เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 368 นัดพบ มีคนไม่พอใจ (2)

แม้ว่าเทียนฉีจะเคร่งเรื่องชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่บุรุษที่ส่งเทียบเชิญให้กับคู่หมั้นซึ่งเป็นว่าที่ภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน เพื่อชวนนางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกนั้นมีไม่น้อย

นี่คือการนัดพบ!

จับมือเดินเคียงข้างกัน?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็ยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่!

ระยะนี้พวกเขาสองคนใช้พิราบสื่อสารความรู้สึกกันทุกวัน ทั้งยังไม่เคยได้พบหน้ากันในช่วงกลางวัน เมื่อหนิงเซ่าชิงจัดการเรื่องราวในตระกูลหนิงเรียบร้อยแล้ว ตกดึกก็แอบมาเยี่ยมนางเงียบๆ ปลอบโยนกันได้ไม่นานก็ต้องจากไป

หนิงเซ่าชิงไม่เคยกล่าวสักประโยคว่าจะพานางไปเที่ยวเล่นริมทะเลสาบ นางคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะส่งเทียบเชิญมาชวนตนเองไปเที่ยวอย่างเปิดเผยเช่นนี้

คิดๆ ดูแล้ว…นางก็ยิ้มออกมาอีกอย่างอดไม่ได้ หลังจากยิ้มแล้ว ก็ใช้เทียบเชิญบังดวงตาจากแสงอาทิตย์ และเริ่มฮัมเพลงขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้าคือสายลม ข้าคือเม็ดทราย…เคียงคู่กันไปจนสุดขอบฟ้า…”

เหล่าสาวใช้และผอจื่อเคยได้ยินเพลงรักที่เปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้เสียที่ไหน สีหน้าจึงล้วนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที บ้างคิดว่า คุณหนูใหญ่กล้าหาญเกินไปแล้ว บ้างก็คิดว่า รอยยิ้มบนใบหน้าคุณหนูใหญ่ในวันนี้มีไม่ขาดสาย ดูเหมือนว่า…จะมีท่าทางเช่นนี้หลังจากที่ได้รับเทียบเชิญจากว่าที่กูเหยีย

แม้ในใจจะอยากรู้ว่ารายละเอียดในเทียบเชิญคืออะไรกันแน่ แต่พวกนางเป็นเพียงแค่บ่าว ย่อมไม่กล้าถามมากและไม่สะดวกจะคาดคะเนเรื่องของผู้เป็นนาย

มั่วเหนียงเห็นสาวใช้และผอจื่อล้วนยืนอยู่กลางลานอย่างไม่มีอะไรทำ จึงหาเรื่องมอบหมายภารกิจให้แต่ละคน

รอยยิ้มของมั่วเชียนเสวียอยู่บนใบหน้าไปจนถึงช่วงเย็น ถึงตอนนอน

“นางหลับแล้ว?”

เสียงเรียบเฉยของบุรุษผู้หนึ่งดังลอยมาในเวลากลางดึกที่มืดมิดเสียจนมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า

กุ่ยซาคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งทันที เพื่อทำความเคารพหนิงเซ่าชิง จากนั้นค่อยลุกขึ้นมาตอบคำถามเขาโดยการพยักหน้าว่าใช่

หนิงเซ่าชิงยืนอยู่ในมุมสูง มองเรือนเสวี่ยหว่านที่ดับตะเกียงพักผ่อนแล้ว ใจย่อมคิดอยากลอยตัวไปอยู่เป็นเพื่อนนาง แต่ก็รู้ว่าดึกดื่นค่ำคืนนี้ ไม่เหมาะที่จะปรากฏตัว

ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่อดกลั้น อีกทั้งเขาก็ออกมาอ้อยอิ่งด้านนอกได้ไม่นาน

หนิงเซ่าชิงเงียบไปครู่หนึ่ง และถามว่า “นางมีสีหน้าท่าทางเช่นไรยามที่ได้รับเทียบเชิญ”

กุ่ยซาที่ได้ยินก็มุมปากกระตุก

“ยิ้มตลอดทั้งบ่ายกับอีกครึ่งค่อนคืนขอรับ และยังฮัมเพลงที่ฟังแล้วไม่เข้าใจตลอดเวลาอีกด้วย”

นี่ก็เพิ่งจะดับไฟนอนหลับไป เมื่อพักผ่อนแล้วจึงไม่มีเสียงเพลงเหล่านั้นอีก เขาไม่กล้าจะชมเชยจริงๆ เนื้อเพลงล้วนเกี่ยวกับความรัก การคลอเคลียกันอะไรพวกนั้น โชคดีที่จวนกั๋วกงไม่มีคนนอก

ถ้าหากว่าถูกคนนอกได้ยินเข้า ก็คงจะรับไม่ได้

ทว่ากุ่ยซาย่อมไม่กล้าเอ่ยเรื่องพวกนี้ออกมา

หนิงเซ่าชิงเดาออกว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะดีใจ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้นางยิ้มได้นานขนาดนี้

“ดีใจ?”

“อาจจะขอรับ”

หนิงเซ่าชิงที่ได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นก็ครุ่นคิดทันทีว่า เพลงนั้นคงจะไม่ใช่สตรีผู้งดงามคนนั้น สตรีผู้ร่อนเร่พเนจรอะไรพวกนี้หรอกนะ

เมื่อนึกถึงเนื้อเพลง ก็พาลนึกถึงเรื่องที่เกือบจะหกล้มหน้าคะมำลงพื้นด้วยความกระอักกระอ่วนในตอนที่อยู่หมู่บ้านหวังจยา ใบหน้าจึงแดงระเรื่อเล็กน้อย

โชคดีที่อยู่ในความมืด ใครจะมองเห็นว่าใบหน้าของหัวหน้าตระกูลหนิงจะขึ้นสีเป็น

หนิงเซ่าชิงเห็นท่าทางจริงจังของกุ่ยซาแล้ว ก็ไม่สะดวกจะถามอีก หลังจากกระแอมไอครั้งหนึ่ง ก็กำชับให้กุ่ยซาปกป้องความปลอดภัยมั่วเชียนเสวี่ย และหมุนกายกลับไปยังจวนหนิง วันรุ่งขึ้น มั่วเชียนเสวี่ยตื่นแต่เช้าตรู่ นางให้ชูอีเปลี่ยนทรงผมที่เหมาะกับการออกไปเที่ยว แต่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน หลังจากประดับเครื่องประดับเรือนผมที่ไม่เกะกะ และไม่ทิ้งฐานะความเป็นบุตรีของจวนกั๋วกงแล้ว ก็ออกจากจวนไปตามนัด

ในเทียบเชิญของหนิงเซ่าชิงระบุเอาไว้ชัดเจนว่า เขาจะรอนางอยู่ที่หน้าประตูอี้ผิ่นจวี๋ในยามเฉินเพื่อกินอาหารเช้ากับนาง

ว่ากันว่าอาหารเช้าที่นั่นอร่อยมาก ทั้งยังได้รับความชื่นชอบจากเหล่าขุนนางชนชั้นสูงในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก เดิมมั่วเชียนเสวี่ยก็ชอบลิ้มรสอาหาร จึงรู้สึกรอคอยอยู่บ้าง

แน่นอนว่านอกจากมั่วเชียนเสวี่ยจะเฝ้ารออาหารเช้ามื้อนี้แล้ว ในเวลาเดียวกันนางก็เฝ้ารอคนที่จะกินอาหารเป็นเพื่อนนางคนนั้นมากกว่า

กลับเมืองหลวงมาใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่ได้นั่งกินข้าวกับหนิงเซ่าชิงดีๆ สักมื้อ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงมื้อเช้าเลย คล้ายกับว่าครั้งที่แล้วที่พวกเขานั่งกินมื้อเช้าด้วยกันดีๆ จะเป็นตอนที่อยู่หมู่บ้านหวังจยา

ไม่!

ควรจะเป็นวันที่หมอกหนาก่อนเข้าเมืองหลวงหนึ่งวัน…

นึกถึงหมอกหนา ก็นึกถึงเรื่องต่างๆ หลังจากนั้นมั่วเชียนเสวี่ยที่นั่งอยู่ในรถม้า จึงมีอาการเหม่อลอยอยู่บ้าง

“เชียนเสวี่ย?”

หนิงเซ่าชิงเลิกผ้าม่านรถขึ้น จึงเห็นท่าทางใจลอยของมั่วเชียนเสวี่ยเข้าพอดี เขาเอ่ยเรียกเสียงเบาด้วยความกังวล เขาไม่มีทางลืมเรื่องตอนที่ยังอยู่หมู่บ้านหวังจยา มั่วเชียนเสวี่ยวิ่งไปหาเฟิงอวี้เฉินในเสี้ยววินาทีที่เหม่อลอยเช่นนี้ราวกับเป็นบ้า

แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยจะเป็นคู่หมั้นของเขา หนิงเซ่าชิงแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องในตอนนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด!

ในตอนนั้น เขากลัวมากว่า…จะเสียเชียนเสวี่ยไป

เมื่อได้ยินเสียงหนิงเซ่าชิง มั่วเชียนเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เขา

ใจของหนิงเซ่าชิงถึงได้สงบลง เขาถามว่า “เชียนเสวี่ย เมื่อครู่กำลังคิดอะไรอยู่หรือ”

มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้าตอบว่า “ไม่มีอะไร เพียงแค่ทอดถอนใจ พวกเราสองคนไม่ได้กินมื้อเช้าด้วยกันนานมากๆ แล้ว”

“นานมากๆ แล้ว…”

สี่คำนี้ทำให้หนิงเซ่าชิงปวดใจ…

อยากจะกอดนางไว้ในอ้อมแขน ไม่ให้นางจากไปอีก

ทว่า ต่อหน้าธารกำนัล ชายหนุ่มหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน กระทั่งจับมือก็ไม่ได้

เขายื่นมือไปประคองแขนมั่วเชียนเสวี่ยลงจากรถม้าโดยที่มีอาภรณ์กั้นอยู่ หนิงเซ่าชิงกระซิบเสียงเบา “อยากแต่งงานเร็วๆ แบบนี้พวกเราจะได้กินมื้อเช้าด้วยกันทุกวัน”

ไม่ใช่แบบในตอนนี้ แม้ว่าอยากจะกินข้าวกับนาง ไปเที่ยวเล่นสักหน่อย ก็ต้องใช้เทียบเชิญ และรออยู่ด้านนอก

ยังมี เขาอยากกินข้าวต้มบำรุงสุขภาพที่มั่วเชียนเสวี่ยทำให้เขามาก…

หนิงเซ่าชิงไม่ชอบสภาพการณ์ในตอนนี้ มั่วเชียนเสวี่ยย่อมไม่ได้ดีใจไปมากกว่ากันเท่าใดนัก

มั่วเชียนเสวี่ยหันมามองหนิงเซ่าชิงแวบหนึ่ง “คิดถึงตอนที่อยู่หมู่บ้านหวังจยาจริงๆ แม้ว่าจะยากจน แต่อย่างน้อยที่สุด ตอนนั้นพวกเราก็มีความสุขไร้เรื่องกังวล ไม่ใช่เหมือนในตอนนี้ จะพบหน้ากันครั้งหนึ่ง ยังต้องทำลับๆ ล่อๆ เหมือนกับลักลอบมีความรักกัน”

ลักลอบมีความรักกัน?

สองคำนี้ปกติฟังแล้วต่ำทรามอยู่บ้าง แต่วันนี้เมื่ออยู่ในหูของหนิงเซ่าชิง ความอึดอัดที่มีก็มลายหายไปหมด และรู้สึกขบขันอย่างอดไม่ได้

เขายิ้มชั่วร้ายเล็กน้อย “อย่างพวกเรานี่นับว่ากำลังลักลอบรักกันด้วยหรือ”

มั่วเชียนเสวี่ยกลอกตาใส่เขา “ย่อมไม่นับ เพราะพวกเราเป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้ว!”

ใช่แล้ว พวกเขาเป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้ว ก่อนจะกลับมายังเมืองหลวง ตอนที่พวกเขายังอยู่ที่หมู่บ้านหวังจยา

หนิงเซ่าชิงคิดๆ ดูแล้ว ก็จริง!

เดิมพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว นอกจากเรื่องสุดท้ายระหว่างสามีภรรยาที่พวกเขาไม่ได้ทำ ยังมีที่ใดที่ไม่เหมือนสามีภรรยากันอีก

ระหว่างที่สนทนากัน ก็ก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้นบนแล้ว

ผู้นำตระกูลหนิงและคุณหนูจวนกั๋วกงมาเยือน สถานที่นี้ย่อมถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

รอพวกเขาเข้าไป ของว่างทั้งหมดก็ถูกจัดวางเต็มโต๊ะตั้งนานแล้ว

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset