เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 500 ปมของซูชี ช้ำในของหนิงเซ่า (5)

บอกแค่ว่าไม่มีของแล้ว ขายไปหมดแล้ว

แต่นางกลับรู้ว่าว่านางไม่ได้เป็นคนซื้อสีเคลือบทั้งเมืองจนเกลี้ยง แต่คนพวกนั้นไม่ขายให้ต่างหาก และไม่ช่วยนางหาของด้วย

สีเคลือบเป็นสินค้านอกเมือง แม้แต่เมืองหลวงยังมีขาย จู่ๆ พวกเขาก็คิดหาวิธีกันไม่ได้

ได้ยินว่าทุกๆ ปีสีเคลือบนี้จะมีของมาถึงหนึ่งครั้ง…

มีน้อยคนนักที่รู้เกี่ยวกับร้านค้าใหญ่ที่ขายสีเคลือบว่าอยู่ที่ไหน

หนิงเซ่าชิงแย้มยิ้มจางๆ คล้ายว่าในสมองมีแผนการเรียบร้อยแล้ว เขาใช้มือจุ่มน้ำชามาเขียนบนโต๊ะช้าๆ

มั่วเชียนเสวี่ยพลันเงยหน้าขึ้นเหมือนกำลังเหลือเชื่อ!

“เป็นไปได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้ก็จะทำลายรึ” เรื่องที่เรือนกระจกใหญ่เคลือบสีเดิมทีก็เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินและปวงชนอยู่แล้ว เหตุใดต้องทำลายด้วย มันส่งผลเสียอะไรต่อพวกเขาด้วยหรือ

หนิงเซ่าชิงเห็นมั่วเชียนเสวี่ยท่าทางเหมือนโดนกระตุ้นก็หัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้

“เชียนเสวี่ย เจ้าต้องรู้ว่าคนบางคนก็ชอบทำลายผู้อื่นเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อแผ่นดินและปวงชนก็ตาม พวกเขาก็ยังคงทำลาย…”

มั่วเชียนเสวี่ยเม้มปากไม่เอ่ยคำใด

สำหรับเรื่องนี้นางรับไม่ได้อย่างยิ่ง!

ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าบนโลกนี้จะมีคนที่เหี้ยมโหดได้ถึงเพียงนี้! นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องพรรค์ได้!

“ข้าไว้ใจนางถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะรู้ว่านางน่าสงสัย แต่ก็ยังเลือกจะให้นางอยู่ข้างกาย ให้โอกาสนางสักครั้ง นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นเช่นนี้ ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”

มั่วเชียนเสวี่ยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในใจมีก้อนหินยักษ์กดทับไว้ ทำให้นางหายใจไม่ออก

“มนุษย์ล้วนมีทางเลือกของตัวเอง นางก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดนางก็คิดเองได้ ดังนั้นในตอนที่ไม่อาจลงมืออย่างปรานีได้ เชียนเสวี่ยก็ต้องโหดเหี้ยม”

เดิมทีหนิงเซ่าชิงก็ไม่ใช่คนใจอ่อนอะไรอยู่แล้ว เขาคิดว่าเจ้าเคารพข้าหนึ่งฉื่อ ข้าก็จะคืนให้หนึ่งจั้ง นี่เป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องรับผิดชอบและเป็นสันดานของมนุษย์เช่นกัน

ทว่าคนบางคนหลังจากใช้ความอดทนและความไว้วางใจที่เรามอบให้อย่างสุรุ่ยสุร่ายแล้วก็ยังไม่รู้จักกลับตัวกลับใจอย่างแท้จริง คนแบบนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องใช้เขาเพื่อตัวเอง

“ยามนี้สิ่งที่ข้าคิดไม่ใช่คนระยำนั่นอยู่ที่ไหน แต่สีเคลือบมีไม่เพียงพอ เพิงใหญ่ของข้าก็จะสร้างไม่ได้ ฤดูหนาวปีนี้ก็จะให้พวกประชาชนในเมืองหลวงได้กินผักสดใหม่กันได้ยากแล้ว แน่นอนว่าแบบนี้มันขัดต่อความตั้งใจเดิมของข้า”

ที่สำคัญคือสร้างเพิงใหญ่ไม่ได้ เงินทองมากมายก็ไม่ไหลมาหาแล้ว ที่น่าปวดใจที่สุดก็คือสิ่งนี้

เนื้ออวบอ้วนมาถึงปากแล้วจะลอยจากไป นี่มันเป็นสิ่งที่ทำเอานางรู้สึกเจ็บใจนัก มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าหากหาวิธีดีๆ มาแก้ไขไม่ได้ นางคงได้กลุ้มใจตายจริงๆ แน่!

หนิงเซ่าชิงใช้ปลายนิ้วจิ้มศีรษะนาง ก่อนยิ้มจางๆ ให้ “เชียนเสวี่ยลืมสามีคนนี้ไปแล้วหรือ”

“มาจิ้มข้าทำไม มันเจ็บนะ” มั่วเชียนเสวี่ยกุมหน้าผากกระเง้ากระงอด ทว่ากลับได้ยินถ้อยคำของหนิงเซ่าชิงที่ทำให้ใจเบิกบาน

นางรู้ว่าคนอย่างหนิงเซ่าชิงไม่มีทางสู้ศึกที่ไม่มั่นใจหรอก และไม่เคยพูดจาที่ไม่ได้ตระเตรียมมาก่อนเช่นกัน

ตรงกันข้าม หนิงเซ่าชิงเอ่ยเช่นนี้ก็หมายความได้เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว

“เซ่าชิง! พี่ชายแสนดี! สามีแสนดี! ท่านเตรียมพร้อมหมดแล้วหรือ ใช่หรือไม่”

ยามนี้นางลืมความกลัดกลุ้มใจก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้นแล้ว นางลุกขึ้นบุ่มบ่ามไปนั่งลงในอ้อมอกของหนิงเซ่าชิงด้วยรอยยิ้มเบ่งบานดุจพฤกษา

ท่าทางและการกระทำเช่นนี้มันช่างทำเอาหนิงเซ่าชิงปรีดานัก

หนิงเซ่าชิงหัวเราะอย่างมีความสุข มือเขาวางลงบนเอวคอดอย่างเป็นธรรมชาติ

“นี่เชียนเสวี่ยกำลังทำอะไรน่ะ ส่งตัวเองมาให้ข้ากอดหรือ”

แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนี้แต่ก็ยังโอบตัวนางเอาไว้แน่น ซ้ำยังจุมพิตบนแก้มนางเบาๆ อีกด้วย

มั่วเชียนเสวี่ยสีหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย

ทั้งซาบซึ้งและเขินอาย

หนิงเซ่าชิงผู้นี้เป็นพวกเชื่อมั่นในการกระทำของตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรก็ตาม

ตรงนี้ยังมีชูอีกับสืออู่คอยรับใช้อยู่นะ

เขาไม่อาย ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่อายไปด้วยเลยแล้วกัน

“ใช่ๆๆๆ! ข้ากำลังเอาใจท่านอยู่ พี่ชายแสนดี บอกข้าทีว่าท่านเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”

นางรู้ว่าหนิงเซ่าชิงชอบคำรื่นหู จึงพยายามเลือกคำพูดน่าฟังมาพูดกับหนิงเซ่าชิง อ้อนหนิงเซ่าชิงให้เบิกบานใจ

ชูอีกับสืออู่เห็นเหตุการณ์เข้าก็พากันขนลุกทั่วร่าง ทว่าแม้แต่หายใจยังไม่กล้า

ทั้งสองพากันกลั้นหายใจ พยายามลดตัวตนตัวเองลง แล้วถอยออกจากห้องไปจึงกล้าสูดหายใจ

สองคนภายในห้องยังคงไม่รู้

อาจจะรู้แต่แรกแล้วว่าทั้งสองคนจะหายตัวไปกันเอง จึงได้ไม่สนใจอะไร

“เจ้าเล่ห์!” หนิงเซ่าชิงจิ้มปลายจมูกนางอย่างเสียไม่ได้ แต่ยังไม่อยากหยอกมั่วเชียนเสวี่ยต่อ เพราะเขารู้ว่า มั่วเชียนเสวี่ยมีความยึดติดกับเรื่องเรือนกระจกใหญ่เคลือบสีนี้มาก…มากมายเลยทีเดียว!

“หลายวันมานี้ข้าตรวจสอบได้ความมาบ้างแล้ว อาศัยจังหวะที่พวกเขากำลังก่อความวุ่นวายด้านนอกนั่นกักตุนเอาไว้ให้เจ้าจำนวนหนึ่งแล้ว แล้วก็ยังมีอีกเรื่อง…”

เอ่ยถึงตรงนี้ หนิงเซ่าชิงเองกลับอายเล็กน้อย

มั่วเชียนเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ รอให้หนิงเซ่าชิงพูด แต่เห็นเขาไม่พูดเสียทีใจนางก็ร้อนรนขึ้นมาไม่น้อย!

“ยังมีอีกเรื่องอย่างนั้นรึ เซ่าชิงท่านพูดมาสิ!”

เฮ้อ…

หนิงเซ่าชิงถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกับมั่วเชียนเสวี่ยว่า “หากเชียนเสวี่ยมีความสุขจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นก็ยกสาวใช้ของเจ้าสองคนให้กุ่ยซากับเตาหนูสิ”

ยกให้อย่างนั้นรึ แต่งงานรึ ชูอีกับสืออู่น่ะนะ?

มั่วเชียนเสวี่ยได้ยินก็ชะงักไป ไม่ใช่ว่านางไม่ยินดี แต่คำพูดของหนิงเซ่าชิงกระโดดข้ามไปมาก ทำให้นางไม่รู้จะคล้อยตามอย่างไรดี

พวกเขากำลังคุยกันเรื่องเพิงใหญ่เคลือบสีอยู่มิใช่หรือ ข้ามมาเรื่องแต่งงานของกุ่ยซาและเตาหนูไปได้อย่างไรกันนะ

อีกทั้งกุ่ยซากับชูอีน่ะนางพอรู้ แต่เตาหนูกับ…สืออู่นี่สิ

ค่อนข้างเพ้อฝันเกินไปหน่อยแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้าอย่างมึนงง “เกิดอะไรขึ้นรึ สมองข้ามึนไปหมดแล้ว”

อันที่จริงหนิงเซ่าชิงก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้ได้ไม่นาน มิฉะนั้นเขาก็คงยังไม่รู้ว่าองครักษ์ตัวดีของเขาจะทำเรื่องงามหน้าเช่นนั้นแก่เขาได้!

แม้ว่าแก่นสารของเรื่องนี้จะทำให้เขารู้สึกอับอายมากก็ตาม

แต่แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ ขอแค่สามารถช่วยมั่วเชียนเสวี่ยได้ ต่อให้หน้าอายแค่ไหนเขาก็ยินดีทำ

จากนั้นหนิงเซ่าชิงก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้มั่วเชียนเสวี่ยฟัง

ที่แท้คราก่อนที่ทั้งสองทะเลาะทำสงครามเย็นกัน เพราะหนิงเซ่าชิงถูกคนเรียกว่าสามีทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจผิดนั้น

นึกไม่ถึงว่าสตรีที่เรียกหนิงเซ่าชิงว่าสามีนางนั้น จะเป็นคุณหนูตระกูลสวี่ที่จะแย่งบุรุษรูปงามที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว!

สถานที่ทำเครื่องปรุงของมั่วเชียนเสวี่ยก็คือที่ดินที่บิดาของคุณหนูสวี่ชดเชยให้ทั้งหมด

ครานี้กุ่ยซากับเตาหนูรู้ว่าหนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยทำสงครามเย็นกันเพราะเรื่องสีเคลือบ ดังนั้นจึงรีดไถคนอื่นโดยตรงเมื่อสบโอกาส

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset