แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 139 ตรวจเลือดเซี่ยเจิ้งหัว

เจินเมี่ยวหยูกระซิบข้างหูของเซี่ยชิงฉวน เสียงของเธอเบามาก

 

ดังนั้นเซี่ยฉิงกง, มู่เฉินฮ่าว, เซี่ยเจิ้งหัว และคนอื่น ๆ จึงไม่ได้ยินสิ่งที่เจินเมี่ยวหยูพูด

 

เซี่ยเจิ้งหัวคิดเพียงว่าทั้งสองคนต้องการกล่าวคำร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย เขามองเซี่ยชิงฉวนด้วยสายตาที่ดูซับซ้อน เขามองใบหน้าของเธอที่ไม่มีส่วนละม้ายคล้ายเขาเลย เขาเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้มาตั้งแต่เด็ก เฝ้าทะนุถนอมเธอมานานหลายปี เขาเพิ่งรู้ว่า สุดท้ายแล้วเขาก็แค่เลี้ยงลูกให้คนอื่น

 

เธอเป็นลูกสาวของคนอื่น

 

โชคดีที่เขายังมีลูกสาวที่ฉลาดเฉลียว และมีความประพฤติดีอย่างเซี่ยฉิงกง ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจิ้งหัวก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

 

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เซี่ยชิงฉวนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี  ?

 

สิ่งที่เจินเมี่ยวหยูพูดกับเธอเมื่อครู่ ทำให้เซี่ยชิงฉวนเอะใจ

 

“หนูเข้าใจแล้ว แต่คุณแม่คิดจะทำอะไร ?”

 

เจินเมี่ยวหยูยกยิ้มอย่างไม่เต็มใจ

 

“แม่ไม่เป็นไรหรอก อย่างมากก็แค่ไปนอนในคุกสักสองสามวัน หนูรีบไปหาคน ๆ นั้นนะ แล้วเขาจะมาช่วยแม่เอง”

 

“ตกลง คุณแม่รอก่อนนะ หนูจะไปตามเขามาช่วยคุณแม่อย่างแน่นอน”

 

เซี่ยชิงฉวนร้องไห้ เธอยกมือขึ้นแตะท้องของตน พร้อมกันนั้นก็หันไปมองเซี่ยฉงกง ชั่วขณะนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนคนสิ้นหวัง

 

ผู้หญิงคนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำให้เธอผู้ซึ่งเป็นถึงคุณหนูรองของตระกูลเซี่ยต้องตกกระป๋องกลายมาเป็นลูกสาวของพ่อบ้าน

 

เซี่ยชิงฉวนเข้าใจถึงฐานะที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างสองสถานะนี้ และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็ไม่สามารถอยู่ในบ้านสกุลเซี่ยได้อีกต่อไป

 

เซี่ยชิงฉวนหันกลับมามองเจินเมี่ยวหยูอย่างเศร้า ๆ เธอเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

 

มู่เฉินฮ่าวพูดอย่างเฉยเมย ทว่าไม่ต่างจากคำตัดสินประหารชีวิตเช่นเคย

 

“ได้เวลาแล้ว ส่งตัวไปที่สำนักสันติบาลเถอะ”

 

“ขอรับ นายน้อย”

 

อาเจิ้งก้าวออกไปข้างหน้า เขาแบกเจินเมี่ยวหยูเดินออกจากประตูบ้านตระกูลเซี่ยไปอย่างง่ายดาย

 

ครั้นเจินเมี่ยวหยูถูกพาตัวออกไป หมอซูก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องเครื่องมือแพทย์ขนาดใหญ่

 

“นายน้อย นายหญิงน้อย”

 

หมอซูพยักหน้าแสดงความเคารพให้แก่เซี่ยฉิงกงและมู่เฉินฮ่าว

 

“หมอซู ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว โปรดช่วยตรวจร่างกายของคุณพ่อฉันหน่อยว่าท่านมีปัญหาอะไรหรือไม่ ? ฉันได้ยินมาว่าท่านอาหารเป็นพิษ”

 

“ได้สิ นายหญิงน้อยไม่ต้องกังวล ก่อนหน้านี้ที่นายน้อยโทรหาฉัน เขาก็บอกแล้วว่า อาจจะอาหารเป็นพิษ ฉันจึงได้เตรียมยารักษาโรคอาหารเป็นพิษมาด้วยหลายขนานเลย”

 

เซี่ยฉิงกงพยักหน้าอย่างขอบคุณ พร้อมกับกล่าวว่า

 

“อืม ขอบคุณ”

 

“นายท่านเซี่ย คุณช่วยตามฉันไปที่รถพยาบาลจะได้ไหม ? ในรถมีอุปกรณ์ตรวจเลือดชนิดพิเศษ ฉันจะตรวจให้คุณเอง”

 

เซี่ยเจิ้งหัวพยักหน้าตอบว่า

 

“งั้นก็รบกวนด้วยนะหมอซู”

 

เช้าวันนี้เซี่ยเจิ้งหัวรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว เขาอาเจียนและท้องร่วง เขาคิดว่าเป็นเพราะเขากินอาหารผิดสำแดง

 

เขาจึงไปโรงพยาบาลพร้อมกับเจินเมี่ยวหยู และโจวหยุนเซินเพื่อเข้ารับการตรวจด้วยกัน

 

ผลการตรวจก็คือเซี่ยเจิ้งหัวมีอาการอาหารเป็นพิษ ทว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาจึงแค่กินยาและกลับมาพักที่บ้าน

 

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เจินเมี่ยวหยูก็ป้อนยาให้เขา และปล่อยให้เขาพักผ่อน หากแต่ไม่คาดคิดว่า ตอนอยู่ในห้องนอน เขากลับได้ยินอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากได้ยินมาทั้งชีวิต

 

ทุกคนมาที่รถพยาบาลพร้อมกัน เพื่อรอหมอซูตรวจร่างกายเซี่ยเจิ้งหัว

 

หลังจากเจาะเลือดออกไปตรวจแล้ว หมอซูก็รับรายงานผลการตรวจ และอ่านรายงานนั่นอยู่เป็นเวลานาน คิ้วเรียวสวยของเธอย่นเล็กน้อย

 

เซี่ยฉิงกงรีบถามว่า “เป็นอะไรไป รายงานผลการตรวจของพ่อฉันเป็นอย่างไร ? ไม่ใช่อาหารเป็นพิษหรอกหรือ ?”

 

หมอซูส่ายศีรษะ “ในร่างกายของนายท่านเซี่ยมีไนไตรต์เป็นจำนวนมาก ดูเหมือนว่าจะกินอะไรที่ไม่สะอาดอาหารจึงเป็นพิษ … เอ่อ เมื่อวานนี้ นายท่านเซี่ยได้กินอาหารหมดอายุ หรือได้กินอาหารค้างคืนบ้างไหม ?”

 

ด้วยเหตุที่ตระกูลเซี่ยเป็นคนดัง ทั้งยังเป็นชนชั้นสูงเช่นกัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องมีพ่อครัวระดับห้าดาวที่เชี่ยวชาญในการปรุงอาหารอยู่ประจำบ้าน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะปล่อยให้เขากินอาหารค้างคืน ?

 

เซี่ยเจิ้งหัวส่ายศีรษะ “ไม่น่านะ เมื่อวานนี้ผมกินอาหารกลางวันกับเซี่ยฉิงกง และนายน้อยมู่ จากนั้นก็กินอาหารเย็นกับเจินเมี่ยวหยู และเซี่ยชิงฉวน อาหารเหล่านั้นล้วนปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ทั้งหมด”

 

***จบตอน ตรวจเลือดเซี่ยเจิ้งหัว***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset