เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 60

“ไปจับมันมาให้ข้า” แคลร์สั่งมังกรดำ

 

 

มังกรดำเหล่ตาและปล่อยพลังมังกรออกไปเพียงเล็กน้อย แต่บริเวณโดยรอบกลับเงียบลงในทันที แมลงที่ส่งเสียงร้องในตอนกลางคืนก็เงียบไปหมด เสือดาวนอนอยู่บนพื้นเอาอุ้งเท้าหน้าสองข้างแตะที่หัวเอาไว้ ร่างกายของมันสั่นเล็กน้อย

 

 

“เจ้า ต่อไปเจ้าจะเป็นสัตว์เวทย์ของข้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะให้พวกเขาหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปตุ๋น เข้าใจหรือไม่? ” แคลร์เดินไปข้างหน้า คุกเข่าลง และพูดกับเสือดาวธาตุลมช้าๆ ระดับสมองของสัตว์เวทย์ระดับเจ็ดนั้นสูงมาก เขาเข้าใจดีว่าคำพูดของแคลร์หมายถึงอะไร

 

 

เสือดาวธาตุลมโผล่หัวออกมาจากอุ้งเท้าทั้งสองข้างของมัน มองงูตัวใหญ่ที่แทบจะไม่เหลือซากและมองไปที่มังกรดำที่ชั่วร้าย จากนั้นมันก็พยักหน้าอย่างระมัดระวัง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่สวมชุดดำและผมสีดำคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกว่ามันเป็นอย่างมาก ส่วนงูตัวใหญ่ที่เก่งกาจกว่ามันก็นอนอยู่ตรงนั้นโดยที่ชิ้นส่วนต่างๆ กระจัดกระจายไปหมด

 

 

“แคลร์ เจ้าต้องการสัตว์เวทย์ตัวนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่จะสร้างพันธะให้มันเป็นสัตว์เวทย์ของเจ้าใช่หรือไม่? ” เฟิงอี้เซวียนงงมาก แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เวทย์ที่เติบโตได้อีก แต่มันก็เป็นเพียงแค่เสือดาวธาตุลมเท่านั้น

 

 

“ก็เอาไว้ขี่ไง” แคลร์เหล่ตาและยื่นมือไปสัมผัสขนนุ่มๆ ของเสือดาวธาตุลม หากนั่งบนนี้นางก็คงสบายมาก นอกจากนี้เส้นทางบางเส้นก็ไม่สามารถเดินทางด้วยม้าได้ ดังนั้นเสือดาวธาตุลมนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว

 

 

“อ๋อ” จู่ๆ เฟิงอี้เซวียนก็ตระหนักได้

 

 

ตอนที่ทุกคนจะกลับไปที่กระโจมก็มีพายุที่รุนแรงและแปลกประหลาดเกิดขึ้นบนท้องฟ้า ทุกคนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น และต้นไม้รอบๆ ก็ถูกพัดไปมา

 

 

แรงบังคับอันทรงพลังปกคลุมไปทั่ว เสือดาวสั่นสะท้านด้วยความกลัว มันนอนอยู่บนพื้นและยกอุ้งเท้าหน้าแตะที่หัวพร้อมส่งเสียงโหยหวน มันกลัวมากกว่าแรงบีบบังคับของมังกรดำเมื่อกี้เสียอีก

 

 

สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกำลังใกล้เข้ามา!

 

 

แม้ว่าแรงบีบบังคับนี้จะน่ากลัวจนทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้าน แต่เมื่อเทียบกับแรงบีบบังคับของเทพเจ้าแห่งความมืดที่แคลร์และเฟิงอี้เซวียนได้สัมผัส นี่เป็นแค่สิ่งเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

เบนมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความไม่พอใจ จากนั้นสีหน้าของมันก็เคร่งเครียดจนคิ้วขวมด

 

 

“เบน มันเป็นใคร? เจ้ารู้หรือไม่? ” แคลร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาใกล้พวกเขา ใบหน้าของแคลร์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

 

 

มังกรสีทองตัวใหญ่!

 

 

สัญลักษณ์ของราชามังกร มันคือมังกรทอง!

 

 

“การกักขังถูกทำลายและเจ้าถูกปลดปล่อยออกมา ข้าก็คิดว่าเจ้าหนีไปได้เอง ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะให้มนุษย์ที่ต่ำต้อยช่วย เจ้าสัตว์ประหลาดน่าเกลียด เจ้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมังกรเสียแล้วแล้ว ตอนนี้ท่านพ่อได้จากไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจะไม่โชคดีเหมือนแต่ก่อนอีก วันนี้เจ้าจะได้ตายอย่างสงบแล้ว” เสียงของมังกรทองดังขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างร้ายกาจ

 

 

ใบหน้าของเบนเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

 

ใบหน้าของแคลร์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มังกรทองตัวนี้คือราชาแห่งมังกร! อย่าว่าแต่ไม่มีใครที่นี่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย แม้แต่คลิฟและมังกรดำก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

 

 

“มีมดต่ำต้อยเหล่านี้ฝังไปกับเจ้าก็ถือว่าเหมาะสมกับสถานะที่ต่ำต้อยของเจ้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ …” มังกรทองหัวเราะอย่างหนัก

 

 

เฟิงอี้เซวียนกำหมัดแน่น ทุกคนที่นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรทองตัวนี้เลย ถึงเวลาที่ตนเองจะต้องเปิดผนึกหรือไม่?

 

 

มังกรทองกระพือปีกสีทองขนาดใหญ่ของเขาและบินไปกลางอากาศมองมังกรดำด้วยความดูถูก “เจ้า ตอนท่านพ่ออยู่ เขาก็เอาแต่ปกป้องเจ้า ตอนนี้จะมีใครปกป้องเจ้าได้อีก! “

 

 

แคลร์มองมังกรทองกลางอากาศอย่างเคร่งขรึม หัวใจของนางดิ่งวูบ มังกรเป็นสัตว์ในตำนานของทวีปนี้ มังกรธรรมดายังสามารถทำลายเมืองได้ตามต้องการเลย แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มังกรธรรมดา แต่เป็นราชาแห่งมังกร มันคือมังกรทอง! ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของมันเลย เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าของเบน นางก็รู้แล้ว

 

 

“ทายาทของราชามีเพียงข้าเท่านั้น เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะสู้กับข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย” มังกรทองคำรามและลมหายใจของมังกรก็โถมเข้ามา ลมหายใจของมังกรที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง เพียงแค่พุ่งเข้ามา ทรายและหินก็กระจัดกระจาย ส่วนต้นไม้ก็ถูกถอนรากถอนโคนหมดสิ้น

 

 

มังกรดำคำรามเรียกคืนสู่ร่างเดิมทันทีเพื่อป้องกันลมหายใจของมังกร

 

 

มังกรทั้งสองต่อสู้กันกลางอากาศ ไม่รู้ว่าทั้งสองมีความเกลียดชังที่ลึกซึ้งแบบไหน ทั้งสองต่อสู้กันโดยไม่ใช้เวทมนตร์ เสียงคำรามของมังกรดังก้องไปทั่วท้องฟ้า แต่ไม่นานมังกรดำก็เสียเปรียบ

 

 

“แคลร์… เราควรจะถือโอกาสนี้หนีดีหรือไม่?” วัลโดถามด้วยความกลัวจนตัวสั่น ผู้ชายคนนี้มักจะโลภมากและกลัวความตายเสมอ

 

 

แคลร์ไม่ได้พูดอะไร

 

 

ไม่มีทางหลบหนีได้เลย มังกรดำไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรทองที่สืบทอดบัลลังก์ พวกเขาจะหนีไปไหนได้บ้างล่ะ แม้ว่านางจะมีเวทย์เคลื่อนย้ายที่อูมาริมอบให้ แต่หากใช้สิ่งนั้น นางก็จะสามารถหลบหนีไปได้ผู้เดียวเท่านั้น นางทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลังไม่ได้หรอก

 

 

คลิฟสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบวิ่งมาพร้อมกับซัมเมอร์และสุ่ยเหวินโม่

 

 

“เจ้าโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ออกไปจากที่นี่สิ” เบนตะโกนเมื่อเห็นทุกคนวิ่งเข้ามา

 

 

“ฮ่าๆ เจ้าต้องการปกป้องมดที่ต่ำต้อยเหล่านี้จริงหรือ? เป็นเพราะเจ้าก็ต่ำต้อยเหมือนกันสินะจึงทำพฤติกรรมโง่ๆ เช่นนี้?” มังกรทองหัวเราะเสียงดังแล้วคายลูกบอลออกมา เปลวไฟพุ่งเข้าหามังกรดำ เบนพ่นน้ำออกมาทันทีเพื่อต้านเขา แต่ลูกบอลน้ำก็ระเหยทันทีเมื่อพบกับเปลวไฟของมังกรทอง จากนั้นเปลวไฟก็พุ่งเข้าใส่ร่างของมังกรดำอย่างแรงจนเกิดเสียงดังฉ่า

 

 

“เจ้าต่ำช้า! ” มังกรทองดูเหมือนจะมีความไม่พอใจอย่างมากต่อมังกรดำ เขาทุบมังกรดำในอากาศด้วยกรงเล็บ จากนั้นรีบเหยียบมังกรดำ

 

 

“เจ้าต่ำช้า เจ้าสนใจมดต่ำต้อยพวกนี้ด้วยหรือ?” มังกรทองใช้ดวงตาขนาดใหญ่ของเขามองไปที่แคลร์และพรรคพวกจากนั้นก็หัวเราะ “งั้นข้าจะฆ่าพวกมันทีละคน ให้เจ้าได้ชมและเพลิดเพลินไปด้วย”

 

 

“หยุดเถอะ นี่คือความแค้นของพวกเรา อย่าเอามนุษย์พวกนี้มาเกี่ยวข้อง” มังกรดำพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นจากมังกรทอง

 

 

“น่าขำนัก! ” มังกรทองกระทืบมังกรดำด้วยเท้าที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยความโกรธและรอยแสยะยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ข้าจะบดขยี้มดที่ต่ำต้อยเหล่านี้ให้กลายเป็นขยะแล้วส่งเจ้าไปลงนรกซะ”

 

 

“แคลร์ พวกเจ้ารีบหนีไป ข้าจะหยุดเขาเอง” คลิฟหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มีความสงบนิ่งในดวงตาของเขา

 

 

“อาจารย์ ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน จะตายก็ตายด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะหรอก” แคลร์พูดอย่างเด็ดขาด เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่นางจะทิ้งอาจารย์แล้วหลบหนีไปคนเดียว ชายชราผู้นี้ยอมเสียสละเพื่อนางมามากแล้ว นางจะต้องไม่ปล่อยให้เขาเสียสละชีวิตเพื่อนางเด็ดขาด

 

 

“เจ้ายังเด็กอยู่ อาจารย์อายุมากแล้ว” คลิฟตะโกนอย่างกังวล “รีบไปเถอะ ข้าสามารถต้านไว้ได้สักพัก”

 

 

“ฮ่าๆ คนงี่เง่า แม้แต่พวกเจ้าก็อยากจะต่อต้านข้าหรือ? ” มังกรทองหัวเราะอย่างดุร้าย หางของเขากระแทกไปข้างหน้าและกวาดไปที่ทุกคน

 

 

ใบหน้าของคลิฟเปลี่ยนไป เขารีบตั้งโล่เวทย์สกัดกั้นการโจมตีของมังกรทองทันที หางของมังกรทองถูกหยุดเอาไว้ ใบหน้าของมังกรทองนิ่งลงราวกับว่าเป็นเรื่องน่าอายที่คลิฟสกัดกั้นการโจมตีของเขาได้ มังกรทองจึงส่งเสียงคำรามพร้อมพ่นเปลวไฟลูกใหญ่ออกมา

 

 

แคลร์รู้ถึงอานุภาพของเปลวไฟที่รุนแรงของมังกรทอง มังกรดำที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ก็ถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟนี้มาแล้ว เฟิงอี้เซวียนคุกเข่าลงข้างหนึ่งและวางมือลงบนพื้น จากนั้นเขาก็สร้างกำแพงน้ำแข็งหนางอกสูงขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ดวงตาของคลิฟแสดงความประหลาดใจ ชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถในการตอบสนองเช่นนี้ และสามารถทำได้ในทันทีโดยไม่ต้องร่ายคาถาใดๆ เลย! นี่คือจุดแข็งของเขางั้นหรือ?

 

 

ดวงตาของมังกรทองแสดงท่าทางดูถูก จะใช้กำแพงน้ำแข็งเช่นนี้สกัดกั้นเปลวไฟของเขางั้นหรือ? ช่างตลกสิ้นดี!

 

 

แต่วินาทีต่อมามังกรทองก็ไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป เพราะเปลวไฟถูกกำแพงน้ำแข็งสกัดกั้นไว้ได้ ถึงแม้กำแพงน้ำแข็งจะค่อยๆ ละลายเพราะเปลวไฟ แต่เปลวไฟก็ดับไปมากเช่นกัน เปลวไฟที่เหลืออยู่นั้นคลิฟก็สามารถสกัดกั้นได้อย่างง่ายดาย

 

 

“ไอ้พวกมดต่ำต้อย! ไปตายซะ” เห็นได้ชัดว่าการที่พวกเขาสามารถสกัดกั้นเปลวเพลิงได้ทำให้มังกรทองรู้สึกอับอายมาก พวกมนุษย์สามารถต้านการโจมตีของเขาได้สองครั้งติดต่อกัน เขาจะไม่ยอมให้มดต่ำต้อยพวกนี้มาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีได้หรอก

 

 

มังกรทองคำรามดังกึกก้องแล้วพลังของมังกรก็แผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ …

 

 

ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าของพวกเขาก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้น

 

 

เฟิงอี้เซวียนกัดฟัน เขาประสานมือเข้าด้วยกัน และตบฝ่ามือทั้งสองข้างไปที่หน้าอกของเขา

 

 

“เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ! ” สุ่ยเหวินโม่ที่อยู่ข้างๆ คว้ามือของเฟิงอี้เซวียนเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขาและตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าอยากทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ? เจ้าอยากตายหรือ? ตอนนี้ร่างกายของเจ้าแบกรับไม่ไหวแล้ว มันใช้พลังแบบนั้นไม่ได้”

 

 

“ถ้าไม่ทำเช่นนี้ พวกเราทุกคนจะต้องตาย!” เฟิงอี้เซวียนอยากจะดึงมือออกมาแต่สุ่ยเหวินโม่จับไว้แน่นมาก

 

 

“เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย เจ้าจะใช้มันได้ก็ต่อเมื่อข้าตายไปแล้วเท่านั้น” สุ่ยเหวินโม่ปล่อยมือของเฟิงอี้เซวียนแล้วดึงดาบออกมา เขาตะโกนและระเบิดพลังยุทธ์สีม่วงออกมา

 

 

จินเหยียนชักดาบออกมาช้าๆ เขามองแคลร์แล้วพูดเบาๆ “คุณหนูไปก่อนเลยครับ หน้าที่ของข้าคือปกป้องคุณหนู พาพวกเขาไปก่อนเลย”

 

 

“เจ้าหยุดเขาไม่ได้หรอก” คลิฟพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

 

จินเหยียนไม่ตอบแต่มองไปที่แคลร์ จากนั้นเขาก็หันไปมองมังกรทองอย่างเย็นชาและพูด “เฟิงอี้เซวียน โปรดพาคุณหนูกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย”

 

 

ในสายตาที่หวาดกลัวของทุกคน จินเหยียนส่งเสียงต่ำและพลังยุทธ์สีเงินก็ระเบิดไปทั่ว!

 

 

ใช่ ทุกคนเห็นไม่ผิด มันเป็นพลังยุทธ์สีเงินจริงๆ!

 

 

นักดาบศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะมีพลังยุทธ์สีเงิน!

 

 

จินเหยียนอยู่ในระดับนักดาบศักดิ์สิทธิ์แล้ว!

 

 

เขาซ่อนความแข็งแกร่งไว้ตลอดเวลาทำให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นแค่นักดาบที่เก่งกาจ คาดไม่ถึงว่าเขาอยู่ห่างจากเทพดาบเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!

 

 

และตอนนี้เขาเสียสละตัวเองเพื่อซื้อเวลาให้กับทุกคน

 

 

………………………………………………………………………………

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset