แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 114 ทำไมไม่ปล้นกันเสียเลยล่ะ ?

ครั้นเซี่ยฉิวเจินเห็นลูกสาวของเธอมาหา เธอก็พอจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง จังหวะหายใจของเธอพลันค่อย ๆ ช้าลง

 

เมื่อเห็นเซี่ยฉิงกงไม่สนใจเขา เซี่ยชิวเต๋อก็หน้าเสียไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาก็ยิ่งแลดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก ในใจของเขากำลังนึกสาปแช่งเธอ แต่ครั้นเขาคิดถึงหนี้พนัน 300,000 หยวนแล้ว เซี่ยชิวเต๋อก็ฝืนยิ้ม พร้อมกับหันไปมองมู่เฉินฮ่าว

 

“ขอโทษนะ สุภาพบุรุษท่านนี้คือ ?”

 

เซี่ยชิวเต๋อ เป็นชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ตระกูลเซี่ยส่งคนมารับตัวเซี่ยฉิงกง เซี่ยชิวเต๋อก็ได้ยินมาว่า เซี่ยฉิงกงกำลังจะแต่งงานกับมู่เฉินฮ่าว ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มบริษัทมู่

 

ครั้นพูดถึงตระกูลมู่ นัยน์ตาของเซี่ยชิวเต๋อก็เปล่งประกายเจิดจ้า แม้ว่าเซี่ยฉิงกงจะไม่ได้เกิดจากเซี่ยฉิวเจิน ทว่าเซี่ยชิวเต๋อก็ไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น  เมื่อใดก็ตามที่เขาก้าวออกจากบ้าน เขาก็เลื่อนตำแหน่งตนเองขึ้นเป็นน้าเขยของมู่เฉินฮ่าวประธานกลุ่มบริษัทมู่ทันที

 

และแน่นอนว่ามีน้อยคนนักที่จะเชื่อ

 

“คู่หมั้นของฉิงกง”

 

คำตอบของมู่เฉินฮ่าวนั้นเรียบง่าย

 

“โอ้ เป็นหลานเขยนี่เอง”

 

เซี่ยชิวเต๋อโน้มตัวลงอย่างรวดเร็ว เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็คแฮนด์กับมู่เฉินฮ่าว

 

ทว่ามู่เฉินฮ่าวกลับเลิกคิ้วยืนนิ่ง เขากวาดตามองเซี่ยชิวเต๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า และหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็ยื่นมือออกมา

 

“เป็นคุณชายมู่ใช่มั้ย ?”

 

เซี่ยชิวเต๋อกล่าวย้ำอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

 

“อืม”  มู่เฉินฮ่าวพยักหน้าน้อย ๆ

 

แค่คำว่า “อืม” ก็ทำให้เซี่ยชิวเต๋อดีใจจนบอกไม่ถูก หากชายหนุ่มคนนี้เป็นประธานของกลุ่มบริษัทมู่จริง ๆ ก็น่าที่จะใช้หนี้พนัน 300,000 หยวนให้เขาได้สินะ ?

 

“ฉิงกง หนูไม่แนะนำคู่หมั้นของหนูกับน้าบ้างเลย เขาสง่างามไม่ต่างจากพญามังกร ทั้งยังหล่อเหลาออกปานนี้”

 

เซี่ยชิวเต๋อประจบเอาใจอย่างคล่องแคล่ว

 

“คุณต้องการอะไร ? มีอะไรจะพูดก็พูดมา ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปซะ อย่ามารังควานแม่ของฉันอีก”

 

เซี่ยฉิงกงพูดอย่างขุ่นเคือง

 

“นังเด็กบ้า นังชั่วฉิงกง… ฉันเป็นน้าของแกนะ จะพูดจะจาก็ให้มันดี ๆ หน่อยสิ”

 

เซี่ยชิวเต๋อโมโห ทว่าเพียงเวลาผ่านไปได้ครู่เดียว เขาก็กลืนความโกรธกลับลงลำคอ

 

ริมฝีปากของเซี่ยฉิงกงยกยิ้มเย้ยหยัน

 

“โอ้..แล้วฉันต้องคุยกับคุณยังไงดีล่ะ ?”

 

“เซี่ยฉิงกง อย่าทำแบบนี้ อย่างไรเสียเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถนอมน้ำใจกันไว้ดีกว่า”

 

เซี่ยฉิวเจินที่อยู่ด้านข้าง พยายามเกลี้ยกล่อมเซี่ยฉิงกงพร้อมกับสายตาวิงวอน

 

เซี่ยฉิงกงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ เป็นเช่นนี้เสมอ เซี่ยฉิวเจิน เป็นสตรียุคเก่าแก่ดั้งเดิมที่มักจะคิดว่าต้องทำทุกอย่าง เพื่อครอบครัว และนั่นคือความสุขของเธอ ทว่าสถานะของผู้หญิงในยุคของเธอก็ต้อยต่ำมาก

 

ดังนั้นทุกครั้งที่เธอถูกน้องชายของเธอจิกใช้ เธอจึงยินยอมเสมอ สุดท้ายก็กลายเป็นคนรับใช้ของครอบครัว

 

ครั้นเจ้าบ้านตระกูลเซี่ยลาจากโลก เธอก็คิดว่าบ้านหลังนั้นเป็นของน้องชายเธอ ส่วนตัวเธอเป็นลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว ก็ไม่ต่างจากน้ำที่ถูกสาดออกจากบ้าน

 

ทว่าแนวคิดนี้ผิดอย่างมหันต์ ตอนนี้ผู้หญิงในประเทศจีนมีโอกาสที่จะตระเวนไปทั่วโลก เพื่อทำงานและสร้างรายได้

 

ครั้นเซี่ยชิวเต๋อเห็นเซี่ยฉิวเจินช่วยออกหน้าพูดให้  สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความพึงใจ พี่สาวของเขาแม้จะไร้ค่า ไร้สิ้นเงินทอง ทว่าความขลาดกลัวของเธอก็เป็นประโยชน์แก่เขาเสมอ เธอดูแลปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้เขามีชีวิตที่แสนสุขสบายมาตลอดตั้งแต่วัยเด็ก

 

“พี่สาว นี่ฉิงกงก็มาแล้ว พี่ก็บอกเรื่องที่ฉันคุยกับพี่ให้ฉิงกงรู้สิ พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ไม่ต้องการเห็นความสำเร็จในอาชีพการงานของฉันบ้างหรือ ?”

 

เซี่ยชิวเต๋อถูมือของตนเองไปมาขณะพูด

 

เซี่ยฉิวเจินพูดไม่ออก ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความละอาย เธอหันไปมองเซี่ยฉิงกง หากแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกมา

 

“มีอะไรหรือคะ ? คุณแม่ มีปัญหาอะไร ?”

 

แม้ว่าตอนที่อยู่หน้าประตู เซี่ยฉิงกงจะได้ยินคำว่า 300,000 หรืออะไรสักอย่าง ทว่าเธอก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนนัก

 

หากแต่เซี่ยฉิงกงก็เดาได้ในระดับหนึ่ง

 

เซี่ยฉิวเจินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า

 

“น้าของหนู บอกว่าร้านที่อยู่หน้าหมู่บ้านของเขากำลังจะเลิกกิจการและย้ายไปที่อื่น เขาก็เลยต้องการ ขอเงินแม่ไปเปิดร้านอาหารหม้อไฟสัก 300,000 หยวน”

 

“สามแสนเหรอ ? เซี่ยชิวเต๋อ ทำไมไม่ปล้นกันเสียเลยล่ะ ?”

 

เซี่ยฉิงกงแทบหยุดหายใจทันที 300,000 หยวน ? เซี่ยชิวเต๋อยังกล้ามาขอแม่เธอ

 

***จบตอน ทำไมไม่ปล้นกันเสียเลยล่ะ ?***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset