เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 197

ชีอ้าวชวางยืนอยู่ที่หัวเรือ ในขณะที่สายลมพัดเบาๆ กระทบหน้าของนาง เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ยืนเงียบๆ อยู่อีกทางโดยไม่พูดอะไร

 

 

เชวียหลงเฟยยืนกอดอกมองไปที่ทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแล้วยิ้ม “หากข้าไม่ได้มีภาระผูกพันกับเมืองปู้จี ข้าเองก็อยากจะตามพวกเจ้าไปด้วย”

 

 

“ได้ติดตามอยู่ข้างกายเจ้าคงจะได้เจอเรื่องที่ตื่นเต้นแน่ๆ” เชวียหลงเฟยพูดสิ่งที่เขาคิดออกมา

 

 

“เจ้าอยู่ดูแลสิ่งที่เจ้าห่วงใยเอาไว้ให้ดีเถอะ อย่างไรเสียวิหารแห่งแสงก็จะต้องสืบค้นจนพบว่าเจ้าปล่อยข้าไปครั้งนี้แน่นอน” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว นึกถึงตระกูลเฟิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์แต่ต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สาเหตุที่ตระกูลเฟิงถูกกดขี่เช่นนี้ก็เพราะเฟิงอี้เซวียนมาช่วยเหลือตนเอง

 

 

“หอการค้าตระกูลเฟิงกว้างขวางมาก การที่ตระกูลเฟิงแพร่หลายอยู่ในทุกที่ทำให้ยากที่จะหลีกเลี่ยงการกดขี่นี้ได้ แต่ของข้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมืองปู้จีของข้าเป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลลึก อีกทั้งยังรวมกันเป็นศูนย์กลางด้วย การเดินทางก็ไม่ได้สะดวกนัก วิหารแห่งแสงไม่มากดขี่อะไรข้าไม่ได้หรอก” เชวียหลงเฟยพูดออกมาด้วยความมั่นใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ข้าจะรอคอยวันที่เจ้าล้มล้างวิหารแห่งแสงนะ หญิงสาวผู้มีสีดำทั้งสอง” เชวียหลงเฟยเองก็เคยได้ยินตำนานนั้นเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาก็เคยดูถูกตำนานนี้ แต่ตอนนี้เขาเชื่อมากขึ้นแล้ว

 

 

“วันนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ

 

 

“อ้อ อีกอย่างนะ รูปลักษณ์ของพวกเจ้าสองคนดึงดูดความสนใจมากๆ” เชวียหลงเฟยลูบคางแล้วมองชีอ้าวชวางสลับกับเหลิ่งหลิงยวิ๋น จากนั้นก็พูดติดตลก “แม้ว่ารูปลักษณ์ของพวกเจ้าจะสู้ข้าไม่ได้ แต่ก็ดึงดูดสายตาผู้คนมาก ข้ามีวิธีที่จะปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเจ้า รับรองเลยว่าต่อให้พวกเจ้าไปอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็จะไม่มีใครจำได้”

 

 

พอชีอ้าวชวางได้ยินดังนั้นก็ชำเลืองมอง รูปลักษณ์ของนางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นเป็นปัญหาจริงๆ โดยเฉพาะกับเหลิ่งหลิงยวิ๋น ผมสีเงินดวงตาสีม่วงนั้นดูโดดเด่นเกินไป

 

 

“ผลไม้ชนิดนี้ หากพวกเจ้ากินเข้าไปแล้วจะทำให้รูปลักษณ์ของพวกเจ้าดูธรรมดามากๆ หรือบางทีอาจจะเรียกว่าน่าเกลียดเลยก็ได้”เชวียหลงเฟยหยิบผลไม้สีเทาสองผลที่อยู่กับเขาเป็นเวลานานจนเหี่ยวย่นออกมา

 

 

“นี่มันคืออะไร?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วมองผลไม้ในมือของเชวียหลงเฟย

 

 

“นี่คือมรดกตกทอดของนางบำเรอคนหนึ่งของข้า มีอยู่เพียงแค่สิบกว่าผลเท่านั้น ตอนนี้ก็มีอยู่แค่สามผลแล้ว” เชวียหลงเฟยมองผลไม้สองผลในมืออย่างเจ็บปวด

 

 

“เจ้าใช้สิ่งนี้ทำอะไร?” ชีอ้าวชวางหยิบมาอย่างไม่เกรงใจ

 

 

เชวียหลงเฟยมองผลไม้ที่ไปอยู่ในมือของชีอ้าวชวางแล้วพูดอย่างขมขื่น “บางครั้งการที่หล่อเกินไปมันก็เป็นปัญหานะ ดังนั้นบางทีที่ข้าต้องทำธุระจึงต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ไม่เช่นนั้นไปที่ไหนก็สะดุดตาไปเสียหมดน่ะสิ”

 

 

ชีอ้าวชวางหมดคำพูดไปเลย

 

 

“หากต้องการจะคืนรูปลักษณ์แบบเดิมเจ้าก็กินสิ่งนี้” เชวียหลงเฟยหยิบใบไม้เหี่ยวๆ สองใบออกมา “นี่คือใบของผลไม้ชนิดนี้ มันจะทำให้คืนรูปลักษณ์เดิมได้”

 

 

ชีอ้าวชวางมองหน้าเชวียหลงเฟยแล้วเงียบไปสักพัก คนตรงหน้าเป็นเพียงแค่คนที่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น แต่เขากลับให้การช่วยเหลือที่ยากจะตอบแทนได้หมดกับนางถึงเพียงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของสิ่งนี้เป็นของล้ำค่ามาก แต่เชวียหลงเฟยกลับเอามาให้ง่ายๆ อย่างนี้ ทำให้ชีอ้าวชวางรู้สึกซาบซึ้งมาก

 

 

ชีอ้าวชวางไม่ได้ยื่นมือออกไปรับทันที แต่มองเชวียหลงเฟยแล้วพูด “เชวียหลงเฟย ข้าจะจดจำบุญคุณของเจ้าในวันนี้อย่างดี หากวันใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าจะช่วยเต็มที่เลย”

 

 

“แค่ได้ยินคำพูดนี้จากเจ้าก็เพียงพอแล้วละ” เชวียหลงเฟยยิ้มแล้วเอาใบไม้ยัดใส่มือของชีอ้าวชวาง “เจ้าลองกินผลไม้ตอนนี้เลยสิ”

 

 

ชีอ้าวชวางมองผลไม้ในมือแล้วส่งให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นหนึ่งผล เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองผลไม้รูปร่างแปลกในมือแล้วตัดสินใจกลืนมันลงไปในครั้งเดียวเลย รูปลักษณ์ของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาประหลาดใจของชีอ้าวชวาง ดวงตาที่ม่วงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์นั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทา เส้นผมสีเงินเงาสลวยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ใบหน้ารูปงามนั้นในเวลานี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าของชีอ้าวชวางก็ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีดวงตาเล็กๆ และผมสีน้ำตาล

 

 

“มาๆ เจ้ามาดูตัวเองสิ” เชวียหลงเฟยยื่นกระจกใบเล็กๆ ไปตรงหน้าเหลิ่งหลิงยวิ๋น การที่ผู้ชายหลงตัวเองอย่างเชวียหลงเฟยจะพกกระจกติดตัวตลอดเวลาไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลยสักนิด!

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นรับกระจกมา พอมองที่กระจกก็ตกใจมาก คนในกระจกแตกต่างกับตัวเขาก่อนหน้านี้สุดๆ เลย

 

 

“ทีนี้ก็ไม่มีทางที่จะมีคนจำพวกเจ้าได้แล้ว” เชวียหลงเฟยหรี่ตาพูดด้วยความพึงพอใจ

 

 

“จิ๊บๆ!”

 

 

“ฮู่ๆ!”

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อของเหลิ่งหลิงยวิ๋นกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขาแล้วมองด้วยสายตาประหลาดใจ

 

 

“ฮ่า เจ้าจะต้องคอยดูสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวนี้ให้ดีนะ เจ้าสองตัวนี้ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกตัวตนของเจ้าเลยละ” เชวียหลงเฟยมองไปที่สัตว์แปลกๆ ทั้งสองตัวพลางลูบคางไปด้วย จากนั้นเขาก็เอียงศีรษะแล้วพูดอย่างสงสัย “เจ้าสองตัวนี้เป็นสัตว์เวทแบบไหนกันแน่? ข้าไม่รู้จักเลย มันแปลกมากที่บนโลกนี้มีสัตว์เวทที่ข้าไม่รู้จักด้วย! เป็นไปไม่ได้ มีสัตว์เวทที่ข้าไม่รู้จักได้อย่างไร…” เชวียหลงเฟยผู้มีความภูมิใจในตัวเองมาก พอพูดเรื่องนี้ก็หงุดหงิด

 

 

ชีอ้าวชวางกลืนผลไม้นั้นเข้าไป จากนั้นก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ นางมองไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่อยู่ตรงไหล่ของเหลิ่งหลิงยวิ๋นแล้วพูดด้วยเสียงราบเรียบ “บางที พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้และนี่ก็อาจไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของพวกเขาก็ได้นะ”

 

 

“หือ เช่นนั้นพวกเขาคืออะไรล่ะ?” เชวียหลงเฟยตื่นเต้น

 

 

“ข้าไม่รู้” ชีอ้าวชวางตอบอย่างจริงใจ แม้ว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่จะเคยเผยร่างมนุษย์ต่อหน้าของนางมาแล้ว แต่สุดท้ายนางก็ไม่อาจรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาได้เลย รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะแม้แต่เทพเจ้าแห่งความมืดและเทพีแห่งแสงต่างก็รู้จักพวกเขากัน

 

 

“เหอะๆ หากตอนนี้ยังจะมีใครจำได้ว่าเจ้าคือชีอ้าวชวางอีก ข้าจะยอมทำร้ายตัวเองเลย!” เชวียหลงเฟยพูดอย่างมั่นใจในขณะที่มองการเปลี่ยนแปลงของชีอ้าวชวางตอนนี้อย่างภูมิใจ

 

 

สายตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นดูแปลกใจแล้วส่งกระจกในมือให้ชีอ้าวชวางรับไปส่องดู คนในกระจกนั้นผมสีเขียว ตาสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป เพียงแต่ฝ้ากระบนใบหน้าและจมูกแบนๆ นั้นทำให้ดูไม่น่ามองเท่าไหร่

 

 

ชี้อ้าวชวางพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ รูปลักษณ์เช่นนี้ไม่มีทางที่จะมีคนจำนางได้จริงๆ

 

 

หลายวันผ่านไป เชวียหลงเฟยพาชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นมาส่งที่ท่าเรือตรงบริเวณชายแดนเสร็จแล้วก็กลับไป

 

 

ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เวลานี้ชีอ้าวชวางยืนอยู่ที่ฝั่งและมองเรืองดงามลำนั้นเคลื่อนออกไปอย่างเงียบๆ

 

 

“อ้าวชวาง เราไปกันเถอะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเบาๆ อยู่อีกทางหนึ่ง

 

 

“อื้ม” ชีอ้าวชวางพยักหน้าแล้วไปพร้อมกับเหลิ่งหลิงยวิ๋น

 

 

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น รูปลักษณ์ของชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นในตอนนี้ไม่ได้ดึงดูดสายตาใครเลย

 

 

ทั้งสองเดินทางกันไปตามชายแดนของโยซาลี่ ข้ามผ่านหนองบึงต่างๆ อย่างราบรื่นเพื่อจะมุ่งหน้าไปเส้นเลือดมังกร

 

 

เส้นเลือดมังกรล้อมรอบด้วยภูเขากว้างใหญ่และสูงชัน

 

 

เทือกเขาแห่งนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์

 

 

พอเริ่มเข้าสู่บริเวณเทือกเขา ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น

 

 

ทันใดนั้นพื้นที่ตรงนั้นก็มืดลงเพราะเงาขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือหัวของ จากนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นพร้อมกับมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ลงมาตรงหน้าพวกเขา

 

 

“มนุษย์ ที่นี่เป็นพื้นที่ของเผ่ามังกร หากเจ้าไม่อยากตายก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ” เสียงที่ดังขึ้นในหูของพวกเขาเป็นราวกับเสียงสายฟ้า

 

 

ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นเงยหน้าขึ้นไปมอง พบว่ามีมังกรตัวใหญ่อยู่ตรงหน้า กำลังมองพวกเขาด้วยสายตาดูถูก ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นมังกรผู้พิทักษ์ที่เฝ้าทางเข้าของเส้นเลือดมังกรอยู่

 

 

ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นต่างมองหน้ากัน

 

 

“พวกเรามาหาเบนเบอร์นาอเล็กซาเบทอีฟแอทฟิลด์…” ความจำของชีอ้าวชวางดีมากจึงจำชื่อเต็มที่เบนแนะนำตัวในครั้งแรกได้

 

 

“หุบปาก! เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย เจ้าเอ่ยชื่อราชาของพวกเราออกมาโดยตรงเช่นนั้นได้อย่างไร” มังกรได้ยินเช่นนั้นก็โมโหมาก จึงอ้าปากเพื่อจะพ่นลมหายใจมังกรใส่พวกเขา

 

 

ชีอ้าวชวางดีใจที่คาดการณ์เอาไว้ถูกต้อง ตอนนี้เบนลบล้างมลทินของตัวเองและเรียกคืนทุกอย่างกลับมาจนได้เป็นราชามังกรแล้ว! หากเป็นเช่นนี้ เรื่องทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย แต่ว่ามังกรผู้พิทักษ์นี่ไอคิวต่ำมากจริงๆ

 

 

“ไอคิวของเผ่ามังกรเป็นเช่นนี้เองหรือ? ราชามังกรของพวกเจ้าจะเที่ยวไปบอกชื่อเต็มกับมนุษย์ไปทั่วหรือไง? เจ้าไปบอกเบนนะว่าแคลร์ ฮิลล์ มาขอพบ” ประโยคสั้นๆ ที่เย็นชานั้นทำให้มังกรผู้พิทักษ์หยุดการกระทำของเขาไป

 

 

มังกรผู้พิทักษ์นิ่งอึ้งอยู่กับที่ มองมนุษย์ที่พื้นอย่างสับสน เผ่ามังกรเป็นเผ่าที่มีความทระนงตนมาก ไม่มีทางที่จะบอกชื่อกับมนุษย์ง่ายๆ หรอก! แต่มนุษย์ผู้นี้พูดชื่อของราชามังกรออกมาได้อย่างถูกต้องทั้งหมด ทุกคนรู้กันดีเรื่องที่ก่อนหน้านี้ราชามังกรถูกใส่ร้ายแล้วมีมนุษย์ช่วยเหลือไว้ แต่ว่ามนุษย์ผู้นั้นมีผมสีบลอนด์ตาสีเขียวนี่ มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้มีตรงไหนที่เป็นตามที่รู้มาเลยนะ

 

 

“มนุษย์ เจ้าคือแคล ร์ฮิลล์ จริงๆ งั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าแคลร์จะต้องมีผมสีบลอนด์และดวงตาสีเขียวนี่” มังกรผู้พิทักษ์ก้มหน้าลงมามองชีอ้าวชวางใกล้ๆ เพื่อยืนยันสิ่งที่เขาเห็น มนุษย์ตรงหน้านี้ไม่ได้มีสีผมและดวงตาตามนั้นเลย

 

 

“ข้าใช้วิธีลับบางอย่างเปลี่ยนรูปร่างภายนอกของตัวเองน่ะ” ชีอ้าวชวางอธิบาย “เจ้าพาข้าไปพบกับราชาของพวกเจ้าสิ แล้วความจริงจะกระจ่างเอง”

 

 

“แต่ว่าตอนนี้ราชากำลังเก็บตัวเพื่อจะรับสืบทอดบัลลังก์อยู่” มังกรผู้พิทักษ์พูดด้วยความลำบากใจ แม้ว่ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าจะไม่ได้เหมือนอย่างที่ราชาบอกไว้ แต่นางก็พูดชื่อเต็มของราชาได้ และก็อาจจะเป็นไปได้ที่นางคือแคลร์ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์จริงๆ ก็ได้ไม่ใช่หรือ?

 

 

รับสืบทอดบัลลังก์ราชา?!

 

 

ชีอ้าวชวางเข้าใจว่าในการจะเป็นราชามังกรจะต้องรับของจากเทพเจ้ามังกร ซึ่งจะได้รับพลังสีทองและได้เป็นราชามังกรอย่างแท้จริง

 

 

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะรอก็แล้วกัน” ชีอ้าวชวางมองมังกรผู้พิทักษ์ที่ยังคงดูลำบากใจอยู่แล้วยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเราจะออกไปรอที่หุบเขาด้านนอกเส้นเลือดมังกร ถ้าหากพิธีสืบทอดราชามังกรเสร็จสิ้นแล้วก็ไปบอกเราแล้วกัน”

 

 

“แน่นอน ถ้าราชาออกมา ข้าจะไปบอกทันที” มังกรผู้พิทักษ์พยักหน้า หากมนุษย์ตรงหน้านี้เป็นผู้มีพระคุณของราชาจริงๆ เขาเองก็ไม่อยากจะทำผิดต่อมนุษย์ผู้นี้

Related

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset