“การแข่งขันจะดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีลูกเล่น ไม่มีตุกติก เป็นเพียงการแข่งขันแบบเก่าที่ใช้เพียงเท้าและระบบของพวกเธอ”
มิสเตอร์หลางยกนิ้วขึ้น ขณะที่เขาอธิบายกฎของเกม เป้าหมายคือวิ่งไปจนถึงอีกด้านหนึ่งของสนาม และเนื่องจากสนามมีขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งหมดจะแข่งพร้อมกัน 40 คนในการแข่งขันครั้งเดียว
“อะไรนะ?”
“พร้อมกันหมด 40 คนเลยหรอ!”
“พวกเขาจะประเมินเราอย่างไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของนักเรียนมิสเตอร์จาค็อบส์ก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
“โอ้ พวกเธอจะรู้ทันทีเมื่อมันจบลง พวกเราไม่ได้เป็นคนให้คะแนนพวกเธอ”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ด้านข้าง ซึ่งมีตัวแทนของกิลด์นักสำรวจหลายคนเฝ้าดูพวกเขา
“เป็นพวกเขาต่างห่าง ที่พวกเธอจะต้องให้ความสนใจ “
นี่ไม่ใช่กิจกรรมของโรงเรียนอย่างเป็นทางการ แต่เป็นเพียงการประลองระหว่างชั้นเรียนของ มิสเตอร์จาค็อบส์และมิสเตอร์หลาง ผู้ชนะจะขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนที่กิลด์นักสำรวจให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตามมิสเตอร์จาค็อบส์ และมิสเตอร์หลางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่กลุ่มผู้แทนกิลด์ที่อยู่ด้านข้าง เขาคาดหวังเพียงแค่ว่าจะมีกิลด์ที่มาดูการแข่งขันเพียงสี่คน ซึ่งต่างก็เป็นเพื่อนและคนรู้จัก
แต่ด้วยการปรากฏตัวที่ไม่คาดคิดของคนอย่างซาร่าห์จากสมาคมนักสำรวจ ก็ทำให้กิลด์อื่นๆตามมาด้วย
สิ่งนี้กำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ไปเข้าแถวเตรียมตัวได้แล้ว!”
มิสเตอร์จาค็อบส์พูด ขณะผลักนักเรียนสองคนของเขาและกระตุ้นให้คนอื่นๆไปที่ท้ายสนาม
ความลังเลที่ยังคงอยู่บนใบหน้าของพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่มีอีกต่อไป เนื่องจากทุกคนยืนเรียงกันอย่างเรียบร้อยที่ท้ายสนาม
แม้ว่าจะมี 40 คน แต่นักเรียนก็ยังอยู่ห่างจากกัน 5 เมตร ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าสนามมีขนาดใหญ่แค่ไหน
แวนส์ซึ่งเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในชั้นเรียน แน่นอนว่าเขาอยู่ท้ายแถวถัดจากเบียทริซ เขายังคงมีสีหน้ากังวล ขณะจ้องมองไปที่เบียทริซ
‘นี่…เป็นเธอตัวจริงเหรอ’ แวนส์อดคิดไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความรู้สึกเลือนราง และเธอก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่แสดงออกมาบนใบหน้าของเธอ มันคือดวงตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล และสิ่งนั้นก็ไม่สามารถหลุดรอดจากสายตาของแวนส์ได้
แวนส์ได้พบกับผู้คนมากมายในสลัมที่มีดวงตาเหมือนเธอ และพวกเขาทั้งหมดมีชะตากรรมเดียวกันคือต้องติดคุกหรือตาย
หลังจากนั้นไม่นานแวนส์ก็ส่ายหัว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงคนอื่น เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ต่างกัน
แวนส์ชอบส่องกระจกเป็นครั้งคราว เพื่อเตือนเขาว่าเขาก็มีดวงตาแบบนั้นเหมือนกัน
เขาหายใจเข้าลึกๆและมองไปด้านหน้าเพื่อไปยังเป้าหมาย เขาเคาะเท้าหลายๆครั้งเพื่อพยายามดูว่าจะทำได้เร็วแค่ไหน แต่มันไม่เร็วไปกว่าปกติเลย
แวนส์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานหนึ่งในทักษะของเขา [การรับรู้เวลา]
ทันใดนั้นเสียงของโลกทั้งหมดก็ดับลง ใบหญ้าสั้นๆที่อยู่ทั่วทั้งสนามก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน
แวนส์พยายามเตะเท้าและขยับมือ แต่ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวช้าเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเขา เขารู้สึกมึนทันที เพราะเขารู้สึกสับสนเกินไป ร่างกายของเขาไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ จิตใจของเขาทำงานไม่เป็นปกติ
ดังนั้นเขาจึงยกเลิก [การรับรู้เวลา] ทันที ในขณะที่เขาเริ่มอ้วกลงบนพื้น
“แวนส์…แวนส์ นายโอเคไหม!?”
เบียทริซกำลังจะพุ่งเข้ามาหาเขา แต่ทันใดนั้นเสียงกระดิ่งก็ดังไปทั่วสนาม ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มการแข่งขันก่อนเวลาอันควร เบียทริซทำได้เพียงขอโทษแวนส์ ขณะที่ใบหญ้าหมุนบนร่างของเธอ ผมของเธอก็ยกขึ้น เนื่องจากลมกรรโชกที่พัดรอบตัวเธอ และไม่นานเธอก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
“ฉันขอโทษ!”
เธอกล่าวขอโทษอีกครั้ง ในขณะที่ลมผลักเธอไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่รวดเร็ว และนำหน้านักเรียนที่เหลืออย่างรวดเร็ว
“แวนส์!? นายโอเครึเปล่า!?”
ฮาร์วีย์ที่สังเกตเห็นว่าแวนส์กำลังล้มลงไปที่พื้นจากระยะไกล ก็อดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งเข้าหาเขา อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะก้าวไปได้ 5 ก้าว แวนส์ก็ยื่นฝ่ามือเข้าหาเขา
“ไป!”
แวนส์ตะโกน ขณะที่เขามองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสายตาที่ไม่กะพริบ
เมื่อได้ยินคำพูดของแวนส์ ฮาร์วีย์ยังคงลังเล แต่หลังจากมองดูนักเรียนคนอื่นๆที่นำไปแล้ว และด้วยเสียงตะโกนอีกครั้งจากแวนส์เขาทำได้เพียงแค่แสดงออกด้วยความเสียใจ และเริ่มวิ่งไปข้างหน้า
“ฉันจะชนะเพื่อนาย!”
เขาตะโกน ขณะที่เริ่มย่างก้าวของเขาไปข้างหน้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นนักเรียนทุกคนไปได้ระยะหนึ่งแล้ว แวนส์อดไม่ได้ที่จะทุบหมัดลงกับพื้น
“มาเถอะระบบของฉัน…”
เขากระซิบกับตัวเอง
“…ทำงานให้ฉันเถอะ!”
ซาร่าห์ที่เฝ้ามองจากด้านข้างรีบลุกขึ้นยืน ขณะที่เธอเห็นแวนส์กำลังคร่ำครวญอยู่ที่พื้น เธอจ้องมองด้วยความจดจ่อ และขมวดคิ้วของเธอ
เบลลิกซึ่งไม่ได้ดูการแข่งขัน และมองไปที่ซาร่าห์เพียงคนเดียว ก็หันหน้าไปที่สนามทันที เพื่อดูว่าซาร่าห์มาที่นี่จริงๆเพื่อใคร
‘นั่น…เด็กตัวเล็กคนนั้นเหรอ’ เบลลิกมองไป จากนั้นเขาก็หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว มันเป็นลูกบอลสีดำ จากนั้นเขาก็เคาะมันสองสามครั้ง และหลังจากนั้นไม่นานลูกบอลสีดำก็เปิดออกเผยให้เห็นดวงตาออกมา
เขาชี้ไปที่แวนส์แล้วกระซิบว่า
“บันทึกทุกสิ่งที่คุณเห็น”
“ทำไมระบบไม่ทำงาน”
แวนส์กัดฟันแน่น ขณะพยายามขยับ เพื่อดูว่ามันเคลื่อนไหวเร็วขึ้นหรือไม่ แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แวนส์มองไปข้างหน้า เขาเห็นเพียงนักเรียนที่ผ่านไปเกือบครึ่งสนามโดยมีเบียทริซเป็นผู้นำ
ลมหายใจของแวนส์เริ่มหนักหน่วงขณะหลับตา
“คิด…คิด”
เขาพึมพำ
“นึกถึงสิ่งที่นายเคยรู้สึก…”
ความทรงจำมากมายปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที
ความรู้สึกของการเผาไหม้ที่เท้าของเขา
บาดแผลบนมือของเขา
กระดูกของเขาแทงทะลุเนื้อของเขา
“คิด…คิด…”
กรามของเขาเริ่มสั่น ขณะที่เขาพยายามจะผ่านพ้นความทรงจำที่เจ็บปวด
เขาสวมรองเท้าบูท…และสิ่งต่อไปที่เกิดขึ้นคือหัวใจของเขาหยุดเต้นอย่างสมบูรณ์
“!!!”
ดวงตาของแวนส์เริ่มสั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ความคิดเรื่องความตายที่จมอยู่ในจิตใจของเขา หัวใจของเขาเต้นเร็วผิดปกติ
และในไม่ช้าเขาก็หายใจเข้าลึกๆและหลับตาลง เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง หัวใจของเขาซึ่งเต้นแรงเหมือนฝนตกหนักในตอนแรกก็เริ่มช้าลง มันช้าลงจนถึงจุดที่เส้นเลือดของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง
จากนั้นเขาก็ยกตัวขึ้นเล็กน้อย ฝ่ามือแตะใบหญ้าที่อยู่ข้างใต้ของเขา เขาจำมันได้แล้ว ตอนที่เขาวิ่งเป็นครั้งแรก
ความทรงจำของการวิ่งครั้งแรกของเขากลับมาอีกครั้ง
เส้นแสงเริ่มเปล่งประกายจากรองเท้าของเขาเปลี่ยนเป็นปีกที่กระพือปีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ดวงตาของเขามองไปที่เป้าหมาย และเริ่มเปล่งประกายแสงสีทอง
จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆและกระซิบออกมาเบาๆว่า
“ไปกันเถอะ”