เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 191

“ไอ้พวกเดรัจฉาน!” หมัดของตงเฟิงโฮ่วกำแน่น

 

 

“เช่นนั้นตอนนี้เรารีบรวบรวมชุดสิ่งประดิษฐ์นั้นกันเลย!” เฉียวฉู่ซินกำหมัดแน่น “รีบหาสิ่งประดิษฐ์ให้เจอก่อนแล้วไปจัดการฆ่าหญิงเจ้าเล่ห์น่าขยะแขยงเทพีแห่งแสงนั่นกัน”

 

 

“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว สักวันข้าจะไปคิดบัญชีนี้” ชีอ้าวชวางยิ้มเบาๆ มองตงเฟิงโฮ่วแล้วพูด “ตงเฟิงโฮ่ว เห็นเจ้าพูดอย่างราบรื่นแบบตอนนี้ข้าไม่คุ้นเคยเลยจริงๆ”

 

 

“เจ้านาย ท่านชมข้าหรือต่อว่าข้าเนี่ย?” ตงเฟิงโฮ่วพูดอย่างขมขื่น

 

 

“จริงสิ ยังไม่ได้แนะนำพวกเจ้าให้รู้จักกับสาวงามไร้ที่ติทั้งสองนี้เลยสีเฉ่าฉีและสีเฉ่าซื่อ ส่วนนี่คือเฟิงอี้เซวียน” ชีอ้าวชวางแนะนำให้กับตงเฟิงโฮ่วด้วยรอยยิ้ม “นี่คือตงเฟิงโฮ่ว เป็นผู้อัญเชิญ”

 

 

ใบหน้าของสีเฉ่าฉีและสีเฉ่าซื่อกลายเป็นสีดำ คิดว่าพวกเขาอยากจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงหรือ?

 

 

โชคดีที่แม้ว่าตงเฟิงโฮ่วจะพูดคล่องแล้วแต่บุคลิกของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่ได้ขำใครเขาเข้าไปทักทายอย่างสุภาพ

 

 

“อ้าว อ้าวชวาง…” เฉียวฉู่ซินยังไม่คุ้นเคยกับชื่อของชีอ้าวชวางในตอนนี้ เดินไปอยู่ข้างๆ ชีอ้าวชวาง “ตอนนี้ซัมเมอร์และสุ่ยเหวินโม่จะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้ ข้าไม่รู้เลยว่าจะหาพวกเขาได้อย่างไร”

 

 

“พวกเจ้าไปเจอสัตว์เวทชนิดใดทำร้ายเข้า?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว

 

 

“ไม่รู้ ตงเฟิงโฮ่วก็ไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์เวทตัวนั้นได้ เจ้านั่นน่ากลัวมาก สูงใหญ่มาก เปลวไฟท่วมตัวเลย โจมตีไปก็ไม่มีผลใดๆ กับมันดังนั้นพวกเราจึงต้องหนี”เฉียวฉู่ซินพูดถึงก็ยังคงมีความกลัวอยู่ในใจ

 

 

ชีอ้าวชวางครุ่นคิด “รอให้พวกเราได้สิ่งประดิษฐ์จากเผ่าเงือกมาอยู่ในมือก่อนแล้งเราค่อยหาวิธีตามหาพวกนั้นกัน”

 

 

“อืม”เฉียวฉู่ซินพยักหน้าแรงๆ จากนั้นหันไปมองรอบๆ ก็เห็นเหล่าเงือกที่พักผ่อนอยู่ด้านล่างแล้วถอนหายใจ “ร่างกายของวัวมอมอนี้น่าทึ่งจริงๆ มันหลบลมและฝนได้ พาพวกเราดำน้ำได้ด้วย”

 

 

ชีอ้าวชวางพยักหน้า ร่างกายของสัตว์เวทตัวนี้น่าทึ่งมากจริงๆ เป็นราวกับเรือดำน้ำที่มีชีวิต ตงเฟิงโฮ่วเป็นคนมีความสามารถจริงๆ

 

 

วัวมอมอปฏิบัติตามคำสั่งของตงเฟิงโฮ่ว ว่ายน้ำไปในทะเลบางครั้งจะมีการเปลี่ยนอากาศและน้ำทะเลในร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะมีอากาศบริสุทธิ์เพียงพอและเพื่อให้แน่ใจว่าเงือกในร่างกายจะมีน้ำทะเลเพียงพอ ร่างกายที่ใหญ่โตของวัวมอมอไปได้เร็วมากเวลาสามวันก็ถึงทะเลลึกแล้ว

 

 

“ถึงแล้ว”ตงเฟิงโฮ่วลุกขึ้นยืดเอวบอกกับทุกคน “ไปกันเถอะมาที่ประตูก่อน อาณาจักรเงือกเต็มไปด้วยน้ำ ข้าจะเรียกสัตว์ทะเลออกมา”พูดเสร็จตงเฟิงโฮ่วก็กระโดดลงก่อน ลงไปยืนนิ่งด้านล่างส่งเสียงไปทางเงือกไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไร เหล่าเงือกตื่นเต้นใช้ครีบหางตีน้ำทะเลเป็นคลื่นกระเพื่อมพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

 

 

ชีอ้าวชวางและทุกคนก็กระโดดลงไปเช่นกัน ตงเฟิงโฮ่วนับจำนวนคนจากนั้นโบกมือเรียกสัตว์เวททะเลขนาดเท่ากับลามาเจ็ดตัว สัตว์เวททะเลมีหลังที่กว้างจมูกยาว หูรูปไข่ หางโค้งงอและคอยาว สัตว์เวททะเลทั้งเจ็ดยืนอยู่อย่างเงียบท่าทางอ่อนโยน

 

 

“มา” ตงเฟิงโฮ่วโบกมืออีกครั้งสัตว์เวททะเลขนาดเล็กเจ็ดตัวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เขายื่นให้ทุกคนคนละตัว “สัตว์ตัวนี้สามารถสร้างอากาศให้เราได้ แม้ว่าสัตว์เวทเลี่ยงน้ำจะสามารถทำให้น้ำทะเลแยกออกจากกันได้ แต่ไม่สามารถให้อากาศเพียงพอกับเราได้ ให้สวมสิ่งนี้ไว้ที่หน้าอกก็พอ” ตงเฟิงโฮ่วพูดพร้อมกับใส่สัตว์เวทในมือลงบนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเขาแล้วให้คนอื่นๆ ทำตาม

 

 

“ไปได้” ตงเฟิงโฮ่วเป็นผู้นำในการเดินทางบนน้ำเพื่อเลี่ยงสัตว์เวทและสัตว์เวทเลี่ยงน้ำได้นำทางตงเฟิงโฮ่วไปข้างหน้า คนอื่นๆ ก็ใส่สัตว์เวทตัวเล็ก ขี่สัตว์เวทเลี่ยงน้ำตามหลังไป

 

 

“มันวิเศษมากเลย” เฉียวฉู่ซินกอดคอของสัตว์เวทเลี่ยงน้ำแล้วมองลงไปที่สัตว์เวทตัวเล็กที่สวมอยู่ที่หน้าอก

 

 

เมื่อตงเฟิงโฮ่วอัญเชิญสัตว์เวทจำนวนมากออกมาในรอบเดียวเฟิงอี้เซวียนและสองพี่น้องตระกูลสีก็ประหลาดใจ ผู้อัญเชิญมีน้อยมาก ผู้อัญเชิญที่ทรงพลังอย่างตงเฟิงโฮ่วยิ่งมีน้อยเลย

 

 

วัวมอมออ้าปากกว้าง พลังเล็กๆ ก็ส่งพวกเขาทั้งหมดออกไป เหล่าเงือกกรีดร้องว่ายน้ำออกไปตามทะเล ชีอ้าวชวางรู้สึกเพียงว่ามีแรงกระตุ้นตรงหน้าเป็นน้ำทะเลที่พุ่งขึ้น

 

 

ฟู่…

 

 

ด้านล่างของสัตว์เวทเลี่ยงน้ำเกิดเป็นเสียงฟู่ขึ้นมา มีฟองที่เป็นราวกับเขตกั้นอยู่รอบๆ ชีอ้าวชวางและสัตว์เวทเลี่ยงน้ำ กลายเป็นพื้นที่ขนาดเล็กที่แยกจากทะเลภายนอกไปไป๋ตี้และเฮยหยู่นั่งบนไหล่ของชีอ้าวชวาง นั่งมองไปรอบๆ

 

 

โยๆ…

 

 

สัตว์เวทส่งเสียงจากนั้นก็ว่ายไปรวมตัวกันข้างหน้า

 

 

เหล่าเงือกล่องไปตามกระแสน้ำอย่างตื่นเต้นหยุดบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่าผู้มีพระคุณตามมาหรือไม่

 

 

ตงเฟิงโฮ่วเหยียดนิ้วชี้ไปด้านหน้า “ดูสิ นั่นคือเมืองหลวงของอาณาจักรเงือก”

 

 

“เมืองหลวง?” ชีอ้าวชวางถามด้วยความสับสน “พวกเขายังมีเมืองเล็กๆ และหมู่บ้านอยู่อีกด้วยหรือ?”

 

 

“มีสิ มีอยู่รอบๆ ไม่ไกลเมืองหลวง” ตงเฟิงโฮ่วอธิบาย “ต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อจะขอบคุณพวกเรา”

 

 

แสงใต้ทะเลสลัวมาก แต่อาณาจักรเงือกกลับเปล่งประกายมีแสงหลากสีสวยงาม เมืองทั้งเมืองถูกสร้างขึ้นบนแนวปะการังหลากสีสร้างด้วยหินสีขาวชนิดหนึ่ง มีเปลือกหอยหลากสีและแร่เรืองแสงติดอยู่บนหิน สาหร่ายทะเลจำนวนมากที่ติดอยู่กับมันลอยไปกับสายน้ำทะเลราวกับเทพนิยาย

 

 

“มันสวยงามมากเลย!” เฉียวฉู่ซิร้องออกมา

 

 

เหล่าเงือกว่ายน้ำไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมืองก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นทุกคนหยุดเพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์เวทหยุดให้ไกลจากประตูเมืองพวกเขาเข้าใจว่าแม้ว่าพวกเขาจะช่วยเงือกได้ แต่เผ่าเงือกก็รังเกียจมนุษย์ การนำเข้าไปอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงรอให้เหล่าเงือกมาเจรจาด้วยตัวเองดีกว่า

 

 

ความปั่นป่วนที่ประตูเมืองใช้เวลานานกว่าจะสงบลง ทุกคนรอได้เข้าในเมืองอย่างตื่นเต้นและรออย่างอดทนหลังจากนั้นไม่นานในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวที่ประตูเมือง

 

 

เหล่าเมอร์แมนที่มีส้อมเหล็กในมือแหวกว่ายเข้ามาอย่างเรียบร้อยพวกเขาไม่มีเครื่องประดับใดๆ บนร่างกาย บ้างก็มีขนสีเขียว บ้างก็มีสีน้ำเงิน มีปีกหนังโปร่งแสงยาวที่ข้อมือ ที่หลังมีครีบยาวและแหลมอยู่

 

 

“ท่านผู้มีพระคุณขอบคุณมากที่ช่วยเพื่อนของเรา” เงือกที่อยู่ด้านหน้าพูดภาษามนุษย์โค้งคำนับอย่างสุภาพและกล่าวขอบคุณเงือกที่อยู่ข้างหลังเขาก็โค้งคำนับและขอบคุณด้วย

 

 

ตงเฟิงโฮ่วขมวดคิ้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่พูดไม่ถูก

 

 

“ความกรุณาของท่านจะถูกจดจำไว้ในใจ ราชาผู้สูงศักดิ์ของเราส่งพวกเรามาเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ ท่านต้องการคำขอบคุณแบบไหนหรือ?” แม้ว่าเมอร์แมนผู้นำจะมีน้ำเสียงที่สุภาพมาก แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนสายตาได้ มนุษย์เหล่านี้จะใจดีเพื่อช่วยเพื่อนของพวกเขาหรือ? จะช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งใดงั้นหรือ? ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อ

 

 

คิ้วของตงเฟิงโฮ่วขมวดแน่นขึ้นในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ามีอะไรผิดปกติ แม้ว่าพวกเขาจะช่วยเผ่าเงือก แต่เผ่าเมอร์แมนดูเหมือนจะไม่มีความจริงใจมากนัก ช่วยเงือกจำนวนมากขนาดนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่เชิญพวกเขาเข้าเมือง แม้แต่ราชาของพวกเขาก็ไม่ปรากฏตัว ทำเพียงแค่ส่งหัวหน้าเมอร์แมนมาเจรจาเท่านั้นดูเหมือนว่าจะต้องการให้ทรัพย์สินบางอย่างให้เรื่องจบลง

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มจางๆ พูดอย่างราบเรียบ “พวกเจ้าคิดว่าเราต้องการอะไร?”

 

 

“อัญมณี? ไข่มุก? แร่?” หัวหน้าเมอร์แมนถาม มนุษย์ใฝ่หาสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือ? ช่วยเพื่อนและพามาส่งที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะอยากได้สมบัติของเงือกหรือ? ธรรมชาติของมนุษย์ช่างเลวร้ายและน่าเกลียด!

 

 

ทุกคนขมวดคิ้วขณะที่พวกเขามองการดูถูกในสายตาของหัวหน้าเมอร์แมน

 

 

“ที่แท้เพื่อนของพวกเจ้ามีค่าเป็นสิ่งของเหล่านี้ในสายตาของเจ้าสินะ” ชีอ้าวชวางยิ้มเย็นชา

 

 

หัวหน้าเมอร์แมนอึ้ง จากนั้นใบหน้าของเขาก็คล้ำลง เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม “มนุษย์ชอบสิ่งเหล่านี้มากที่สุดไม่ใช่หรือ?”

 

 

“ข้าบอกว่าข้าชอบสิ่งเหล่านี้หรือ? ดูเหมือนว่าเผ่าเงือกไม่เพียงแต่ไม่รู้บุญคุณ แต่ยังคิดเองเออเองด้วยนะ ชอบที่จะยัดเยียดความคิดของตนให้กับผู้อื่น”ชีอ้าวชวางพูดอย่างไม่เกรงใจ

 

 

“ใช่ ที่แท้เผ่าเงือกก็เป็นเผ่าที่คิดเองเออเองเช่นนี้เอง”สีเฉ่าฉีรู้สึกไม่พอใจมานานแล้ว

 

 

“เจ้า!” ใบหน้าของหัวหน้าเมอร์แมนค่อยๆ คล้ำลง ความภาคภูมิใจของเผ่าเงือกจะไม่ยอมให้มนุษย์มาดูถูก ตอนนี้มนุษย์วัยรุ่นตรงหน้าเขาพูดว่าเผ่าเงือกไม่รู้บุญคุณแล้วยังคิดเองเออเองอีก มันยากที่จะยอมรับ

 

 

“เช่นนั้นท่านต้องการอะไร?” หัวหน้าเมอร์แมนระงับความโกรธในใจและถามอย่างสุภาพ มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามีบุญคุณกับเผ่าเงือกการจะแข็งกร้าวเกินไปคงดูไม่ดี

 

 

“ข้าช่วยเพื่อนของเจ้าเพราะอยากได้สิ่งตอบแทน แต่ว่า สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ ไปบอกราชาของพวกเจ้า ว่าข้าต้องการขนนกเทพเจ้า ถ้าไม่ให้ข้า ข้าก็แข็งแกร่งพอที่จะเอามาได้ อย่าคิดว่าข้ากำลังขู่ ข้ามีความสามารถนั้น” ชีอ้าวชวางน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีร่องรอยความอบอุ่นในดวงตาของเขาเลย

 

 

“เจ้า! มนุษย์ผู้เย่อหยิ่งอย่าคิดว่าเจ้าช่วยเพื่อนข้าแล้วเจ้าจะหยิ่งและหยาบคายได้ขนาดนี้นะ!” หัวหน้าเมอร์แมนมองชีอ้าวชวางผู้หยิ่งผยองตรงหน้าเขา หัวใจของเขาโกรธมาก ส้อมเหล็กในมือของเขาถูกกำแน่นอยู่ข้างหลัง แม้ว่าเหล่าเงือกจะไม่เข้าใจคำพูดของหัวหน้าแต่พวกเขาก็เห็นสิ่งผิดปกติในใบหน้าของหัวหน้า

 

 

“หึ!” ชีอ้าวชวางส่งเสียงเย็นชา ดวงตาเรียบนิ่ง

 

 

หัวหน้าเมอร์แมนรู้สึกได้ถึงแรงที่กำลังจะมาถึงและกระแทกเขาจนถอยหลังไปสองสามก้าว มีเลือดไหลออกมาจากหน้าอกของเขา ในที่สุดเขาก็ทรงตัวได้ เหล่าเงือกที่อยู่ข้างหลังพยุงเขาไว้ จากนั้นทุกคนก็จับส้อมเหล็กในมือของพวกเขาเล็งไปที่กลุ่มของชีอ้าวชวาง

 

 

หัวหน้าเมอร์แมนยื่นมือออกไปหยุดเหล่าเงือกที่อยู่ข้างหลัง มองชีอ้าวชวางแล้วกัดฟันพูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าขนนกเทพเจ้าที่เจ้าพูดถึงคืออะไร”

 

 

“เจ้าไม่รู้ก็ไม่ได้หมายความว่าราชาของเจ้าจะไม่รู้นี่” ชีอ้าวชวางพูด “ถ้าเผ่าเงือกของพวกเจ้าจะทำร้ายกันเป็นการตอบแทนวันนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset