แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 134 พยายามที่จะชดเชย

“เราคบกันตั้งแต่วัยรุ่น คุณลืมไปหรือเปล่าว่า ตอนฉันอายุ 15 ปี คุณให้สัญญาอะไรกับฉันไว้ ? คุณบอกว่าวันใดที่คุณรับช่วงกิจการบริษัทจากคุณพ่อของคุณ คุณจะแต่งงานกับฉัน จะจัดงานแต่งงานให้ฉัน คุณปล่อยให้ฉันรอคุณ โอเค ฉันรอคุณ ฉันรอคุณมา 5 ปี แล้วคุณกลับมาบอกอะไรฉัน ?  คุณบอกว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับน่าหลานเซวี่ยลูกสาวคนโตของตระกูลน่าหลานใช่หรือไม่ ? คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม คุณนึกถึงสัญญาที่เคยให้ฉันไว้บ้างรึเปล่า ?”

 

เจินเมี่ยวหยูพูดทั้งน้ำตา

 

“ตอนนั้น ผมผิดไปจริง ๆ แต่หลังจากที่แต่งงานกับคุณแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมก็พยายามชดเชยให้คุณอย่างเต็มที่ไม่ใช่หรือ ?”

 

ในตอนนั้นเป็นเพราะเขารู้สึกละอายต่อเจินเมี่ยวหยู หลังจากการตายของน่าหลานเซวี่ย เจินเมี่ยวหยูไม่อยากพบเซี่ยฉิงกง เซี่ยเจิ้งหัวก็ทำหลับตาข้างหนึ่ง ทั้งที่เขารู้ว่าเซี่ยฉิงกงอยู่ที่ไหน ทว่าเขากลับไม่ไปรับตัวเธอกลับมา

 

เพราะเขาไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อน่าหลานเซวี่ย เขาแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกสาวที่ถูกทิ้งตั้งแต่แรกเกิดคนนี้ ทว่าเขากลับทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับเซี่ยชิงฉวนแทน

 

“พยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยให้ฉัน ฉันพบคุณตอนอายุ 5 ขวบตกหลุมรักกันตอนอายุ 15 ให้กำเนิดเซี่ยชิงฉวนให้คุณตอนอายุ 19 ปี ทว่าในวันเกิดปีที่ 20 ของฉัน คุณกลับแต่งงานกับหญิงอื่น คุณคิดว่าที่ผ่านมาจะชดเชยความเจ็บช้ำที่ฉันได้รับมาทั้งหมดได้งั้นหรือ ?”

 

น้ำตาของเจินเมี่ยวหยูค่อย ๆ ไหลรินลงมา ความทรงจำที่เจ็บปวดในใจของเธอพลันค่อย ๆ เผยปรากฏ ความทรงจำเหล่านี้เจ็บปวดไม่ต่างกับแผลสด ๆ ยามถูกแอลกอฮอล์ราดรด

 

ในตอนนั้น เธอยังเด็กทั้งไม่รู้ประสีประสา เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับคำมั่นสัญญาของเซี่ยเจิ้งหัวที่ให้ไว้ต่อเธอ เธอวาดฝันถึงงานแต่งงานหรูหราตามที่เขาให้สัญญาไว้กับเธอ

 

ไม่คาดคิดว่า เธอจะเห็นข่าวทางทีวีว่า เซี่ยเจิ้งหัวลูกชายคนรองของประธานกลุ่มเซี่ยจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลน่าหลาน

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าของเจินเมี่ยวหยู เซี่ยเจิ้งหัวก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

แม้ว่าเรื่องนี้เขาจะทำไม่ถูกต้อง และติดค้างเจินเมี่ยวหยู

 

ทว่าเขากลับไม่เคยนึกเสียใจเลย

 

ทายาทตระกูลเซี่ยมีสองคน คนหนึ่งก็คือคุณชายรองเซี่ยเจิ้งหัว ส่วนอีกคนก็คือคุณชายใหญ่เซี่ยเจิ้งหนาน ในเวลานั้นประธานกลุ่มเซี่ยก็คือพ่อของ เซี่ยเจิ้งหัว ยื่นข้อเสนอว่า ใครได้แต่งงานกับน่าหลานเซวี่ย ลูกสาวคนโตของตระกูลน่าหลาน คนผู้นั้นจะได้ขึ้นเป็นประธานคนต่อไปของกลุ่มธุรกิจสกุลเซี่ย

 

เพื่อตำแหน่งและมรดก เซี่ยเจิ้งหัวเลือกที่จะตามตื๊อน่าหลานเซวี่ยอย่างไม่หยุดหย่อน กระทั่งสามารถครอบครองหัวใจของน่าหลานเซวี่ยได้สำเร็จ

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตามที

 

“เจินเมี่ยวหยู ตอนนั้น ผมมีปัญหาจริง ๆ แต่หลังจากนั้นผมก็ได้อธิบายให้คุณฟังแล้วนี่ คุณเองยังบอกเลยว่า คุณเข้าใจผมไม่ใช่หรือ ? ทำไมคุณถึงขุดเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาพูดอีกล่ะ”

 

เธอพูดถึงเรื่องราวที่เขาทำไม่ดีไว้ในเวลานั้นต่อหน้าลูกสาว และลูกเขยของเขาอีกด้วย ตอนนี้เซี่ยเจิ้งหัวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

 

“ทำไม คุณจะตำหนิฉันงั้นหรือ ? คุณรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าลูกของคุณใช่ไหม ? โกรธที่เรื่องสกปรกของคุณในเวลานั้นถูกเปิดโปงล่ะสิ ?” เจินเมี่ยวหยูยิ้มเยาะ

 

“หยุดพูดได้แล้ว”

 

“ทำไม ? คุณไม่กล้าให้ฉันพูดต่อรึไง ? เซี่ยเจิ้งหัว ฉันขอบอกคุณไว้เลยว่า ฉันเกลียดคุณมานานหลายปีแล้ว ที่ฉันแต่งงานกับคุณก็เพื่อแก้แค้นคุณเท่านั้น !”

 

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของการประหัตประหาร ตั้งแต่เซี่ยเจิ้งหัวปรากฏตัวขึ้น เซี่ยชิงกงก็เอาแต่ยืนนิ่งเพื่อคอยฟังการสนทนาระหว่างคนทั้งสองอย่างเงียบ ๆ

 

เธอคาดว่า มู่เฉินฮ่าวน่าจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก

 

มู่เฉินฮ่าวเฝ้ามองคนทั้งสองอย่างเฉยชา ในขณะที่ทั้งคู่เกือบจะทะเลาะกันนั้น ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาก็เอ่ยหยันออกมาว่า

 

“เจินเมี่ยวหยูคุณพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ? คุณลุงเซี่ยติดค้างคุณมาห้าปี แล้วตลอดห้าปีนั้นคุณรอเขาจริงหรือ ? เจินเมี่ยวหยูลองคิดดูสิ .. นอกจากนี้ช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมานี้ล่ะ คุณทำอะไรลงไปบ้าง ? คุณรู้ไหมว่าไม่อยากให้คนพูด..คุณก็ต้องไม่ให้คนรู้..ไม่อยากให้ใครรู้..คุณก็ต้องไม่ทำ ?”

 

***จบตอน พยายามที่จะชดเชย***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset