แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 135 ระหว่างคุณกับฉัน เราขาดกัน !

การแสดงออกของเจินเมี่ยวหยูแลดูตื่นตระหนกเล็กน้อย ทว่าเธอก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินฮ่าวจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น เขาอายุเท่าไหร่กันเชียว ? เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้เรื่องนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น คนเราย่อมต้องพยายามเอาตัวรอดด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นเจินเมี่ยวหยูจึงไม่เคยคิดว่าเธอเป็นฝ่ายผิด

 

“ฉันไม่รู้ว่า คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ?”

 

“ไม่รู้จริง ๆ หรือ เจินเมี่ยวหยู คุณลองคิดดูให้ดี ๆ สิ”

 

คิ้วของมู่เฉินฮ่าวเลิกขึ้นน้อย ๆ ดวงตาของเจินเมี่ยวหยูมืดมนลง เจินเมี่ยวหยูไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ

 

“คุณต้องการอะไร ? รถที่ฉันต้องการพร้อมหรือยัง ? คุณยังต้องการให้คู่หมั้นของคุณรอดหรือเปล่า ?”

 

เห็นได้ชัดว่า เจินเมี่ยวหยูเริ่มตื่นตระหนก เศษชามแตกในมือของเธอจี้เข้าใกล้คอเซี่ยฉิงกงมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

“เจินเมี่ยวหยู เขาหมายถึงอะไร ? คุณทำอะไร ?”

 

เซี่ยเจิ้งหัวขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม

 

“สำคัญอะไรสำหรับคุณล่ะ ? เซี่ยเจิ้งหัว วันนี้ระหว่างคุณกับฉัน เราขาดกัน !”

 

แม้ว่าเธอจะเกลียดเซี่ยเจิ้งหัวมากมายเพียงใด ทว่าในใจของเจินเมี่ยวหยูก็ยังคงรู้สึกเศร้าและขุ่นเคือง

 

ทว่าท่าทีของเธอก็ประกาศชัดว่าเธอได้ตัดสินใจแล้วอย่างเด็ดขาด

 

“เมี่ยวหยู !”

 

เซี่ยเจิ้งหัวขมวดคิ้ว พร้อมกับตะโกนออกมา สีหน้าที่แลดูลังเลของเขา ทำให้เซี่ยฉิงกงรู้สึกไม่พอใจเล็ก ๆ

 

“ตัดขาดกันงั้นรึ ? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคุณได้ทำการโอนหุ้น และเงินทุนของบริษัทที่อยู่ภายใต้ชื่อของคุณลุงเซี่ย แล้วคุณต้องการตัดขาดง่าย ๆ งั้นรึ ? จุ๊ จุ๊ จุ๊”

 

ใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่เฉินฮ่าวยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ นัยน์ตาสีเข้มและลึกล้ำคู่นั้นมองมาอย่างกดดัน กระทั่งเจินเมี่ยวหยูไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นสบตา

 

“ว่าไงนะ ? เมี่ยวหยู ? สิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ ?”

 

การแสดงออกของเซี่ยเจิ้งหัว เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

 

แม้ว่าเจินเมี่ยวหยูจะสวมเขาให้กับเขา ทว่าเซี่ยเจิ้งหัวเองก็ทำผิดต่อเจินเมี่ยวหยูมาหลายปี หลังจากนั้น เจินเมี่ยวหยูก็ทำผิดต่อเขาในช่วงห้าปีที่ผ่านมาเช่นกัน

 

หากแต่เจินเมี่ยวหยูอายุน้อยกว่าเซี่ยเจิ้งหัว 6 ปี ยามนี้เซี่ยเจิ้งหัวมีอายุมากกว่า 50 ปี ส่วนเจินเมี่ยวหยูเพิ่งมีอายุแค่ 40 กว่าปี เรียกได้ว่ายังเต็มไปด้วยความต้องการตามสัญชาตญาณ

 

“แล้วถ้าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงล่ะ ? เซี่ยเจิ้งหัว คุณติดค้างฉัน คุณติดค้างฉันกับชิงฉวน เดิมทีฉันก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำแบบนั้น คุณเองก็รู้ว่าลูกสาวคือชีวิตของฉัน ชิงฉวนมีความหมายกับฉันมาก ดังนั้นอย่าโทษฉันเลย”

 

“ผมปฏิบัติต่อคุณ และเซี่ยชิงฉวนไม่ดีตรงไหน ? เมี่ยวหยู ผมดูแลชิงฉวนอย่างดีนับแต่เล็กจนโต นี่ยังไม่ดีพออีกงั้นหรือ ? ผมให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ และสำหรับคุณ ผมรู้ว่าช่วงเวลาห้าปีนั้นผมผิดต่อคุณ ทว่าที่ผมพยายามชดใช้ให้คุณตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้ ยังไม่เพียงพออีกงั้นหรือ ? เมี่ยวหยู ในใจของคุณคิดได้เพียงว่าผมไม่ดีกับคุณ ในใจของคุณผมไม่มีคุณงามความดีบ้างเลยงั้นหรือ ?”

 

เซี่ยเจิ้งหัวรู้สึกผิดจริง ๆ เซี่ยชิงฉวนเติบโตขึ้นมาด้วยสองมือของเขา เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเธอไม่ต่างจากไข่ในหิน

 

ขนาดเซี่ยฉิงกงซึ่งเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขาเช่นกัน เมื่อเขารับเธอกลับมา เขาก็แค่ทักทายเธอสองสามประโยค มอบสมบัติบางอย่างให้เธอติดตัวบ้าง ทว่าตั้งแต่เธอยังเด็กเขาก็ไม่เคยดูแลเธอเลย และตราบกระทั่งตอนนี้ เขากับเธอก็ได้พบกันอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ครั้งด้วยซ้ำ

 

“เซี่ยเจิ้งหัว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างคุณเองก็รู้หมดแล้ว มู่เฉินฮ่าวของที่ฉันต้องการล่ะ ให้คนจัดหามาพร้อมหรือยัง ?”

 

“พร้อมแล้ว”

 

“อยู่ที่ไหน ?”

 

เซี่ยฉิงกงก้มหน้าลงยิ้มน้อย ๆ ดวงตาของเธอปรากฏรอยยิ้มเยาะ

 

“ทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้ว แต่เราไม่ได้วางแผนที่จะมอบให้คุณ … ”

 

พูดจบ เซี่ยฉิงกงก็ยกมือซ้ายขึ้นช้า ๆ  พลันมือขวาก็แตะสวิตช์บนวงแหวนหัวมังกร ชั่วขณะนั้นลูกเหล็กขนาดเล็กก็ถูกยิงออกจากวงแหวน ตรงเข้าที่ข้อมือของเจินเมี่ยวหยูพอดิบพอดี

 

จู่ ๆ เจินเมี่ยวหยูก็รู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณข้อมือของเธอ เศษชามกระเบื้องแตกร่วงหล่นลงกับพื้นพร้อมเสียง ‘เคร้ง’ มันแตกออกเป็นสองซีกอีกครั้ง

 

หมั่นโถวกวาดตามองอย่างรวดเร็ว มือของเธอว่องไวมากเช่นกัน ทันทีที่เซี่ยฉิงกงเป็นอิสระจากอ้อมกอดของเจินเมี่ยวหยู เธอก็รีบสาวเท้าไปข้างหน้ายื่นมือไปจับข้อต่อบริเวณหัวไหล่ของเจินเมี่ยวหยูบิดไปด้านหลัง จากนั้นก็ เตะข้อพับบริเวณหัวเข่าทำให้เจินเมี่ยวหยูทรุดลงคุกเข่ากับพื้น

***จบตอน ระหว่างคุณกับฉัน เราขาดกัน !***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset