แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 113 ปลวกแทะบ้าน

“ฉันไม่มีเงินจริง ๆ ชิวเต๋อ นี่แกอยากให้ฉันตายไว ๆ ใช่มั้ย ? นี่ฉิงกงก็เพิ่งกลับไปบ้านสกุลเซี่ย ไม่ดีหรอกที่จะไปขอเงินมาให้แกมาก ๆ แบบนั้นน่ะ”

 

ภายในห้องมีเสียงสั่นเครืออย่างคนที่ไม่รู้จะทำเช่นไรดีจากแม่บุญธรรมของเธอ..เซี่ยฉิวเจิน

 

“แล้วพี่ไม่มีเงินบ้างเลยหรือ ? พี่ไม่มีเงิน แต่นังเด็กฉิงกงนั่นต้องมีเงิน พี่ก็แค่ขอเธอมาให้ฉัน ตกลงมั้ย ? พี่สาว อย่างไรเสียฉันก็เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของพี่ พี่จะใจดำทนดูดายไม่สนใจความทะเยอทะยานของน้องชายที่มีมาตลอดชีวิตได้งั้นรึ ?  ทุกอย่างคือความฝันของฉัน แต่ถ้าฉันไม่มีเงินทุน ทุกอย่างมิกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเปล่าประโยชน์หรอกรึ ?”

 

สุ้มเสียงนี้จะไม่ให้เซี่ยฉิงกงคุ้นเคยได้อย่างไร ? ก็มันเป็นเสียงของน้องชายแม่บุญธรรมของเธอ.. เซี่ยชิวเต๋อ

 

พูดถึงเซี่ยชิวเต๋อแล้ว เซี่ยฉิงกงก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง แม้ว่าเขาจะมีฐานะเป็นน้าชายของเธอ ทว่าเขากลับไม่ต่างจากสัตว์นรก

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาตระกูลเซี่ยให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ดังนั้นพวกเขาจึงรัก และตามใจลูกชายคนนี้ทุกเรื่อง ทั้งยังให้ทุกสิ่งที่ลูกชายคนนี้ต้องการเสมอ ขณะที่เซี่ยฉิวเจิน ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวกลับได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากคนรับใช้นับตั้งแต่เด็กราวอยู่กันคนละโลก

 

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก่อนที่พ่อของเซี่ยฉิวเจินจะเสียชีวิต เขามีอาการป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลานานแล้ว สุขภาพของเขาไม่ค่อยดีนัก เซี่ยฉิวเจิน จึงต้องคอยดูแลเขานับตั้งแต่เขาตื่นนอน

 

ครั้นกลางดึกคืนหนึ่งอาการป่วยของเขาทรุดหนัก กระทั่งต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล กลับไม่สามารถโทรติดต่อเซี่ยชิวเต๋อได้ เหมือนเซี่ยชิวเต๋อแสร้งทำเป็นตายไปแล้วอย่างนั้นแหละ

 

ไม่ต้องพูดถึงเวลาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเลย

 

และเซี่ยชิวเต๋อคนนี้ก็ยังทำตัวเป็นปลวกแทะบ้าน ไม่ได้มีคุณธรรม จริยธรรมให้สมกับชื่อของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว เขาก็ปฏิเสธที่จะไปโรงเรียน เขาเอาแต่ขลุกอยู่กับบ้าน

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าขันเป็นที่สุดก็คือ คนที่เธอต้องเรียกว่าตาคนนั้นกลับทิ้งมรดกซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 80 ตารางวา พร้อมด้วยเงินฝากหลายหมื่นหยวนไว้ให้กับเซี่ยชิวเต๋อลูกชายคนเล็กของเขาหลังจากที่เขาเสียชีวิต

 

ส่วนแม่บุญธรรมของเธอ เซี่ยฉิวเจิน กลับไม่ได้รับอะไรแม้แต่หยวนเดียว นอกจากนี้เซี่ยชิวเต๋อยังอ้างว่า เซี่ยลี่ลี่ลูกสาวตัวน้อยของเขาที่กำลังโต และเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมต้องการห้องส่วนตัว เพื่อทบทวนบทเรียน ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เซี่ยฉิวเจินพาเธอ และน้องสาวของเธอ เซี่ยว่านอิง ออกจากบ้านหลังนั้นไปเช่าบ้านอยู่เอง

 

ตอนนั้น เซี่ยฉิงกงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว และชีวิตในมหาวิทยาลัย ก็ทำให้เธอมีเวลาทำงานพาร์ทไทม์หารายได้มาจุนเจือครอบครัว ดังนั้นเธอจึงขอให้แม่ออกจากสถานที่เฮงซวยเช่นนั้นไปเช่าบ้านอยู่กันเองในทันที

 

แม้ว่าชีวิตจะลำบากขึ้น หากแต่เธอก็มีความสุขมากขึ้น   เธอไม่ต้องเผชิญหน้ากับตาแก่หน้าปรุราวกับผิวส้มของเซี่ยชิวเต๋อตลอดทั้งวัน

 

ยังมีการถกเถียงกันอยู่ข้างในห้อง

 

มู่เฉินฮ่าวรู้สึกได้ถึงความผันผวนทางอารมณ์ของเซี่ยฉิงกง เขาจับมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงไว้โดยไม่รู้ตัว

 

เซี่ยฉิงกงก้าวไปข้างหน้า เธอผลักประตูให้เปิดออก

 

“ปัง”

 

เสียงทะเลาะในห้องหยุดลงทันที เซี่ยชิวเต๋อหันหน้าไปมองประตู แล้วเขาก็เห็นเซี่ยฉิงกง ข้างกายเซี่ยฉิงกงคือชายหนุ่มรูปหล่อที่แลดูมีฐานะ

 

ชั่วขณะนั้นรอยยิ้มอันน่าสยดสยองก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“โอ้..ที่แท้ก็หลานสาวนี่เอง ฉิงกงมานี่สิ ให้น้าดูหนูหน่อย น้าไม่ได้เจอหนูนานหลายปีแล้ว”

 

เซี่ยฉิงกงมองเซี่ยชิวเต๋อ จากนั้นเธอก็แสดงท่าทีไม่สนใจเขา เธอเดินไปที่เตียงของเซี่ยฉิวเจิน

 

เซี่ยฉิวเจินอาการไม่ดีนัก เพราะความโกรธที่มีต่อเซี่ยชิวเต๋อ หน้าอกของเธอจึงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงและถี่ ดูเหมือนเธอจะรู้สึกไม่ค่อยสบาย

 

เซี่ยฉิงกงยื่นมือออกไปลูบหลังของเซี่ยฉิวเจิน เพื่อช่วยให้แม่ของเธอผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ

 

“แม่ รู้สึกยังไงบ้างคะ ?”

 

“ฉิงกง แม่ไม่เป็นไร”

 

***จบตอน ปลวกแทะบ้าน***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset