แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 14 วันตายของแม่ฉัน

“พี่สาวกลับมาอาจมีจุดประสงค์บางอย่างในใจ แม้ว่าเธอจะช่วยให้คุณพ่อได้เซ็นสัญญา แต่หนูไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่มีจุดมุ่งหมายอื่น”

 

เซี่ยชิงฉวน กล่าวเตือนออกมาด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจอะไรนัก

 

ครั้นเซี่ยเจิ้งหัวได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง ความประทับใจที่เขามีต่อเซี่ยฉิงกงก็ลดลงไปอย่างมาก

 

มู่เฉินฮ่าวเฝ้าดูคนทั้งสี่ในครอบครัวนี้ต่างแสดงละครใส่กัน  นับเป็นฉากที่ยอดเยี่ยม มุมปากของเขาพลันยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

 

จู่ ๆ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเซี่ยฉิงกงร้องไห้อยู่ข้าง ๆ มู่เฉินฮ่าวพยายามคาดเดาว่าเธอจะตอบโต้คนพวกนี้กลับด้วยวิธีใด ?

 

ขนาดกระต่ายน้อยที่อ่อนแอ เมื่อถึงคราวจวนตัว มันก็ยังสามารถกัดคนได้

 

แน่นอนว่า เซี่ยฉิงกงหรี่ตาลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มืดมนของ เซี่ยเจิ้งหัว จากนั้นก็กวาดตาไปมองเจินเมี่ยวหยู และเซี่ยชิงฉวนผู้ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าเยาะเย้ย เธอกล่าวออกมาด้วยริมฝีปากสั่น ๆ

 

“แต่พรุ่งนี้เป็นวันตายของคุณแม่ … ”

 

ต๋อม..

 

ไม่ต่างจากก้อนกรวดเล็ก ๆ ที่ตกลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ ในที่สุดระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้น

 

ห้องนั่งเล่นเงียบอย่างน่าประหลาดใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเซี่ยฉิงกงเท่านั้น

 

ประโยคนี้ส่งผลกระทบมากมายต่อหัวใจของทุกผู้คน

 

เซี่ยเจิ้งหัวรู้สึกสะเทือนใจมากที่สุด ในวันเสียชีวิตของอดีตภรรยา เขากลับผลักไสลูกสาวที่เพิ่งกลับมาบ้าน หลังจากหายตัวไปนานหลายปีออกไปอย่างไม่แยแส ไม่..นี่ไม่ต่างจากขายลูกสาวตัวเองเลย

 

นอกจากนี้ เขายังลืมไปแล้วว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่เธอ แล้วเขากลับบีบบังคับให้เธอไปจากที่นี่อีก

 

ไม่ว่าในครั้งนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามที เซี่ยเจิ้งหัวก็โทษว่าเป็นความผิดของตนเอง เขารู้สึกผิดอย่างมาก เขาหันไปมองเซี่ยฉิงกงคำพูดต่างก็จุกอยู่ในลำคอของเขา

 

เซี่ยฉิงกงมองเซี่ยเจิ้งหัว ครั้นเห็นใบหน้าเขากระตุก เธอก็รู้ว่าแผนของเธอได้ผล เธอจึงก้มศีรษะลงพลางเช็ดน้ำตา

 

เมื่อเจินเมี่ยวหยูได้ยินประโยคดังกล่าว การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก คนอยู่มักกลัวการถูกเปรียบเทียบกับคนตายเป็นที่สุด นอกจากนี้ลูกสาวที่อีนังนั่นทิ้งไว้ก็ยังฉลาดเป็นกรดอีกด้วย

 

เซี่ยชิงฉวนไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ แต่ครั้นเห็นว่าทันทีที่พ่อของเธอได้ยินว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ของเซี่ยฉิงกง พ่อของเธอก็ใจอ่อนยังไม่ส่งเซี่ยฉิงกงไปที่บ้านสกุลมู่ในวันนี้ เธอพลันรู้สึกโล่งใจ

 

นี่ก็นับเป็นเรื่องดีสำหรับเธอด้วยจริงมั้ย ?

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยชิงฉวนก็รีบเดินไปยืนข้างเซี่ยฉิงกงทันที

 

“ในเมื่อเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณป้า อย่างนั้นก็เลื่อนการส่งตัวไปอีกสักวันดีมั้ย ?”

 

เซี่ยชิงฉวนก้าวเข้าไปหาพ่อของเธอ ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวยังคงพูดคุยกับมู่เฉินฮ่าว เขากล่าวว่า “เรามีบางอย่างที่ต้องจัดการกันก่อนจริง ๆ ด้วยสิ ผมเองก็กังวลอยู่พักใหญ่แล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายมู่จะรอได้หรือไม่ ?”

 

มู่เฉินฮ่าวพยักหน้า พลางจ้องมองเซี่ยฉิงกง

 

ผู้หญิงคนนี้..ทำให้เขาต้องปรับความคิดใหม่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเธอ

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รออีก 2-3 วันก็คงไม่เป็นไร”

 

มู่เฉินฮ่าวเอ่ยปาก ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เซี่ยฉิงกงยังคงก้มศีรษะลง แสร้งทำเป็นเช็ดน้ำตา ทว่าเวลานี้มุมปากของเธอก็ยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย

 

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว มู่เฉินฮ่าวก็ขอตัวกลับ เซี่ยเจิ้งหัว รู้สึกละอายใจต่อลูกสาวคนโต เขาจึงพยายามมอบสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อชดเชยสิ่งที่เธอต้องสูญเสียไปเป็นเวลาหลายปี

 

เซี่ยฉิงกงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เกือบทั้งคืน ในที่สุดเซี่ยเจิ้งหัวก็กลับไปพักผ่อนพร้อมน้ำตา

 

ครั้นเซี่ยเจิ้งหัวจากไป เซี่ยฉิงกงก็แอบเปิดหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ เธอไต่ลัดเลาะไปตามขอบหน้าต่าง จากนั้นก็ปีนลงไปทางด้านนอกของห้องครัว

 

ที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นย่อมมีข่าวลือ และที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นก็ต้องมีการตบตีแย่งชิง

 

เซี่ยฉิงกงมั่นใจในหลักการข้อนี้ดี เธอจึงแอบซ่อนตัวที่ผนังด้านหลังของห้องครัวอย่างเงียบ ๆ

 

พวกผู้หญิงในตระกูลเซี่ยชอบมาสุมหัวกันที่ครัวหลังบ้าน มีทั้งกลุ่มป้า ๆ และกลุ่มเด็กสาว ต่างก็ชอบมาจับกลุ่มพูดคุย ซุบซิบนินทากัน

 

แน่นอนว่าทันทีที่เซี่ยฉิงกงย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ที่มุมกำแพง เธอก็ได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นข้างในนั้นทั้งหมด

 

“ฉันว่านะ คุณหนูรองน่ะอยากแต่งงานกับมู่เฉินฮ่าว”

 

***จบตอน วันตายของแม่ฉัน***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset