เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 281 ขวางทาง สามีตัวปลอมปรากฏตัว (1)

ภาพวาดเช่นนี้ไม่ว่าจะเขียนกลอนใดเข้าไป ก็ไม่อาจรอดได้

รอนางวาดภาพเสร็จ บรรดาสตรีชั้นสูงสี่ห้าคนสุดท้ายที่ดูภาพวาดของนางก็เดินไปทางสตรีชั้นสูงคนอื่นๆ

องค์หญิงอวี้เหอเป็นเจ้าภาพในงานครั้งนี้ นางเองก็เดินดูรอบๆ เช่นเดียวกัน หลังจากชำเลืองมองภาพต่างๆ ครู่หนึ่ง นางก็กลับไปยังที่นั่งของตนเอง

ภาพวาดเช่นนี้ ร่วมกับเขียนพู่กันย่ำแย่ พังไม่เป็นท่าแน่นอน!

เริ่มแรก นางกลัวเหลือเกินว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะวาดดอกท้อ หลังจากนั้นเขียนกลอนดอกท้อบทนั้นลงไป แม้ภาพวาดของนางไม่งดงาม แต่เมื่อเหล่าบัณฑิตเห็นกลอนในภาพวาด ต้องชื่นชมอย่างแน่นอน คำวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบก็ย่อมน้อย

โง่เขลาเสียจริง!

องค์หญิงอวี้เหอจิบน้ำชาอย่างผ่อนคลาย หลังจากเหล่าสตรีชั้นสูงเขียนบทกลอนลงไป ก็ม้วนเก็บภาพวาด แล้วยื่นให้นางกำนัลที่ยืนรออยู่ข้างๆ มั่วเชียนเสวี่ยก็เช่นเดียวกัน นางเขียนบทกลอนด้วยตัวอักษรบรรจงเล็กดอกเหมย[1]จากนั้นยื่นภาพวาดให้นางกำนัลเช่นเดียวกัน

หลังจากผ่านการแข่งขัน เหล่าสตรีชั้นสูงล้วนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

ในงานเลี้ยงแทบจะเงียบกริบ องค์หญิงอวี้เหอจึงมีรับสั่งให้คณะดนตรีที่จัดเตรียมตั้งแต่แรกออกมาทำการแสดง เวลานี้เพียงรอผลจากทางสำนักวิชาการ ประกาศเจ้าของตราดอกท้อสองอันสุดท้ายเท่านั้น ก็จบงานเลี้ยงดอกท้อในครั้งนี้

หลังจากบรรเลงเพลงไปหลายเพลง เต้นรำไปหลายรอบ นางกำนัลก็ยกภาพวาดของสตรีชั้นสูง และคำวิจารณ์ของบัณฑิตที่มีต่อทุกภาพวาดมา

ใช้ถาดหยกวางภาพวาด คนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ชนะการแข่งขันเขียนพู่กันและวาดภาพคือคนเดียวกัน ทุกคนต่างตกตะลึง ทางด้านองค์หญิงอวี้เหอก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ต้องรู้ว่าไม่มีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว

องค์หญิงอวี้เหอรับถาดหยกมาจากนางกำนัลที่อยู่ด้านหน้าสุด หยิบภาพวาดนั้นขึ้นมา เมื่อครู่นางดูแล้ว อันเอ่อร์เยียนวาดภาพได้งดงาม นางวาดภาพมั่งคั่งร่ำรวยดั่งดอกไม้ผลิบาน ทั้งเป็นมงคลและโดดเด่นืพู่กันก็เขียนได้ดี ผู้ชนะต้องเป็นนางอย่างแน่นอน

บิดาของอันเอ่อร์เยียนเป็นคนของท่านตา หากอันเอ่อร์หยียนได้ตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถวันข้างหน้าก็ย่อมส่งผลดีต่อตระกูลของท่านตา

องค์หญิงอวี้เหอคลี่ม้วนภาพวาด ภาพขาวดำประจักษ์ตรงหน้า นางคิดว่าตนตาฝาด กะพริบตา มองอีกครั้ง ความมั่นใจเมื่อครู่ กลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา เกือบจะสะบัดถาดหยกทิ้ง

องค์หญิงอวี้เหอร้อนใจขึ้นมาทันที นางไม่เคยเสียมารยาทในที่สาธารณะเช่นนี้มาก่อน

ฝืนยิ้ม แล้วพูดเสียงดัง “งานเลี้ยงดอกท้อที่ข้าเป็นเจ้าภาพในปีนี้มีสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ข้าขอประกาศว่ามั่วเชียนเสวี่ยคือผู้ชนะเลิศในงานเลี้ยงดอกท้อครั้งนี้ ถูกขนานนามว่าเป็นสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ”

หลังจากประกาศจบ ภายในงานเลี้ยงเงียบงัน

มั่วเชียนเสวี่ยวางตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ทางด้านชูอีเบิกตากว้าง ท่านหญิงซูซูลอบชูนิ้วโป้งให้มั่วเชียนเสวี่ย หลันรั่วเมิ่งมองมาจากที่ไกลแล้วแสดงความยินดี

สำหรับภาพวาดนั้น บรรดาสตรีชั้นสูงต่างฉงนสงสัยยิ่งนัก โดยเฉพาะผู้ที่เคยเห็นภาพวาดของมั่วเชียนเสวี่ย ความหมายของกลอนและบรรยากาศควรจะสอดคล้องกัน จึงจะเป็นผลงานที่ดี กลอนไม่ดีอาจทำลายภาพวาดที่ดีได้ ภาพวาดทั่วไป ก็อาจจะโดดเด่นขึ้นมาเพราะกลอนที่ดี

องค์หญิงอวี้เหอพูดต่อ “คุณหนูมั่วแต่งกลอนได้ดี บทกลอนที่เขียนลงไปนั้นเสมือนวาดมังกรแต้มดวงตา ได้รับความการยอมรับจากทุกคนจริงๆ เสด็จแม่ตรัสไม่ผิดแม้แต่น้อย”

ถึงอย่างไรก็เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง เมื่อมีสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถเกิดขึ้นในงานเลี้ยงดอกท้อ คุณงามความดีแรกย่อมยกให้ตน หลังจากยกให้ตนแล้วค่อยยกคุณงามความดีต่อไปให้มารดาของตน

“หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงอวี้เหอยืนกรานให้คุณหนูมั่วร่วมแข่งขัน ด้วยความถ่อมตนของคุณหนูมั่วแล้วพวกข้าย่อมไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานดีๆ เช่นนี้”

“องค์หญิงสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก…”

“คำพูดของฮองเฮาไม่เคยผิดจริงๆ”

ถ้อยคำชื่นชมองค์หญิง สรรเสริญฮองเฮาดังขึ้นไม่หยุด คล้ายผู้ชนะเลิศคือองค์หญิงอย่างไรอย่างนั้น

องค์หญิงอวี้เหอคลี่ยิ้ม ยกมือขึ้น แล้วค่อยให้นางกำนัลที่ถือถาดหยกยกภาพวาดไปตรงหน้าสตรีชั้นสูง ได้ชื่นชม

ไม่มีผู้ใดรู้ เวลานี้มือทั้งสองข้างขององค์หญิงอวี้เหอที่ไขว้หลังอยู่นั้น สองมือกำแน่นเล็บจิกฝ่ามือตนเอง

นางกำนัลยกถาดหยกไปทางอันเอ่อร์เยียน สตรีชั้นสูงที่อยู่บนทางเดินต่างเข้ามามุงดู

มีคนอ่าน “พันขุนเขาไร้วิหกบิน ทางทั้งหมื่นไร้รอยเท้าผู้คน เรือน้อยโดดเดี่ยว ชายชราชุดฟางและหมวกไผ่ ตกปลาเดียวดายบนแม่น้ำท่ามกลางหิมะโปรยปราย”

อันเอ่อร์เยียนเอ่ยชม “ลายมืองดงาม! กลอนไพเราะ! บรรยากาศดี…” แค่เพียงกลอนโดดเด่นเช่นนี้ ตัวอักษรที่งดงามราวกับดอกเหมย ก็ทำให้นางแพ้ด้วยความเต็มใจ

“สมแล้วที่คุณหนูมั่วเป็นสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ กลอนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ…”

มีคนร้องตะโกนด้วยความตกตะลึง “มีคำวิจารณ์ของบัณฑิตจย่าอีกด้วย…ดูสิ…”

บัณทิตจย่าคือนักปราชญ์ผู้เลื่องชื่อที่เทียนฉีให้การยอมรับ ขอเพียงได้วิจารณ์ เขาจะวิจารณ์โดยไร้ซึ่งความปรานี! สตรีคนนั้นอ่าน “พื้นหลังของภาพนี้เน้นให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวของชาวประมง แสดงถึงความเหน็บหนาวในหัวใจ ยามบรรยายถึงบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของชาวประมงขณะตกปลานั้น ทิ้งน้ำหนักเขียนพู่กันแผ่วเบา ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำก็แสดงความบริสุทธิ์และเหน็บหนาวของอากาศให้ได้ประจักษ์ ทุกส่วนของภาพวาดที่แต่งแต้มด้วยหมึก ตั้งแต่ท้องนภาที่อยู่ด้านบนสุด จรดจนแม่น้ำ ภาพระยะใกล้นี้ ปกคลุมสรรพสิ่ง…”

“คุณหนูมั่วคือคนแรก ที่ได้รับคำวิจารณ์เช่นนี้จากบัณฑิตจย่า ควรคู่กับตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ…”

คำพูดเหล่านี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้นำมาใส่ใจ สิ่งที่นางสนใจคือสีหน้าขององค์หญิงอวี้เหอ

เวลานี้ รอยยิ้มจอมปลอมบนดวงหน้าองค์หญิงอวี้เหอแตกสลายไปนานแล้ว แม้จะยังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับแฝงด้วยความเหี้ยมโหด คล้ายมีความภาคภูมิใจต่อชัยชนะอยู่ในมืออย่างไรอย่างนั้น

มั่วเชียนเสวี่ยหัวใจบีบรัด เวลานี้ ใกล้จะถึงเวลาปิดอุทยานแล้ว หรือว่านางยังมีแผนการอื่นเช่นนั้นหรือ

มนุษย์ใสซื่อได้ แต่ไม่อาจโง่เขลา คิดว่าทุกอย่างบนโลกล้วนดี มองโลกในทางที่ดีทุกอย่าง นั่นไม่ใช่ความใสซื่อแต่เป็นความโง่เขลา

หากนางไม่ได้วางแผนอย่างดีทุกก้าว เกรงว่าสุดท้ายจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก ครั้งนี้ปี้หวนนางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงอวี้เหอเป็นคนได้เพลิดเพลินกับนางกำนัลปลอมทั้งสองคน หากองค์หญิงอวี้เหอกล้าหาเรื่องนางอีก รอให้นางสบโอกาส นางจะให้คนมาปรนเปรอองค์หญิงอวี้เหอสักครั้ง ให้องค์หญิงอวี้เหอได้ผ่อนคลาย ใช้เลือดของนางมาชำระล้างเรื่องสกปรกนี้

หากอยู่ในยุคปัจจุบัน นางต้องดูถูกความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ของตนอย่างแน่นอน แต่ว่ามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ เข้าเมืองหลวงเจ็ดวันก็ถูกวางแผนลอบทำร้าย ทั้งยังมีรอยยิ้มร้ายกาจขององค์หญิงอวี้เหอที่ส่งมาเมื่อครู่อีก ทำให้นางจำต้องตั้งสติให้ดี

แม้แต่ค่ำคืนนั้นหนิงเซ่าชิงก็พูดแล้วว่างานเลี้ยงดอกท้อนี้เกี่ยวเนื่องกับหลายสิ่งมากมาย ไม่มีทางที่บุรุษด้านนอกจะลักลอบเข้ามาได้ ทั้งยังไม่มีบุรุษคนใดกล้าเข้ามา หากมีคนคิดอยากจะจัดการนางที่นี่ มีแต่จะแยกนางออกไป อยากจะทำให้นางอับอายต่อหน้าผู้คน กลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง

ทว่า…

มั่วเชียนเสวี่ยขมวดคิ้วเป็นปม องค์หญิงอวี้เหอกล้าละเมิดกฎเช่นนี้ เบื้องหลังต้องมีฮองเฮาคอยสนับสนุนอย่างแน่นอน แล้วเบื้องหลังของฮองเฮาคือผู้ใด! คือฮ่องเต้! คือตระกูลเซี่ย!

อยากจะยืนหยัดท่ามกลางแผนการของพวกคนวิปริตไร้มนุษยธรรม อยากมีชีวิตที่ดีท่ามกลางเรื่องโสมมเช่นนี้ มีแค่สองทางเลือกเท่านั้น หนึ่งเปลี่ยนตนเองให้ต่ำทรามเหมือนพวกเขา สองใช้เลือดชำระล้างความต่ำทรามนี้

นางเลือกข้อที่สอง!

อาทิตย์อัสดง นกน้อยบินกลับเข้าไปในป่า ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน งานเลี้ยงดอกท้อในปีนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

องค์หญิงอวี้เหอยิ้มอ่อนโยน ชื่นชมมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย จากนั้นสั่งนางกำนัลพาสตรีชั้นสูงออกมาจากสวนดอกท้อ บรรดาสตรีชั้นสูงบอกลา องค์หญิงอวี้เหอยืนอยู่ในหอดอกท้อแล้วมองส่งทุกคน

[1] ตัวอักษรบรรจงเล็กดอกเหมย ชื่อเรียกรูปแบบตัวอักษรหนึ่งของอักษรจีน

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset