮ่ว เจ้าเรียกสัตว์ทะเลมาทำให้สึนามิให้หมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำแท้จริงนั่นไม่ใช่หมู่บ้านชาวประมงแต่เป็นฐานของพวกที่ค้าขายเงือก” ชีอ้าวชวางยังไม่ลืมหมู่บ้านชาวประมงนั่น

 

 

“ได้เดี๋ยวนี้เลย” ตงเฟิงโฮ่วหลับตา มีจุดสีแดงปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขาหลังจากกระพริบอยู่พักหนึ่งตงเฟิงโฮ่วก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขา “ไม่ต้องกังวลหมู่บ้านนั้นจะไม่มีอยู่อีกต่อไป”

 

 

“เอาล่ะ เรามาคุยกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ซัมเมอร์กับสุ่ยเหวินโม่ไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าหรือ” ชีอ้าวชวางนั่งลงมองตงเฟิงโฮ่ว “อีกอย่างตงเฟิงโฮ่ว เจ้าน่ะดูเหมือนจะฉลาดแล้วนี่”

 

 

“ว้าว อย่าพูดเช่นนั้นข้าเพียงแค่ปลดปล่อยจิตวิญญาณไปเท่านั้น เดิมทีข้าก็ฉลาดอมากอยู่แล้วน่า” ตงเฟิงโฮ่วเบะปากพูดอย่างไม่พอใจ ในขณะที่วางฝ่ามือของเขาบนผนังเนื้อข้างๆ สื่อสารกับวัวมอมอ ให้ว่ายน้ำลงในทะเล

 

 

“ซัมเมอร์แยกทางกับพวกเราพวกเราถูกสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากเข้าโจมตี แล้วก็หลบหนีออกมาทำให้พลัดหลงกับพวกเขา ตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนพอข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในอันพาแกรนด์ก็ตามหาเจ้าทันที ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้น วิหารแห่งแสงน่ารังเกียจนั่นใส่ร้ายเจ้า!” ในตอนท้ายเฉียวฉู่ซินสะบัดกำปั้นอย่างโกรธๆ

 

 

“แคลร์ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ตงเฟิงโฮ่วดูเคร่งขรึม เขาไม่เชื่อว่าแคลร์ทำเรื่องทั้งหมดนั่น

 

 

“ชื่อของข้าในตอนนี้คือชีอ้าวชวาง” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ

 

 

“ชีอ้าวชวาง?” เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วถามซ้ำด้วยความประหลาดใจ

 

 

“อืม นี่เป็นชื่อเดิมของข้า” จากนั้นชีอ้าวชวางก็เล่าเรื่องทั้งหมดด้วยท่าทางสงบ ทุกคนเงียบฟังเฉียวฉู่ซินกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ ดวงตาของตงเฟิงโฮ่วเต็มไปด้วยความโกรธดูน่ากลัว แม้ว่าน้ำเสียงของชีอ้าวชวางจะดูธรรมดา แต่ทั้งสองก็สามารถเดาฉากที่โหดร้ายและน่าเศร้าจากคำพูดเหล่านี้ได้

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset