ตอนที่ 161 โปรยเสน่ห์สุดฤทธิ์
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เธอเม้มริมฝีปากอย่างตัดสินใจ เธอจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงประจำปีให้ได้ มิเช่นนั้นหมกอยู่แต่ในบ้านแบบนี้ตัวเธอต้องขึ้นสนิมเป็นแน่
แต่เธอจะพูดโน้มน้าวเขาอย่างไรดีล่ะ?
เธอชักลังเลเสียแล้ว นี่มันปัญหาใหญ่เลยเชียวนะ เธอคงจะแอบหนีออกไปไม่ได้แน่ๆ จากพฤติกรรมของจิ้นหยวนที่ให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนี้ เธอคิดว่าตัวเองต้องถูกจับได้ก่อนหนีออกนอกบริเวณคฤหาสน์เป็นแน่
ถ้าเช่นนั้น คงเหลือวิธีสุดท้ายแล้วล่ะ
จิ้นหยวนที่เพิ่งกลับถึงบ้านก้าวเท้าเข้าบ้านปุ๊บก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดไปจากปกติ สาวใช้แต่ละคนต่างพากันอมยิ้ม ส่วนใบหน้าของพ่อบ้านเฉินที่มักยิ้มตามหน้าที่นั้น บัดนี้รอยยิ้มของเขากลับสดใสกว่าปกติ และหญิงสาวที่ควรยืนอยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้กลับหายจ้อย
เธอคงกำลังนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงแน่ๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นข้าง เตรียมจะกลับขึ้นห้องเพื่อเซอร์ไพรส์เธอ เขารีบเดินเข้าไปในห้องอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่คิดเลยว่าในห้องกลับว่างเปล่าไร้เงาของเธอ
แปลกจริง หรือว่าเธอออกไปข้างนอกอีกแล้ว?
เขาหน้าเปลี่ยนสีแล้วไปถามหากับพ่อบ้านเฉิน ปรากฏว่าพ่อบ้านเฉินกลับตอบเขานิ่งๆ ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มมีเลศนัย “คุณเฉียวไม่ได้ออกไปข้างนอกครับ”
จิ้นหยวนค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้วเอ่ยถาม “แล้วเธออยู่ไหน?”
พ่อบ้านเฉินตอบจริงจัง “เธอเข้าครัวตั้งแต่บ่ายแล้วครับ บอกว่าจะทำอาหารเย็นให้คุณทาน และไม่ยอมให้ใครเข้าไปช่วยเธอด้วย”
นี่เธอจะเซอร์ไพรส์เขาอย่างนั้นเหรอ? วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า?”
เขาครุ่นคิดอยู่นานสองนานแต่ก็นึกไม่ออกเสียที ทันใดนั้น กลิ่นอาหารหอมหวนลอยมาเตะจมูกเขา นี่มัน…
แววตาของเขาเป็นประกาย เขารีบพุ่งเข้าไปในห้องครัวแต่กลับถูกเฉียวซือมู่ไล่ออกมาเสียอย่างนั้น
แต่จิ้นหยวนยังคงยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องครัวและคอยเฝ้ามองเธอทำอาหาร
ยังดีที่ผ่านเวลาไปเพียงไม่นานอาหารแสนโอชะก็ถูกจัดวางเต็มโต๊ะ ทั้งหมดนี้เป็นอาหารแสนอร่อยที่เฉียวซือมู่ใช้เวลาเตรียมตลอดทั้งบ่าย
แต่สิ่งที่จิ้นหยวนไม่รู้คือทั้งหมดทั้งมวลที่เฉียวซือมู่ทำให้เขานั้นเป็นแผนการของเธอทั้งหมด เธอสวมชุดเซ็กซี่เย้ายวนร่วมรับประทานอาหารมื้อพิเศษแสนโรแมนติกกับเขา และเธอยังโปรยเสน่ห์ให้เขาสุดฤทธิ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดก็เพื่อทำให้เขาลุ่มหลงจนยอมรับปากคำขอของเธออย่างว่าง่าย แต่เธอคงประเมินความสามารถในการยั่วยวนของตัวเองต่ำเกินไป เพราะเขาไม่เห็นอาหารเลิศรสอยู่ในสายตาเลย หรือจะพูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ เขาเห็นเธอเป็นอาหารแสนโอชะและกินเธอแทนอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้ถึงเพิ่งได้สติกลับมา
เธอถอนหายใจเฮือก แผนการของเธอคงเป็นหมันเสียแล้ว แผนการเธอได้ผล แต่คงได้ผลมากเกินไปหน่อย ตอนนี้ความเร่าร้อนผ่านพ้นไปแล้ว แล้วทีนี้เธอจะพูดกับเขาอย่างไรดีล่ะ?
จิ้นหยวนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของเธอ เขาคิดว่าร่างกายเธอคงไม่สบายจึงช่วยนวดหลังให้เธอด้วยความรู้สึกผิด “ไม่สบายมากเลยเหรอ? ให้หมอมาดูอาการหน่อยไหม?”
เธอรีบปฏิเสธทันควัน “ไม่เอา นี่คุณเห็นว่าฉันยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ?”
จิ้นหยวนยิ้มร้าย ใบหน้าของเขาหล่อมากจนเธอใจสั่น “ทำไมต้องขายหน้าด้วย? พวกเขาจะได้รู้ไงว่าเรารักกันมาก ไม่ดีเหรอ?”
“ฉันไม่ได้หน้าด้านเหมือนคุณนะ” เฉียวซือมู่มองเขาตาเขียวปั๊ด แต่น่าเสียดายที่เขากอดเธอเอาไว้แน่นจนทำให้พลังทำลายล้างในสายตาเธอไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่
จิ้นหยวนถือเสียว่าเธอกำลังแง่งอน เขาอุ้มเธอไปนั่งลงบนโซฟาหนังแท้อย่างไม่คิดถือสาเธอแล้วเอ่ย “มือยังใช้งานได้อยู่หรือเปล่า? ให้ผมป้อนไหม?”
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?” เฉียวซือมู่ตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์ แม้เธอจะรู้สึกปวดเมื่อยแต่เธอยังพอมีแรงกินข้าวเองได้ ไม่อย่างนั้นคงน่าขายหน้ามาก
จิ้นหยวนได้แต่มองเธอจับตะเกียบขึ้นมาแล้วค่อยๆ คีบอาหารใส่ปากด้วยความผิดหวัง เขาอยากจะลองป้อนอาหารให้เธอเหลือเกินว่าจะรู้สึกอย่างไร แต่เขากลับต้องผิดหวังอย่างแรง
ทั้งสองรับประทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อย จิ้นหยวนเลิกคิ้วมองเธอ “เดี๋ยวเราออกไปเดินเล่นกันดีไหม?”
“ไม่เอา ฉันไม่ไป” เธอส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน ตอนนี้เธอปวดเมื่อยไปทั้งตัวแล้วยังจะให้เธอออกไปเดินเล่นอีกอย่างนั้นหรือ? นี่มันฆ่ากันชัดๆ
จิ้นหยวนกลับดึงเธอให้ลุกขึ้นจากโซฟาอย่าง “ไม่เห็นใจและไม่ปรานี” แล้วเอ่ย “ร่างกายคุณแย่มาก ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปจะทำยังไง? ไม่ได้ คุณต้องออกกำลังกายแล้ว”
“อะไรกัน ทั้งๆ ที่เป็นเพราะคุณ…” เธอไม่มีหน้าเอ่ยต่อ ได้แต่จ้องเขาตาเขม็ง
จิ้นหยวนฟังแล้วเลิกคิ้ว “ผมทำไม? พูดต่อสิ”
“เชอะ ฉันไม่พูดหรอก” เธอเบือนหน้าหนีด้วยความโมโห