เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 113 ช่างเหนื่อยเหลือเกิน มีหนอนตามก้นเยอะเกินไปแล้ว (2)

ตอนที่ 113 ช่างเหนื่อยเหลือเกิน มีหนอนตามก้นเยอะเกินไปแล้ว (2)

ถึงแม้หนิงเซ่าชิงจะไม่ชอบถงจื่อจิ้ง แต่คำว่าพี่เขยนี้ก็ทำให้เขาคลายความระแวดระวังได้บ้าง

“พี่เขยคือคนที่อยู่กับพี่”

“ข้าก็จะอยู่กับพี่เหมือนกันขอรับ”

เดิมทีเขายังอยากจะพูดว่า หากจื่อจิ้งอยู่กับพี่ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นพี่เขยเหมือนกันใช่หรือไม่ ทว่าคิดขึ้นได้ เมื่อวานมั่วเชียนเสวี่ยบอกกับตนว่าชายหญิงต้องวางตัวต่อกันอย่างระมัดระวัง ด้วยเหตุนี้จึงคล้ายจะเข้าใจความหมายของคำว่าพี่เขย กลืนประโยคหลังที่ยังไม่ได้พูดออกไปลงคอ

ปลอบอยู่นาน มั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้บ่าวรับใช้สองคนนั้นเก็บเสื้อผ้าให้ถงจื่อจิ้ง

บ่าวรับใช้สองคนนั้นได้ยินว่าจะรับคุณชายไป ครุ่นคิดด้วยความกระวนกระวาย ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยั[ แม้ทั้งสองจะใจกล้าเพียงใด ก็ไม่กล้าปล่อยให้คุณชายไปกับผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่านและพ่อบ้าน

ถงจื่อจิ้งหันไปพูด “คำพูดของพี่เชียนเสวี่ย ก็คือคำพูดของข้า หากพวกเจ้าไม่ฟัง ข้าจะทุบตีและฆ่าพวกเจ้าเสีย”

ประโยคนี้พูดออกมาจากปากของเขาแม้จะไม่เข้มงวด ทว่าพลังในการสยบไม่ลดลงแม้แต่น้อย

เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้บ่าวรับใช้ทั้งสองเพิ่งถูกท่านผู้เฒ่าถงและพ่อบ้านถงทุบตี ขอเพียงคุณชายไม่พอใจพวกเขาแม้แต่น้อย ให้ฆ่าทิ้งทันที

นึกถึงคำพูดของพ่อบ้าน ในเมื่อปรนนิบัติรับใช้คุณชาย เช่นนั้นหลังจากนี้คุณชายก็คือนายของพวกเขา ให้พวกเขาไปทางทิศตะวันออก พวกเขาก็ต้องไปทางทิศตะวันออก ให้พวกเขาไปทางทิศตะวันตก พวกเขาก็ไปสู่สุคติเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เถอะ

จะเดินหน้าก็ตาย จะถอยหลังก็ตาย

ด้วยเหตุนี้ ราวกับทั้งสองฉีดเลือดไก่บำรุงพลังเข้าไป เพียงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยก็เก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่ปกติถงจื่อจิ้งใช้และสวมใส่

มั่วเชียนเสวี่ยและถงจื่อจิ้งยืนพูดคุยกันในห้อง หนิงเซ่าชิงรู้สึกหงุดหงิด จึงเดินออกมา

เรือนนี้เงียบสงบมาก หนิงเซ่าชิงยกมือขึ้น เงยหน้าขึ้นสัมผัสหิมะที่ตกหนัก เขายืนอยู่นาน ทว่าบนตัวของเขากลับไม่มีหิมะแม้แต่แผ่นเดียว ภายในใจของเขาขัดแย้งกัน เขาไม่อยากให้เชียนเสวี่ยเศร้าและลำบากใจ และไม่อยากให้ถงจื่อจิ้งที่เหมือนเด็กน้อยยังไม่หย่านมคอยตามติดมั่วเชียนเสวี่ย

หลังจากรอให้พวกเขาเก็บข้าวของเสร็จ พ่อบ้านถงเดินหายใจหืดหอบมา ท่านผู้เฒ่าถงไม่ได้มา แต่ว่าให้พ่อบ้านถงนำโฉนดที่ดินหุบเขาลูกนั้นมาให้ มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่เกรงใจ รับโฉนดที่ดิน แล้วยื่นให้หนิงเซ่าชิง

หมู่บ้านหวังจยาอยู่ใกล้กับเรือนตระกูลถงมากกว่าท่าเรือเล็กน้อย มองดูเวลา พ่อบ้านถงน่าจะวิ่งกลับมา

ด้านหลังของเขามีบุรุษรูปงามติดตามมาด้วยหนึ่งคน ดูจากหน้าตาแล้วชายหนุ่มคนนั้นน่าจะอายุราวสิบห้าสิบหกปี ทว่ากลับวางตัวดี มั่วเชียนเสวี่ยคาดว่า น่าจะเคยร่ำเรียนตำราอยู่หลายปี

พ่อบ้านถงฝืนปรับลมหายใจ ดึงตัวชายหนุ่มมา แล้วพูดขึ้น “นี่คือถงจั่นหลานชายของข้าน้อย วันนี้ติดตามหนิงเหนียงจื่อไป หลังจากนี้เขาและถงผิง ถิงอันจะช่วยกันรับใช้คุณชาย หนิงเหนียงจื่อใช้งานได้ตามต้องการ”

พ่อบ้านถงกำชับหลานชายอย่างละเอียดว่าต้องดูแลปรนนิบัติรับใช้เช่นไร ทว่าถงจื่อจิ้งกลับพูดเร่งเร้าให้มั่วเชียนเสวี่ยรีบไปด้วยความรำคาญ

ความคิดของพ่อบ้านถงคือให้ถงจั่นและคุณชายสานสัมพันธ์กัน เป็นมิตรกัน หลังจากนั้นดัดนิสัยที่ไม่ดีของคุณชายโดยไม่ให้เขารู้ตัว ดูจากสถานการณ์แล้ว ครั้งนี้เขาทุ่มทุนทุ่มแรงอย่างมาก อยากจะปกป้องคุณชายของเขาให้ดี

นอกจากรถม้าที่ขับมาก่อนหน้านี้ พ่อบ้านถงเตรียมรถม้าอีกหนึ่งคัน

มั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงและถงจื่อจิ้งนั่งในรถม้าคันแรก ถงจั่นและพวกสามคนรวมถึงสัมภาระนั่งอยู่ในรถม้าคันที่สอง

ถงจื่อจิ้งนั่งอยู่ในรถม้า รู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก ประเดี๋ยวเปิดม่านมองออกไปด้านนอก เมื่อเห็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าสนุกก็โบกมือไปมา ประเดี๋ยวยิ้มแล้วบอกให้มั่วเชียนเสวี่ยที่อยู่ตรงข้ามดูด้วยกัน ยามที่เขาพูดคุย มักจะพูดไปด้วย และเหลือบมองหนิงเซ่าชิงไปด้วย

หนิงเซ่าชิงนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคน หลับตาพักผ่อน… เมื่อไม่เห็นจิตใจย่อมสงบ

เวลานี้แววตาของถงจื่อจิ้งไม่มีความเศร้าหมองแล้ว เต็มไปด้วยความสุข มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มให้กำลังใจ ให้ความร่วมมือ และเปิดม่านด้านของตน มองออกไปด้านนอก

ไม่นาน รถม้าก็มาถึงหมู่บ้านหวังจยา

รถม้าขับตรงไปยังเรือนตระกูลหนิง ชาวบ้านในหมู่บ้านหวังจยาไม่มีใครยื่นหน้าออกมา ทุกคนเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว หากมีรถม้าแปลกตาเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วไม่ไปเรือนตระกูลหนิง เช่นนั้นพวกเขาคงจะแปลกใจ ไม่เหมือนครานั้น ที่รถม้าของไป๋อวิ๋นจวีมาครั้งแรก ชาวบ้านต่างมายืนล้อมดูด้วยอย่างสอดรู้

จัดเตรียมให้ถงจื่อจิ้งนอนที่เรือนข้าง มั่วเชียนเสวี่ยต้องยอมรับจริงๆ ว่าคำแนะนำของหนิงเซ่าชิงที่รับถงจื่อจิ้งมาอยู่เรือน ไม่ว่าจะสำหรับตน หรือว่าสำหรับถงจื่อจิ้งล้วนดีที่สุด

รับถงจื่อจิ้งมาที่เรือนตระกูลหนิง หลังจากนี้มั่วเชียนเสวี่ยไม่ต้องเดินทางด้วยความยากลำบากทุกวันแล้ว ทั้งยังมีเวลาทำอย่างอื่น

เวลาเดียวกันที่ถงจื่อจิ้งได้เปลี่ยนบรรยากาศ ก็ได้รับการดูแลตลอดเวลาจากมั่วเชียนเสวี่ยเช่นเดียวกัน ทำให้อาการคงที่ การรักษาผู้ป่วยออทิสติก ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องกัน เป็นการรักษาที่ละเอียดอ่อน

แต่ว่า… ถงจื่อจิ้งติดนางตลอดเวลา ก็ไม่ใช่เรื่อง

วันนี้ มั่วเชียนเสวี่ยไปห้องครัว ถงจื่อจิ้งก็ตามเข้าไปในครัว มั่วเชียนเสวี่ยไปโรงงาน ถงจื่อจิ้งก็ตามไปโรงงาน มั่วเชียนเสวี่ยกลับห้อง เขาก็ตามนางเข้าไปในห้อง…

หนิงเซ่าชิงไม่ได้ขยับตัว ทว่าสายตาของเขาก็ไม่ได้พัก ตามไปด้วยทุกแห่งเช่นเดียวกัน สายตาคมเฉียบดังมีดที่แหลมคม เขาอายที่จะทำเหมือนถงจื่อจิ้ง เข้าออกห้องครัวเป็ฯว่าเล่น ดังนั้น หูจึงต้องเหนื่อยไปด้วย ตอนที่ไม่เห็นพวกเขา เขาก็จะหลับตาฟังเสียงลมแล้วแยกแยะตำแหน่ง

หนิงเซ่าชิงครุ่นคิดในใจ หากพรุ่งนี้ไปเขาไปโรงเรียน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งให้อาซาน อาอู่ทั้งสองคนจับตาดูถงจื่อจิ้งให้ดี ขอเพียงเขามีท่าทีแปลกๆ เล็กน้อย ทั้งสองต้องรีบเข้าไปขวางด้านหน้ามั่วเชียนเสวี่ย ห้ามให้ถงจื่อจิ้งเข้าใกล้เชียนเสวี่ยของเขาอีก

บ่าวรับใช้ทั้งสามคนของถงจื่อจิ้ง ก็เดินตามเป็นเงาเช่นเดียวกัน

เท่ากับว่ามั่วเชียนเสวี่ยมีคนเดินตามต้อยๆ สี่คน

ถงจื่อจิ้งไม่รู้สึกรังเกียจที่เรือนตระกูลหนิงเล็ก ลานหน้าเรือนตระกูลหนิงเรียบง่าย สำหรับเขาแล้ว ที่นี่เหมือนสวรรค์ เขาเดินตามมั่วเชียนเสวี่ยไปด้วย พร้อมกับถามนั่นถามนี่ มีความสุขอย่างมาก

สำหรับคำถามปัญญาอ่อนเหล่านั้นของเขา มั่วเชียนเสวี่ยจำต้องตอบด้วยความอดทน

ไม่พูดไม่ได้จริงๆ นี่เป็นวันที่มั่วเชียนเสวี่ยเหนื่อยที่สุด

รอให้ถงจื่อจิ้งนอนหลับ มั่วเชียนเสวี่ยหมดเรี่ยวแรงแล้ว

ตอนกลางคืน มั่วเชียนเสวี่ยเท้าเอวที่แทบจะไม่สามารถเหยียดตรงได้พูดโอดครวญกับหนิงเซ่าชิง พรุ่งนี้นางไปสอนพวกหวังเทียนซงแกะสลัก ต้องสอนเขาไปพร้อมกันให้ได้ หากเขาชื่นชอบ นางจะได้ให้หวังเทียนซงคอยดูแลเขา นางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

ตอนเช้าถงจื่อจิ้งอาการกำเริบ เป็นเพราะคำพูดของอาอู่ ที่บอกว่านางจะไม่กลับไปแล้ว ถงจื่อจิ้งไม่สามารถแยกแยะได้ จึงรับไม่ได้ในคราเดียว

ถ้าหาก พูดคุยด้วยดีๆ ไม่แน่เขาอาจจะอยู่ห่างจากนางได้

สำหรัอถงจื่อจิ้งแล้ว การแกะสลัถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เล่นไปด้วยเรียนไปด้วย เรียนไปด้วยเล่นไปด้วย ใช้สายตาใช้ความคิดใช้มือ สุดท้ายสองมือ สองตา และหนึ่งสมองทำงานร่วมกัน

แน่นอนว่าหนิงเซ่าชิงอยากให้เป็นเช่นนั้น ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มั่วเชียนเสวี่ยไม่พูด เขาก็จะคิดหาวิธีอื่น ไล่ถงจื่อจิ้งไปจนได้ หลังจากฟังจบ มุมปากของหนิงเซ่าชิงยกขึ้น ช่วยมั่วเชียนเสวี่ยนวดเอวอย่างอารมณ์ดี แค่ว่า นวดไปนวดมา แววตาของเขาก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset