แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 126 พิธีหมั้นวันที่ 18

“กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ?”

 

เซี่ยฉิงกงผงะ ทำไมโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ไม่ตรวจเรื่องนี้

 

“อาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด คือ อาการที่เกิดจากการมีเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจ และนั่นอาจทำให้เกิดอาการหัวใจวายได้เฉียบพลัน”

 

เซี่ยฉิงกงถามคำถามที่ปกติสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยทุกคนต่างก็ต้องถามกันว่า

 

“แล้วจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ ?”

 

ซูเฟยส่ายหน้า เอ่ยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า

 

“นายหญิงน้อย ตอนนี้ยังไม่มีเทคนิคใด ๆ ในการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอย่างรุนแรงให้หายขาดได้ ทำได้เพียงสามารถควบคุมและบรรเทาอาการ ทว่าโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนี้ หากได้รับการควบคุมดูแลอย่างดี ก็จะไม่มีอันตรายถึงชีวิต”

 

ครั้นได้ยินเช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็พยักหน้า

 

“อืม ขอบคุณมากหมอซู”

 

“ด้วยความยินดี นายหญิงน้อย แต่ฉันเคยเห็นประวัติการรักษาของคุณป้าว่าก่อนหน้านี้เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะอาหารเป็นพิษ ?”

 

“อืม..ใช่ วันนั้นเป็นวันรับปริญญาของรุ่นพี่ฉัน ขณะที่ฉันเพิ่งไปได้เพียงครึ่งทาง คุณแม่ก็โทรมาหา ท่านบอกว่ามีอาการอาเจียน ท้องเสีย เวียนหัว ฉันก็เลยต้องรีบกลับบ้าน เพื่อนำตัวท่านส่งโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่า เป็นเพราะสารไนไตรท์ ไม่ก็อาหารเป็นพิษ คุณแม่ของฉันมักจะงก ท่านชอบทิ้งอาหารข้ามคืนเป็นวัน ๆ แล้วก็ยังเอากลับมากินอีก … “

 

อาหารค้างคืนบางมื้อโดยเฉพาะผักใบเขียวที่ค้างคืนไม่เพียงแต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ หากแต่ยังผลิตไนไตรท์ได้จำนวนหนึ่งเลยทีเดียว

 

แม้ว่าพืชทุกชนิดอาจมีไนเตรตและไนไตรท์ ทว่าก็ไม่เป็นไรหากเข้าสู่ร่างกายแค่เล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตาม หากรับประทานในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ก็อาจนำไปสู่ภาวะเมธฮีโมโกลบินนีเมีย (methemoglobinemia) หมายถึง ภาวะที่กระแสโลหิตมีระดับความเข้มข้นของเมธฮีโมโกลบิน มากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจน จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยฉิงกงก็กดขมับตนเองอย่างทำอะไรไม่ถูก

 

เซี่ยฉิวเจินเป็นเช่นนั้นเสมอ นับแต่เธอยังเด็ก  ในเวลานั้นเซี่ยฉิงกง ไม่อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเช่นนั้นได้ แต่ครั้นเซี่ยฉิงกงเติบใหญ่ขึ้น เธอก็พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินไปด้วยเรียนไปด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวของเธอ

 

นอกจากนี้เซี่ยฉิงกงยังแนะนำอีกว่า เซี่ยฉิวเจินควรหยุดกินอาหารค้างคืนซึ่งไม่ถูกสุขอนามัย อีกทั้งไม่ปลอดภัย เพราะอาจก่อให้เกิดโรคบางอย่าง

 

หากแต่เซี่ยฉิวเจินไม่เต็มใจที่จะปรุงอาหารสดใหม่ทุกครั้ง เธอชอบซ่อนอาหารค้างคืนไว้ และแอบเอาออกมากินคนเดียวอย่างลับ ๆ

 

นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับเซี่ยฉิงกงเสมอมา

 

ทว่าตอนนี้ ไม่เป็นไรแล้ว เพราะนับจากนี้ไปเซี่ยฉิงกงจะไม่ปล่อยให้เซี่ยฉิวเจิน ต้องพบกับความยากลำบากเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว

 

“พอดีฉันได้ดูรายงานการตรวจเลือด และการตรวจน้ำเหลืองของคุณป้าในครั้งนั้น น่าที่จะเป็นเพราะอาหารเป็นพิษเรื้อรัง จากนี้ไปต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น สิ่งนี้อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ หากคุณเป็นมะเร็ง คุณจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกเลย”

 

ในระหว่างรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารของเซี่ยฉิวเจิน เพียงแต่ซูเฟยกังวลว่า หลังจากการรักษาของเซี่ยฉิวเจินสิ้นสุดลง เมื่อเธอกลับบ้าน เธอก็จะกลับไปมีพฤติกรรมการกินเช่นเดิมอีก

 

“อืม”

 

เซี่ยฉิงกงซักถามซูเฟยเกี่ยวกับอาการของเซี่ยฉิวเจิน ส่วนเรื่องการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น มีกำหนดจะดำเนินการหลังจากนี้ครึ่งเดือน

 

ด้านกำหนดพิธีหมั้นของเซี่ยฉิงกงนั้นจะมีขึ้นในวันที่ 18 ของเดือนนี้ เซี่ยฉิวเจินเลี้ยงดูเซี่ยฉิงกงมาตั้งแต่อายุยังน้อย เซี่ยฉิงกงจึงหวังว่า เซี่ยฉิวเจินจะได้เข้าร่วมในพิธีหมั้นของเธอ

 

เซี่ยฉิงกงย้อนกลับไปที่ห้องพักคนไข้ เธอเห็นเซี่ยฉิวเจินกำลังปอกแอปเปิ้ล

 

ทันทีที่เห็นเซี่ยฉิงกงกลับมา เซี่ยฉิวเจินก็ยิ้ม

 

“ฉิงกง มาสิ แม่กำลังจะหั่นแอปเปิ้ลให้หนูกินอยู่ทีเดียว”

 

เซี่ยฉิงกงรู้สึกคัดจมูก

 

“ค่ะ”

 

“แม่ วันที่ 18 เดือนนี้หนูก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้ว หนูจะส่งคนมารับแม่ในตอนเช้านะ”

 

ครั้นเซี่ยฉิวเจินได้ยิน เธอถึงกับผงะไปชั่วขณะ มีดที่กำลังปอกแอปเปิ้ลพลันร่วงหล่นจากมือ

 

“เอ่อ ฉิงกง ตอนนี้หนูก็กลับบ้านสกุลเซี่ยแล้ว แม่ไปคงไม่เหมาะ จะทำให้หนูเสียหน้าได้ อย่าให้แม่ทำหนูอับอายเลย แค่หนูมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้ว”

 

“แม่ วันหมั้นของหนู แม่จะไม่มาได้ไง ?”

 

“สุขภาพของแม่ไม่ค่อยดี … นอกจากนี้แม่ก็เคยเห็นว่าที่ลูกเขยแล้ว… แม่ไม่ไปดีกว่า …”

 

***จบตอน พิธีหมั้นวันที่ 18***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset