หนิงเซ่าชิงประคองศีรษะมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงมา
ใช้จุมพิตปิดเอาไว้
หนิงเซ่าชิง ท่านมันคนชั่วช้า มีสตรีอื่นแล้วยังจะกล้ามาลวนลามนางอีก!
มั่วเชียนเสวี่ยกัดลงไปอย่างแรง ครู่หนึ่งก็กัดริมฝีปากหนิงเซ่าชิงเอาไว้
หนิงเซ่าชิงเจ็บแปลบที่ริมฝีปาก แต่กลับไม่หยุดการเคลื่อนไหว
รู้สึกว่ามีรสเค็มปะแล่มๆ เข้าปาก มั่วเชียนเสวี่ยจึงปล่อยออกโดยไม่รู้ตัว
หนิงเซ่าชิงกอดสตรีในอ้อมแขนอย่างบรรยายความรู้สึกในใจออกมาไม่ถูก
กล่าวได้เพียงแค่ว่า ตื่นเต้นมาก และหวาดกลัวมากเช่นกัน!
เขาไม่สามารถทนให้มั่วเชียนเสวี่ยไปจากเขาได้ ถ้าหากว่ามีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาคิดว่าตนเองจะต้องฟั่นเฟือนแน่ๆ!
รับรู้ได้ถึงความเงียบของมั่วเชียนเสวี่ย
ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า
“เชี่ยนเสวี่ย ข้าไม่ได้หลอกเจ้าจริงๆ ฟ้าดินเป็นพยานได้”
ก่อนหน้านี้มั่วเชียนเสวี่ยโมโหมากจริงๆ แต่ตอนนี้กลับมีสติขึ้นมากแล้ว
ไม่ใช่ยอมเพราะถูกจุมพิตจากหนิงเซ่าชิง กล่าวได้เพียงแค่ว่า เมื่อครู่ตอนที่นางกัดไปก็ได้ระบายความรู้สึกทางด้านลบออกไปบางส่วน ตอนนี้ก็ผ่านช่วงเวลาบรรเทาอารมณ์ปะทะกันแล้ว ทำให้สมองของตนเองแจ่มชัดมากขึ้น
ใช่แล้ว หนิงเซ่าชิงเป็นคนที่กล้าทำก็กล้ารับมาโดยตลอด จะทำเรื่องผิดคำสัญญา ไร้มโนธรรม ปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนี้ได้อย่างไร
แต่สุดท้ายกลับยากจะกล้ำกลืนความโมโหนี้ลงไป
“เช่นนั้นทำไมท่านถึงไม่ผลักนางออก ท่านจะต้องสนใจนางแน่นอน!”
ในน้ำเสียง มีความโมโห แต่ก็มีความออดอ้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของสตรีเช่นกัน
บางทีมั่วเชียนเสวี่ยคงจะไม่ทันสังเกต แต่หนิงเซ่าชิงกลับได้ยินชัดเจน
จึงรู้สึกโล่งใจทันที
เขากลัวจริงๆ ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะตั้งใจมุ่งไปยังเส้นทางนี้ โดยไม่สนใจเขาอีก
“เพราะว่าคิดถึงเจ้ามากเกินไป”
เอ่ยตอบไม่ตรงคำถามประโยคหนึ่ง
แต่กลับทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจทันที บนใบหน้ามีริ้วแดงอย่างหยุดไม่อยู่
เพราะคิดถึงเจ้ามากเกินไป ดังนั้นตอนที่สตรีนางนั้นตะโกนเรียกสามีจึงไม่รู้ตัวว่ากำลังเรียกข้า
เพราะคิดถึงเจ้ามากเกินไป ดังนั้นตอนที่สตรีนางนั้นพุ่งมาหาข้า จิตใจระแวดระวังที่ข้าภูมิใจมาตลอดกลับเกิดขัดข้องไปในตอนนั้น
เป็นเพราะกลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิดมากเกินไป ดังนั้นตอนที่สตรีนางนั้นกอดข้า ข้าจึงลืมดิ้นรน และสนใจเพียงแค่เจ้า
เพราะกลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิดเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่อาจอดกลั้นให้เจ้าเอ่ยวาจาว่าไม่รักข้าออกมาสักครึ่งคำ ถึงได้จุมพิตปิดปากเจ้า
“เถียงข้างๆ คูๆ กะล่อน” ถือว่า…ให้อภัยแล้ว?
ชั่วชีวิตนี้ของหนิงเซ่าชิงไม่อยากมีความรู้สึกที่สูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมาใหม่อีก! เขาแค่ต้องการมีมั่วเชียนเสวี่ยไปตลอดชีวิตโดยไม่ต้องสูญเสียไป
มั่วเชียนเสวี่ยมองหนิงเซ่าชิงด้วยท่าทางจริงจัง
เห็นริมฝีปากของหนิงเซ่าชิงหลงเหลือร่องรอยที่ถูกนางกัดจนแตกแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็หวั่นไหว น้ำเสียงก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
“หนิงเซ่าชิง ทำไมเมื่อวานท่านถึงได้มีท่าทีเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วยกับการที่ข้าจะสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชผัก แต่กลับไม่ได้ห้าม ทำไมตอนหลังถึงได้ห้ามเล่า อีกทั้งยังเอ่ยวาจาแบบนั้นกับข้า ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเสียใจมาก!”
สำหรับเรื่องนี้ หนิงเซ่าชิงทำได้เพียงแค่เหงื่อตกเงียบๆ…
จะให้เขาเรื่องนี้อธิบายเรื่องนี้กับเชียนเสวี่ยอย่างไร
ไม่อยากเอ่ยถึงมัน
แต่เห็นท่าทางของมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงก็อธิบายอย่างคลุมเครือไปประโยคหนึ่ง
“อิจฉา…”
อิจฉา?
นี่หมายความว่าอะไร นี่มันคำอธิบายอะไรกัน?
มั่วเชียนเสวี่ยแสดงออกว่าตนเองไม่เข้าใจมาก
“หมายความว่าอะไร”
“ไม่รู้ ไปคิดเอาเอง!” เขาไม่มีหน้าจะไปอธิบายว่าริษยาของเขาหมายความว่าอะไรกันแน่กับมั่วเชียนเสวี่ย
“…” ให้มั่วเชียนเสวี่ยไปคิดเอาเอง? ตอบมาสองคำไม่ตรงคำถามแบบนี้ จะให้นางคิดอย่างไร
“หนิงเซ่าชิง ท่านอธิบายให้ชัดเจนหน่อยว่าหมายความว่าอะไรกันแน่” นางขมวดคิ้ว มองหนิงเซ่าชิง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!
ส่วนมั่วเชียนเสวี่ยก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ถ้าหากหนิงเซ่าชิงไม่เอ่ยถึง นางก็ไม่มีทางอยากรู้ขนาดนี้
แต่ในเมื่อเขาเอ่ยแล้ว แต่ยังไม่ได้เอ่ยถึงสาเหตุและเหตุผลออกมา นี่ย่อมทำให้มั่วเชียนเสวี่ยวุ่นวายใจเป็นอย่างยิ่ง!
ไม่รู้ว่าอิจฉาสองคำนี้หมายความว่าอะไร นางจะอึดอัดตาย!
“เสวี่ยเสวี่ยเด็กดี พวกเราไม่คุยเรื่องนี้ได้ไหม” หนิงเซ่าชิงกอดคนในอ้อมแขนแน่น หวังว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะสามารถลืมเรื่องนี้ไปได้
“ไม่ได้! ท่านจำเป็นต้องเอ่ย!” นางไม่รู้แล้วจะตายจริงๆ!
หนิงเซ่าชิงหรี่ตา ตัดสินใจประทับริมฝีปากลงไปในวินาทีถัดไป…จุมพิตริมฝีปากเจ้า เจ้าจะได้ถามไม่ได้ ให้ความคิดของเจ้าหมุนรอบตัวข้า เจ้าจะได้ไม่คิดเรื่องที่ทำให้ข้าดูแย่อีก
มั่วเชียนเสวี่ยเบิกตากว้าง หมดวาจาจะกล่าว!
บุรุษผู้นี้ ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือไง!
แต่สุดท้าย ก็ลุ่มหลงอยู่กับจุมพิตของเขา
อารมณ์ปรารถนาเกิดขึ้นมาแล้ว จะยับยั้งชั่งใจเช่นไร
หนิงเซ่าชิงบอกแล้วว่า ไม่ต้องยับยั้งชั่งใจ!
ภายในร่างกายเรียกร้องว่าต้องการนาง! สติสัมปชัญญะก็กู่ร้องว่าต้องการนางเช่นกัน!
หนิงเซ่าชิงคลายอ้อมกอดมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย แตะเท้า ลอยตัวขึ้นไป และใช้ความเร็วสูงสุดลอยไปยังโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุด
มั่วเชียนเสวี่ยถูกจุมพิตของหนิงเซ่าชิงทำให้มึนงง จะยังใส่ใจเรื่องอื่นได้ที่ไหนกัน
เพียงแค่รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าพวกเขาคล้ายกับ
จากสถานที่เงียบสงบมาถึงสถานที่ที่มีเสียงคนโหวกเหวกโวยวาย จากนั้นก็ขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้ง และกลับสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง
มั่วเชียนเสวี่ยลืมตา ก็เห็นว่าพวกเขาทั้งคู่อยู่ในห้องแล้ว ดูจากการจัดวาง น่าจะเป็นโรงเตี๊ยม
นางตะลึงเล็กน้อย พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร
“หนิงเซ่าชิง พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ส่วนหนิงเซ่าชิงก็ลูบเรือนผมยาวนุ่มสลวยของนางด้วยความรักและทะนุถนอม ลมหายใจรินรดบริเวณจอนผม น้ำเสียงชวนให้หลงใหล
“เสวี่ยเสวี่ย สิ่งที่พวกเราต้องใส่ใจไม่ควรจะเป็นสิ่งนี้!”
จากนั้น นิ้วก็ขยับ เรือนผมสีอีกาที่เพิ่งจะสางเรียบร้อยก็ร่วงลงมาทั้งหมด ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยกลายเป็นคนที่น่าหลงใหลมากกว่าเดิม
หนิงเซ่าชิงเชยคางนางขึ้น แนบริมฝีปากลงไป…
และในตอนนี้ หลงจู๊ที่อยู่ชั้นล่าง ก็มีสีหน้าราวกับเห็นผี
มองแท่งเงินที่วางอยู่บนโต๊ะคิดเงิน และมองกุญแจบนกำแพงด้านหลังที่หายไปอย่างน่าประหลาด เขาก็รู้สึกว่าท้ายทอยตนเองมีลมพัดวูบ
น่าสยดสยองเกินไปแล้ว!
เขาเพิ่งจะรู้สึกว่ามีลมหอบหนึ่งพัดผ่านไป คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นเงาคน แต่กลับเห็นไม่ชัดเจน ตอนที่มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ไม่มีคนแล้ว
และบนโต๊ะของเขา ก็ปรากฏเงินแท่งหนึ่ง กุญแจที่อยู่ตรงกำแพงด้านหลังหายไปพวงหนึ่ง…
กุ่ยซากับเตาหนูสองคนรู้สึกจริงๆ ว่า บางคนอยากหาเหาใส่หัว ไม่ให้เขาตายก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากจริงๆ