แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 106 คนรับใช้งั้นรึ ?

ฉีเหยียนเอ๋อได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

“นังบ้า แกกล้ากัดเพื่อนฉัน คอยดูเถอะฉันจะถอนฟันของแกออกให้เกลี้ยงปากเลย”

 

“ให้ตายเถอะ ฉันโกรธมากแล้วนะ !”

 

เสิ่นหรงเจียกำหมัดแน่น เธอส่งสัญญาณให้ฉีเหยียนเอ๋อไปหยิบรีโมทคอนโทรลของเก้าอี้ไฟฟ้ามาวางบนโต๊ะ

 

การช็อตไฟฟ้า ถือเป็นการทรมานโดยไม่ทิ้งบาดแผลภายนอกใด ๆ ไว้แม้ว่าตระกูลมู่จะมาช่วยหมั่นโถว ก็จะไม่เหลือหลักฐานใด ๆ

 

ทว่าในขณะที่เธอกำลังจะกดรีโมทนั้น ประตูห้องสอบสวนพลันเปิดออกเสียงดังลั่น

 

หลังจากนั้นก็มีเสียงเกรี้ยวกราดดังมาจากเจ้าบ้านเสิ่น

 

“หยุดนะ”

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ หัวใจของเสิ่นหรงเจียพลันสั่นไหว ทำไมคุณปู่ถึงมาที่นี่ได้ ?

 

ตอนที่อาเจิ้งไปพบเขา ก็ได้มอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหมั่นโถวให้กับเขา เขาเป็นกังวลมาก เขากลัวว่าหากเขาช้าไป หลานสาวที่รักของเขาอาจจะพบปัญหาใหญ่เป็นแน่

 

เสิ่นหรงเจียรีบยัดรีโมทช็อตไฟฟ้าในมือลงลิ้นชัก เพราะหากปล่อยให้ปู่ของเธอเห็น เธอจะต้องเสร็จแน่

 

“คุณปู่”

 

เสิ่นหรงเจียเรียกออกมาเบา ๆ เธอไม่กล้าสบตาที่กำลังโกรธเกรี้ยวของผู้ชรา

 

ฉีเหยียนเอ๋อก็เรียกเจ้าบ้านเสิ่นอย่างเคอะเขิน

 

“คุณปู่”

 

“นั่น… พวกเธอกำลังทำอะไร ?”

 

เจ้าบ้านเสิ่นเอ่ยถาม

 

“คุณปู่ หนูกำลังสอบปากคำนักโทษ !”

 

เสิ่นหรงเจียพยายามแย้มยิ้ม ขณะพูดกับคุณปู่ของเธอ

 

“สอบสวนนักโทษ สอบสวนนักโทษประเภทไหนถึงกับต้องจับนั่งเก้าอี้ช็อตไฟฟ้า ? เธอค้ายาเสพติด หรือเป็นฆาตกร ?”

 

น้ำเสียงของเจ้าบ้านเสิ่นราบเรียบ หากแต่เป็นเพียงความราบเรียบก่อนเกิดพายุลูกใหญ่

 

“เธอทำร้ายตำรวจ ยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างโจ่งแจ้ง อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายรองผู้กำกับสำนักสันติบาล หนูก็แค่สอบปากคำเธอ”

 

เจ้าบ้านเสิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็พยายามระงับโทสะในใจ เขาเหลือบไปมองฉีเหยียนเอ๋อ พลางถอนหายใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

 

“คุณหนูฉี คุณกลับไปก่อน”

 

ฉีเหยียนเอ๋อรู้สึกโล่งใจ เธอคว้ากระเป๋าขึ้นมาถือ จากนั้นก็หันไปมองเสิ่นหรงเจีย เพื่อปลอบใจ

 

“ค่ะ คุณปู่  เช่นนั้นฉันขอตัวกลับก่อน ไว้โอกาสหน้าฉันจะไปเยี่ยมคุณปู่”

 

หลังจากพูดจบ ฉีเหยียนเอ๋อก็จากไป โดยไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย

 

เสิ่นหรงเจียยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน เธอเป็นเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวในตระกูลเสิ่น ดังนั้นคุณปู่เสิ่นจึงรักหลานสาวตัวน้อยคนนี้มาก และเขาก็เข้มงวดกับเธอมากเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงค่อนข้างกลัวคุณปู่

 

เจ้าบ้านเสิ่นปล่อยตัวหมั่นโถวลงจากเก้าอี้ช็อตไฟฟ้า

 

“คุณลู่ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ผมจะจัดการเรื่องนี้แทนคุณเอง”

 

ทันทีที่หมั่นโถวถูกแก้มัด เธอก็หันไปมองเสิ่นหรงเจีย พร้อยรอยยิ้มน้อย ๆ  เธอพยักหน้าเบา ๆ

 

“อืม”

 

เจ้าบ้านเสิ่นออกคำสั่งอีกครั้ง

 

“ใครก็ได้ พาคุณลู่ไปพักผ่อนที่ห้อง VIP ก่อน”

 

หลังจากหมั่นโถวผละไป ประตูห้องสอบสวนก็ปิดลงอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าบ้านเสิ่นมีเรื่องที่จะต้องสะสาง

 

“คุณปู่ ยังไม่บอกหนูเลยว่าทำไมมาถึงที่นี่ได้ ?”

 

ครั้นเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง เสิ่นหรงเจียก็เดินเข้าไปหาเจ้าบ้านเสิ่น เธอจับแขนของคุณปู่ พลางทำหน้าตาน่าเอ็นดู เอ่ยถามเขาด้วยเสียงกระซิบอันอ่อนโยนที่สุด

 

“คุกเข่าลง”

 

เจ้าบ้านเสิ่นตวาดเสียงเข้ม

 

เห็นได้ชัดว่า เสิ่นหรงเจียถึงกับผงะ ทว่าเธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้าบ้านเสิ่น  เธอคุกเข่าลงข้าง ๆ เขา เอ่ยกล่าวด้วยความเสียใจ

 

“คุณปู่ หนูก็แค่จับกุมคนรับใช้มาคนหนึ่ง ทำไมคุณปู่ต้องดุหนูขนาดนี้ด้วยล่ะ ?”

 

 

“คนรับใช้งั้นรึ ?”

 

เจ้าบ้านเสิ่นขว้างกระดาษ A4 สองสามแผ่นฟาดใส่ใบหน้าของเสิ่นหรงเจีย พร้อมกับพูดอย่างโกรธ ๆ

 

“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่า อย่ายุ่งกับตระกูลมู่ ทำไมแกถึงไม่ยอมเข้าใจ ?”

 

น้ำตาของเสิ่นหรงเจียร่วงริน เมื่อเช้า เป็นเพราะใบหน้าของเธอยังคงบวมอยู่มาก เธอจึงทาแป้งหนา ๆ เพื่อปกปิดร่องรอย ทว่าตอนนี้หยดน้ำตารินไหลลงมาเป็นร่องสีขาวซึ่งทำให้แลดูตลกมาก

 

เสิ่นหรงเจียสะอึกสะอื้น เธอหยิบกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาดู มือของเสิ่นหรงเจียสั่นระริก แววตาของเธอฉายชัดว่าไม่อยากจะเชื่อ

 

***จบตอน คนรับใช้งั้นรึ ?***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset