เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 15 เริ่มต้นการฝึก! (6)

ตั้งแต่ที่เริ่มต้นฝึกเพื่อเตรียมกลับเข้าโรงเรียน นี่ก็ผ่านไปได้ราว 20 วันแล้ว

ผมสวมใส่เลสเซอร์อาร์มเมอร์กับดาบสั้นสำหรับใช้ในการฝึก ยืนอยู่เบื้องหน้าโรงเรียนนักผจญภัยอัลเมเรีย หมายมั่นจับจ้องที่จะเข้าท้าชนกับการสอบเพื่อชิงสิทธิกลับเข้าโรงเรียนอีกครั้ง

อาคารเรียนหลักอันเป็นแหล่งที่ตั้งกิลด์ซึ่งถูกสร้างให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกำแพงสูงนี่ดูใหญ่โตโอ่โถงราวกับเป็นปราสาทเลยอย่างนั้นแหละ …..หากเทียบกับสภาพเมื่อเดือนก่อนแล้ว ภายในเนื้อที่โรงเรียนอันกว้างใหญ่ก็มีเหล่านักผจญภัยที่ดูน่าจะแข็งแกร่ง กับบุคคลที่สวมเครื่องแต่งกายชั้นสูงเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย

และ ณ เบื้องหลังของผมที่กำลังสาดส่องสายตามองสังเกตการณ์ไปทั่วโรงเรียนนั่น—-ก็มีคุณลีโอเน่กับคุณเทโลเมียร์ที่อุตส่าห์ช่วยตามมาเป็นเพื่อนอยู่ด้วย

 

“ กว่าจะได้เอ็กตร้าสกิลนี่กินเวลานานนิดหน่อยเหมือนกันแฮะ รึเพราะว่านังลูด์มิร่ามันชอบหายหน้าไปเก็บรวบรวมวัตถุดิบทำเหล้ายาอะไรนั่นอยู่บ่อยๆ การพัฒนาพลังเวทก็เลยขาดช่วงทำให้เติบโตช้าขึ้นเรอะ? ”

“ ก็เป็นไปได้น้าา ฉันทำแทนให้ก็ได้อยู่หรอก แต่ถ้าสอนสัมผัสของคนที่ต่างจากเดิมมากเกินไปมันก็คงไม่ดีนี่สิ อาจต้องคิดหาแผนเก็บวัตถุดิบดีๆอีกทีซะแล้วละม้างงแบบนี้~ ”

“ เอ้อ แต่นังลูด์มิร่ามันก็บอกอยู่นะว่าไปคราวนี้จะเก็บวัตถุดิบมาให้ได้เยอะๆ น่าจะพอตุนอยู่ได้ไปซักพักใหญ่ๆเลยมั้ง……อ้าวเฮ้ยครอส เป็นอะไรไปเรอะจู่ๆก็เงียบกริบเฉย ”

“ อ๊ะ….ฮะฮะ คือว่า….พอใกล้จะถึงเวลาสอบจริงแล้วมันก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาน่ะครับ ”

 

พอถูกคุณลีโอเน่จ้องมองเข้ามาที่ใบหน้า ผมก็ตอบกลับไปพลางยิ้มแหยๆ

 

“ เหอะ ต้องเอาให้ปล่อยใจสนุกไปกับความประหม่าได้นั่นแหละนะถึงจะถือว่าเป็นมือโปร ”

 

คุณลีโอเน่เอามือจิ้มศอกผมเบาๆ ก่อนจะยิ้มอย่างดุดันเพื่อปัดเป่าความประหม่าของผมให้

 

“ เอ้อ เข้าใจแหละว่าคงหักห้ามใจไม่ให้ประหม่าไม่ได้ แต่ก็อย่าถึงกับตัวแข็งทื่อซะขนาดนั้นเด้ แกน่ะพยายามเต็มที่มาตลอดหนึ่งเดือนนี้เลยไม่ใช่เหรอ? นั่นไง ลองเปิดสเตตัสเพลทดูสิ ”

 

ผมกดแสดงเพลทอย่างที่เค้าบอก

ตรงช่องสกิลนั้นมีผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถูกสลักเป็นตัวเลขอยู่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

 

 

<<เสริมกำลัง Lv4  (+30)>>  <<เสริมป้องกัน Lv4  (+33)>>  <<เสริมความว่องไว Lv4  (+30)>>

<<ฟันแหวก Lv6>>  <<หลบหลีกฉุกเฉิน Lv6>>  <<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv3>>

<<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv2>>  <<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv2>>  <<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv2>>

 

 

แล้วก็อันสุดท้ายที่ได้มาจากการฝึกฝนกับพวกคุณลีโอเน่——-เอ็กตร้าสกิลบางอย่าง Lv2  

เป็นการเติบโตที่เห็นกี่ครั้งก็ทำใจให้เชื่อไม่ลงจริงๆ

พวกสกิลเสริมสเตตัสที่จะพัฒนาเร็วในช่วงแรกๆเนี่ยว่าไปอย่าง ทว่า นับตั้งแต่วันที่สกิลปรากฎขึ้นมา ผ่านไปได้แค่ 20 วันเท่านั้นเองแท้ๆ แต่ระดับความชำนาญมันกลับพุ่งพรวดขึ้นมาโดยรวมแล้วถึง 14 เลยทีเดียว

เคยได้ยินว่าหากฝึกพัฒนาสกิลไปพร้อมกันทีเดียวหลายๆแบบ มันจะช่วยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ มันก็พัฒนาเร็วซะจนชักสงสัยว่านี่ผมฝันไปรึเปล่าเลยจริงๆนั่นแหละ ——-คงเอามาเปรียบไม่ได้ก็จริง แต่ดูจากที่ต้องใช้เวลาถึงสิบวันกว่าจะยกระดับของ <<ฟันแหวก>> ให้ Lv เพิ่มขึ้นมา 2 ระดับได้แล้ว การเติบโตคราวนี้อาจจะเรียกว่าเป็นแบบก้าวกระโดดได้เลยละมั้งเนี่ย

 

 “ เนอะ? ถ้าเป็นแกที่ทุ่มเทพยายามยกระดับพัฒนาสกิลขึ้นมาจนถึงขั้นนี้แล้วละก็สบายๆไม่มีปัญหาแน่นอน …….เอ้อ ถึงแม้ว่าการสอบคราวนี้มันอาจจะลำบากกว่าปกติหน่อยนึงก็เหอะนะ ……. พวกฉันก็จะคอยเฝ้าดูอยู่จากจุดที่ไม่ค่อยเด่นด้วย ฉะนั้นอกผายไหล่ผึ่งแล้วไปลุยให้เต็มที่ซะนะ! ”

“ ขะ ครับ! ”

 

ถูกเค้าตบหลังดังเพี๊ยะ ราวกับเป็นการให้ขวัญกำลังใจ

แต่รู้สึกเหมือนได้ยินคุณลีโอเน่เค้าแอบซุบซิบอะไรเสียงค่อยอยู่เหมือนกันแฮะ……แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ผมก็แยกกับพวกคุณลีโอเน่ทั้งๆอย่างนั้น ก่อนจะมุ่งหน้าพุ่งทะยานตรงดิ่งไปยังสนามสอบในทันที

 

 

ได้รับคำพูดให้กำลังใจจากคุณลีโอเน่จนบากหน้าถ่อตรงไปยังสนามสอบได้……แต่ยิ่งก้าวขาไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ความประหม่ามันก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น

สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรอื่น ไม่ได้เป็นแค่ที่บัสเคิลเบียร์แห่งนี้อย่างเดียว แต่การสอบชิงสิทธิกลับเข้าเรียนของโรงเรียนนักผจญภัยทุกๆแห่งนั้นมันเป็นอะไรที่ยากแสนยากสุดๆไปเลยล่ะ

ให้ว่ากันแล้ว โรงเรียนนักผจญภัยที่มีเป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพฝีมือของนักผจญภัยโดยรวมนั้น แทบไม่เคยใช้ความสามารถเป็นข้ออ้างเพื่อไล่เด็กนักเรียนออกเลย…..คนที่จะถูกไล่ออกเนี่ยคงจำกัดอยู่แค่พวกที่ไร้แววเก่งโดยสมบูรณ์อย่างผมที่เป็น <<ไร้อาชีพ>> เท่านั้นนี่แหละนะ

ฉะนั้นเพื่อที่จะชิงสิทธิกลับเข้าเรียน ก็จำเป็นต้องสร้างผลลัพธ์ในระดับที่หักล้างคำวิจารณ์ที่ว่า “ไร้แววเก่ง” อันแทบจะเป็นที่แน่นอนนั่นลงให้ได้ เนื้อหาของการสอบมันเลยถูกยกระดับขึ้นมาให้ยากสุดขั้วเพื่อที่จะได้สอดคล้องกันนั่นแหละนะ

และเนื้อหาการสอบชิงสิทธิกลับเข้าเรียนของโรงเรียนนักผจญภัยอัลเมเรียแห่งนี้—–ก็คือต้องดวลตัวต่อตัวกับผู้มีคลาสต่อสู้ระดับล่างที่เป็นนักเรียนปัจจุบัน และมีเลเวลสูงกว่า 13 ขึ้นไป….รวมทั้งต้องเผด็จศึกเอาชนะให้ได้อีกด้วย

แถมการสอบนี้ยังไม่มีการออมมือให้แต่อย่างใดทั้งสิ้น หากผู้เข้าสอบถูกเผด็จศึกก็จะถือว่าสอบตกในทันที แล้วก็ต้องรอให้เวลาผ่านไปครบหนึ่งปีก่อนจึงจะสามารถกลับมาขอสอบใหม่ได้อีกครั้ง….เอาเป็นว่าเป็นการสอบที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ผู้เข้าสอบตัดใจยอมแพ้ไปนั่นแหละนะ

ยังไม่นับตรงนี้อีก สำหรับนักเรียนปัจจุบันที่มารับบทเป็นคู่ต่อสู้ในศึกดวลหนึ่งต่อหนึ่งครั้งนี้แล้ว การสอบนี่จะถือเป็นคำร้องจากทางกิลด์ หรือก็คือถ้าปล่อยให้ผู้เข้าสอบชนะก็จะถือว่าทำเควสต์ล้มเหลวนั่นเอง……ฉะนั้นรับรองได้เลยว่าอีกฝั่งจะต้องทุ่มสุดกำลังเข้ามาแน่ๆ มันคือการสอบที่เข้มงวดและทรหดมากขนาดนั้นแหละ

ข้อดีอย่างเดียวก็คือการสอบนั้นจะไม่ถูกเผยแพร่ให้มีคนเข้ามารับชม ฉะนั้นก็เลยไม่ค่อยจะมีปัจจัยที่ชวนให้รู้สึกประหม่ามากเท่าไหร่ (เทียบกับที่อื่นแล้วน่ะนะ)

 

“ ………….? ”

 

แต่บรรยากาศมันชักแปลกๆแฮะ

ยิ่งเข้าใกล้สนามสอบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงเค้าลางของผู้คนมากขึ้นๆ เสียงเอะอะค่อยๆดังเซ็งแซ่มากขึ้นๆ

แถมบางครั้งยังรู้สึกเหมือนว่าคนที่เดินผ่านไป เค้าแอบมองดูผมอยู่ด้วยอีกต่างหาก

ไม่ได้เรียนสกิลของ <<ธีฟ>> ก็เลยฟังไม่ค่อยได้ยินก็จริง แต่รู้สึกเหมือนว่าจะมีคนกำลังแอบซุบซิบเม้าท์เรื่องผมกันอยู่ด้วยนะน่ะ…….. ไม่หรอกไม่ๆ เพราะใกล้สอบแล้วใจของผมมันเลยอ่อนไหวเกินเหตุไปเองเท่านั้นแหละ เกร็งเกินไปหน่อยแล้วละมั้งเนี่ยผม

 

“ ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร ผมมีสกิลที่ได้มาจากการฝึกกับพวกคุณลีโอเน่อยู่นะ ต้องไม่เป็นไรแน่ๆ ”

 

ผมหลับตาปี๋พลางตรงเข้าจับบานประตูที่จะนำไปสู่สนามประลองในร่มอันถูกใช้เป็นสนามสอบ ก่อนจะพูดพร่ำให้ตัวเองฟังแบบนั้นเพื่อกำจัดความประหม่าไปให้หมด จากนั้นก็ค่อยๆแง้มเปิดบานประตู พร้อมกับก้าวขาเข้าไปภายในสนามสอบ

———ฉับพลันนั้นเอง

 

“ เฮ้ยนั่นไง! มันมาจริงๆด้วยว่ะ!? ”  “ ไอ้บ้านั่นคิดอะไรของมันอยู่น่ะ!? ”  “ เห็นเอกสารเชิญออกแล้วบ้าสติแตกไปรึไงวะ!? ”  “ ใช่คนนั้นใช่มั้ย!? เด็กคนที่ได้รับ <<ไร้อาชีพ>> ไปในพิธีประทานนั่นน่ะ คนที่หน้าตาออกน่ารักๆนั่น! ”

“ เอ๊ะ……. ”

 

สิ่งที่ทะลักทะล้นเข้ามาในดวงตา ก็คือผู้คน ผู้คน แล้วก็ผู้คน ที่ไม่น่าจะมาอยู่กลางสนามสอบซึ่งไม่ถูกเผยแพร่ให้คนนอกรับชมได้เลย

แม้จะไม่ได้มีเยอะระดับเต็มล้นที่นั่ง แต่ที่นั่งคนดูของสนามประลองในร่มแห่งนี้ก็มีผู้คนมารวมตัวนั่งกันอยู่ถึงหลักร้อยคนเลยทีเดียว มีทั้งชาวเมืองกับนักผจญภัยที่มาดูแก้เบื่อเล่น ไปยันพวกเพื่อนๆในสถานกำพร้าที่เฝ้าจับตาดูความกากไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวของผมมาตลอดจากในระยะใกล้ชิด…….ดวงตาอันมากมายนับไม่ถ้วนมันแฝงเร้นไว้ด้วยความตกตะลึงและความดูถูกดูหมิ่น กระหน่ำถาโถมมองตรงลงมาใส่ผมด้วยอารมณ์มากหน้าหลายตา  

เจอเข้ากับสถานการณ์อันไม่คาดฝันเช่นนี้ ผมก็ถึงกับแข็งทื่อขยับไม้ขยับมือไม่ได้ไปเลยทีเดียว…..และผู้ที่จะต้องรับบทต่อสู้ประมือกับผมที่แสนน่าสมเพชขนาดนี้ ผู้ที่ ณ ตอนนี้กำลังยืนหยัดอยู่กลางสนามประลองนั่น——–ก็คือผู้ถือครองพรสวรรค์ที่สูงล้นผ่าเหล่ายิ่งกว่าใครๆในกลุ่มนักผจญภัยระดับล่าง คนเก่งอนาคตไกลที่ในรอบหลายสิบปีจะมีโผล่มาหนึ่งคน

 

“ นี่แก…ทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไงวะห้ะ ไอ้ครอส……….!? ”

” จิ…จิเซล……!? “

 

ผู้นำจ่าฝูงของสถานกำพร้าที่ถึงกับใช้ความรุนแรงเพื่อบีบให้ผมเลิกเป็นนักผจญภัย รวมทั้งลาออกจากโรงเรียน——-จิเซล สตริงก์…….กำลังจ้องเขม็งมองตรงดิ่งเข้ามาหาผมพลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างไม่ยั้ง

 

 

ที่นั่งคนดูนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้สามารถจ้องมองลงไปเห็นเบื้องล่างได้ แต่ ณ จุดที่อยู่สูงมากยิ่งกว่าที่นั่งคนดูนั้นเสียอีก มีพื้นที่พิเศษซึ่งถูกสร้างอยู่ใกล้ๆกับเพดานหลังคาอยู่

ให้ว่าแล้วก็คือที่นั่งคนสำคัญนั่นแหละ ปกติแล้วในตอนที่สนามประลองถูกใช้เป็นสถานที่เพื่อจัดอีเวนต์อะไรบางอย่าง ก็จะมีเพียงผู้ประสานงาน ผู้ดำเนินงาน หรือไม่ก็แขก VIP ทั้งหลายที่ถูกเชิญมาเท่านั้นจึงจะถูกอนุญาตยินยอมให้นั่งลงเหนือเก้าอี้พิเศษพวกนี้ได้……อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่อะไรที่น่าจะถูกใช้งานในการสอบชิงสิทธิกลับเข้าเรียน—ที่ขอแค่มีกรรมการคุมอยู่ในสนามประลองสองสามคนก็พอเหลือแหล่แล้ว—เลยซักนิด วันนี้ก็น่าจะถูกล็อกกลอนเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้วด้วยแท้ๆ…….แต่ลีโอเน่และเทโลเมียร์กลับปรากฎตัวโผล่ขึ้นมานั่งครองที่อยู่ตรงนั้นอย่างไม่สนใจใดๆ เอาแต่คอยเฝ้ามองดูสภาพการสอบอยู่ท่าเดียว

 

“ ลีโอเน่จังนี่นิสัยไม่ดีเลยน้าาา แอบจัดการสอบแบบนี้ขึ้นมาโดยปกปิดเป็นความลับไม่ยอมบอกครอสคุงได้ยังไงกันหืออ แถมยังอุตส่าห์เล็งจังหวะช่วงพักฝึกพยายามจิ้มๆไล่ถามดึงข้อมูลของครอสคุงในสมัยยังอยู่สถานกำพร้าอีกตะหากก ดูนั่นซี่ ครอสคุงเค้าตัวแข็งทื่อหมดแล้วน้าา ”

“ หล่อนจะบ้าเรอะ นักผจญภัยเนี่ยมันต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงที่ยังเป็นเด็กใหม่นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย ฉะนั้นก่อนที่จะไปตัวแข็งทื่อในถ้ำมอนสเตอร์อะไรงี้เข้า หัดฝึกให้ชินในสถานที่ที่ไม่มีอันตรายต่อชีวิตแต่เนิ่นๆซะมันจะดีกว่าไง ”

 

ใช่แล้ว

ที่การสอบในครั้งนี้ถูกเปลี่ยนให้คนนอกสามารถเข้ามารับชมได้ ที่การสอบของครอสเป็นที่ล่วงรู้ไปถึงหูของทุกคน แม้กระทั่งการที่คู่ต่อสู้ของครอสนั้นถูกกำหนดให้เป็นจิเซล สตริงก์นั่นก็ด้วย—–ทุกอย่างต่างก็เป็นฝีมือของลีโอเน่ทั้งหมด

ลีโอเน่กล่าวแย้งคำพูดกึ่งๆหยอกล้อของเทโลเมียร์ไปพลาง ก่อนจะ  “ แล้วก็ ”  แสยะยิ้มขึ้นมาอย่างดุดัน

 

“ เจ้าครอสมันก็ขาดความมั่นใจในตัวเองเกินไปหน่อยด้วยแหละนะ หลงตัวเองนี่มันก็ไม่ดีหรอก แต่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองเลยซักนิดเนี่ยอาการหนักมากยิ่งกว่าอีก ฉะนั้นเลยอยากจะจับให้ต่อสู้กับนังเด็กเปรตตัวจ่าฝูงที่แก่งแย่งทำลายความภูมิใจในตนเองของเจ้านั่นไป แล้วทวงเอาความมั่นใจกลับคืนมาอะนะ ความมั่นใจที่สอดคล้องกับความสามารถเนี่ยมันจะช่วยให้คนเราเติบโตได้มากขึ้นไง…….แล้วก็ที่สำคัญที่สุด ถ้าเหตุการณ์นี้ทำให้ครอสกลายมาเป็นคนที่รักชื่นชอบในการต่อสู้ได้ละก็ แบบนั้นแหละสเป็คฉันเลย ”

 

เอ้อ แต่ที่กำหนดให้คู่ต่อสู้ของครอสเป็นตัวบอสของสถานกำพร้า หนำซ้ำยังเปลี่ยนให้คนนอกเข้ามารับชมได้ด้วยนั่น จริงๆแล้วมีเป้าหมายอื่นอยู่อีกหรอกนะ…….ลีโอเน่เกือบจะหลุดปากพูดเช่นนั้นออกมาแล้ว แต่ก็ยั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน—-พอเห็นลีโอเน่ที่ทำท่าทำทางเช่นนั้น เทโลเมียร์ก็ยักไหล่

 

“ ก็เห็นด้วยหรอกนะว่ามีความมั่นใจในตัวเองเอาไว้มันจะดีกว่า…….แต่วิธีการแล้วก็สเป็คผู้ชายที่ชอบของลีโอเน่จังเนี่ยดูป่าเถื่อนมากเกินไปนี๊ดส์นึงน้าาา ”

“ อ๊า? ถ้างั้นหล่อนชอบผู้ชายแบบไหนกันน่ะ ”

“ ฉันน่ะน้าา~ ชอบผู้ชายที่รู้งาน ไม่คอยตามรังควานในตอนที่ฉันอยากอยู่คนเดียวว แต่เวลาที่ฉันอยากหวานอยากสวีทเงี้ยย ก็จะช่วยจูจุ๊บให้ทุกเช้าตอนตื่นนอนน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็จะคอยลูบหัวทะนุถนอมฉันอย่างเอ็นดู~ แล้วพอจะนอนหลับก็ช่วยจูจุ๊บฝันดีน้าาตัวจ๋าาพลางกอดแน่นๆให้ชื่นใจ เนี่ยยอยากได้คนที่พร้อมจะคอยดูแลประคบประหงมเอาใจแล้วก็สนับสนุนฉันทุกๆท่วงท่ากิริยาบทแบบเนี้ยยย ”

“ หยึยหยะแหยง ”

“ หา~~~~~~~??? ”

“ อ๊าาา……!? ”

 

เปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะ!

เหล่านักผจญภัยระดับ S ที่ถกเรื่องสเป็คผู้ชายที่ชอบได้ความเห็นไม่ลงรอยกัน พลันแผ่จิตสังหารเข้าปะทะกัน ส่งผลให้ที่นั่งคนสำคัญถึงกับสั่นกึกๆ

 

(……..ขึก จะให้ลูกช้างทำอะไรก็ได้ ฟ้าเอ๋ยช่วยทำให้อีนังพวกนี้มันรีบๆกลับไปโดยเร็วทีเถิด……!)

 

ผู้พบเห็นสถานการณ์ที่จวนเจียนใกล้จะระเบิดเช่นนั้นจะๆ และกำลังเหงื่อกาฬแตกพลั่กอยู่นั่น—-ก็คือผู้อำนวยการ ซาริเอร่า คุ๊กโจว์ ที่ถูกพวกลีโอเน่บีบบังคับให้ต้องยอมเปิดที่นั่งคนสำคัญให้พวกตนใช้งานนั่นเอง

ซาริเอร่านั่งตัวลีบอยู่ตรงสุดขอบของที่นั่งคนสำคัญ พยายามที่จะไม่ไปกระตุ้นอารมณ์สัตว์ประหลาดทั้ง 2 เข้า ระหว่างนั้นก็พ่นคำพูดอย่างเพลียๆใส่พวกลีโอเน่อยู่ภายในใจว่า  “ ให้ตายเถอะ นังพวกนี้มันคิดจะทำอะไรกันแน่น่ะ…. ”  ไปพลาง

 

(จู่ๆโผล่มาพูดว่า [ถ้าไม่เอางั้นพวกฉันขอก็แล้วกันนะ] แล้วก็ลากครอสหายไปไหนไม่รู้เลย ไอ้เรารึก็นึกว่าจะไปแล้วไปลับ คราวนี้ดันโผล่แบบไม่ให้สุ้มให้เสียงมาโวยวายบอกให้เอาครอสเข้ารับการสอบชิงสิทธิกลับเข้าเรียนอีก เล่นบ้าบออะไรกันน่ะ)

 

แค่ยื่นเรื่องขอสอบชิงสิทธิกลับเข้าเรียนภายหลังจากที่เพิ่งโดนบีบให้ออกไปได้แค่เดือนเดียวก็นับว่าไม่อยากจะเชื่อมากพอแล้ว หนำซ้ำยังร้องขอให้จัดการสอบที่เลวร้ายได้ถึงขนาดนี้เลยอีกต่างหาก ตอนที่ทราบเรื่องครั้งแรกนั่นถึงกับสงสัยด้วยใจจริงเลยว่ามันต้องเป็นคนยังไงและมันยังสติดีอยู่รึเปล่า

จัดสอบแบบเปิดเผยที่แม้แต่นักผจญภัยระดับกลางก็ยังอดประหม่าไม่อยู่ หนำซ้ำยังรีเควสต์ให้คู่ต่อสู้เป็นจิเซล สตริงก์คนนั้นเลยอีกด้วย ไม่สิไม่ใช่รีเควสต์ ถึงกับข่มขู่กันเลยว่าถ้าไม่ยอมเอาจิเซลลงจะถล่มโรงเรียนทิ้งแน่ะ มันบ้าหลุดหลักสามัญสำนึกไปโดยสมบูรณ์แล้วชัดๆ  

จิเซล สตริงก์

เธอคนนั้นเป็นเด็กที่มีแววรุ่งโรจน์อย่างแท้จริงเลย

เพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> ไปหมาดๆเลยกำลังอยู่ระหว่างช่วงเติบโตก็จริง แต่ตอนนี้ก็มีเลเวลปาเข้าไปตั้ง 17 แล้ว

อีกทั้งยังคอยขยันหมั่นฝึกฝนยกระดับสกิลทั้ง 10 ที่ปรากฎขึ้นมาในจังหวะเดียวกับที่ได้รับ <<คลาส>> อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีหลายสกิลที่อัพกลายเป็น Lv2 ได้แล้วอย่างเร็วไว —-โดยเฉพาะสกิลที่ปรากฎขึ้นมาเร็วกว่ากำหนด ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะได้รับ <<คลาส>>  นั่น มีระดับปาเข้าไปถึง Lv9 แล้วด้วยซ้ำ

ตามปกติ หลังจากได้รับ <<คลาส>> คงต้องใช้เวลาฝึกราว 2 ปีกว่าจะสามารถคลาสอัพไปเป็นอาชีพระดับกลางได้—–แต่จิเซลกลับใกล้จะสามารถคลาสอัพได้อยู่แล้วด้วยเวลาสั้นๆเพียงแค่นี้ ความอัจฉริยะภาพนั้นเรียกได้ว่าเทียบเท่าไม่น้อยหน้าไปกว่าคนหนุ่มจากตระกูลขุนนางระดับสูงเลย

คงไม่มีโอกาสได้ใช้ในศึกครั้งนี้ก็จริง แต่หากพินิจพิจารณาไปถึงยูนีคสกิลที่เธอคนนั้นมีอยู่ในครอบครองด้วยแล้วละก็ การจะไต่เต้าขึ้นไปเป็นนักผจญภัยระดับ A ได้ในอนาคต อย่างที่ทุกๆคนพูดฮือฮากันอยู่นั่น มันก็ไม่ใช่ฝันเลยแม้แต่นิดเดียว

เอาอัจฉริยะระดับนั้นมาปะทะเจอกับ <<ไร้อาชีพ>> เนี่ยนะ…….ซาริเอร่าได้แต่สงสารครอสจับใจ

 

(ดูเหมือนว่านังพวกนี้มันจะกำลังฝึกวิชาให้ครอสเพื่อทำตามเป้าหมายบางอย่าง——ทำใจให้เชื่อไม่ลงเลยก็จริง แต่ไม่แน่อาจจะกำลังพยายามปั้นขึ้นมาให้เป็นว่าที่สามี——–อยู่ก็จริง แต่ดูจากที่ถูกบีบบังคับให้ต้องมาเจอกับอะไรบ้าๆเช่นนี้แล้ว…..คิดภาพไม่ออกเลยว่าตอนที่อยู่ในแหล่งกบดานของพวกมัน ครอสถูกทำร้ายทารุณแบบไหนบ้าง)

 

ซาริเอร่าชักจะเริ่มรู้สึกกังวลเป็นห่วงครอสขึ้นมาอีกครา

 

(……….แต่ถ้าพวกมันมัวติดลมบนอยู่กับการฝึกฝนครอส จนไม่คิดที่จะก่อสร้างความวุ่นวายใดๆในตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผู้กล้าเอลิเซียจะอาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งนี้ หรือไม่ก็ตลอดช่วงหลายสิบปีจนกว่าฉันจะเกษียณจากการเป็นผู้อำนวยการได้แล้วละก็……….)

 

ไม่ใช่นะ ไม่ได้กะจะใช้ครอสเป็นเครื่องสังเวยแต่อย่างใดนะ!

แต่ถ้ามันจะทำให้นังสัตว์ประหลาดพวกนี้ยอมสงบอยู่นิ่งๆได้ ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอให้ครอสช่วยพยายามเข้าอย่างเดียว พยายามเข้านะ เพื่อเจ้าหน้าที่กิลด์ทุกๆคนบนโลกใบนี้ด้วย!

และแล้วซาริเอร่าที่อยู่ท่ามกลางที่นั่งคนสำคัญซึ่งมีจิตสังหารของเหล่านักผจญภัยระดับ S แล่นปะทะชนกันดังเปรี้ยงปร้าง ก็ฝืนอดทนกลั้นความรู้สึกผิดที่ต้องสังเวยเด็กน้อยผู้น่าสงสารไปให้กับเจ้าพวกสัตว์ประหลาดเอาไว้—-ก่อนจะจ้องมองลงไปเฝ้าดูการสอบชิงสิทธิกลับเข้าเรียนซึ่งกำลังดำเนินอยู่เบื้องล่าง

มองลงไปยังการต่อสู้…….ที่ต่อให้คิดยังไงก็เห็นผลแพ้ชนะชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้วนั่น 

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset