แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 16 ฉันจะให้คุณกินน้ำก๋วยเตี๋ยว

ตอนดึกท้องของเธอจึงร้องครวญครางด้วยความหิวโหย

 

ฉิงกงแอบออกมาจากห้อง เธอตั้งใจเข้าไปในครัว เพื่อดูว่าพอมีอะไรให้กินบ้างหรือไม่ ?

 

หลังจากที่เธอเปิดประตูห้องออกมา และตั้งท่าจะลงบันไดไปชั้นล่าง ฉิงกงก็เผลอเตะกระถางดอกไม้ที่ตั้งอยู่บริเวณประตูล้ม จนเกิดเสียงดังเล็กน้อย เธอตกใจ แต่เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบใคร เวลานี้ทุกคนคงจะหลับสนิท คงไม่มีพวกคนรับใช้เหลืออยู่ในคฤหาสน์แล้ว

 

หลังจากยกกระถางดอกไม้ขึ้นตั้งเหมือนเดิมแล้ว ฉิงกงก็พุ่งตัวไปที่ห้องครัว ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน พ่อครัวแม่ครัว และคนรับใช้ต่างเข้านอนกันหมดแล้ว

 

ทันทีที่เธอเดินไปถึงห้องครัว เธอก็ได้ยินเสียงดังอยู่ภายในห้องนั้น

 

เสียงนั่นเหมือนเสียงของเจินเมี่ยวหยู

 

“เรื่องที่ฉันให้ทำต้องเร่งมือหน่อยนะ หากล่าช้าไปฉันกลัวจะไม่ทันการณ์ นังเด็กเซี่ยฉิงกงนั่นใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ นะ”

 

 

“อืม งั้นก็ตกลงตามนั้น … “

 

 

เซี่ยฉิงกงได้ยินเสียงขาด ๆ หาย ๆ ฟังไม่ชัดเจนนัก

 

อย่างไรก็ตามจากคำพูดของเจินเมี่ยวหยู เซี่ยฉิงกงมั่นใจว่าเจินเมี่ยวหยู ต้องคิดทำเรื่องไม่ดีแน่ ๆ ! ไม่งั้นทำไมจะต้องเข้ามาในห้องครัวกลางดึกกลางดื่นในยามที่ไม่มีใครด้วย ?

 

เสียงฝีเท้าดังออกมาจากห้องครัว แสดงว่าเจินเมี่ยวหยูวางสายแล้ว และกำลังจะออกมา

 

เซี่ยฉิงกงรีบซ่อนตัว เธอรอให้เจินเมี่ยวหยูออกพ้นจากห้องครัวไปก่อน เธอจึงเข้าห้องครัว

 

ตระกูลเซี่ยเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงในนครเซี่ยงไฮ้ บางคราเขาก็เชิญเชฟระดับห้าดาวมาทำอาหารให้ที่บ้านเป็นมื้อพิเศษ ในครัวจึงมีวัตถุดิบ และส่วนผสมสำหรับปรุงอาหารแทบทุกอย่าง … แต่หากอาหารประจำวันเหลือก็จะไม่เก็บไว้ แม้ว่าเจ้านายจะไม่ได้กินอาหารนั่นเลยก็ตามที…

 

ดังนั้นหลังจากที่เซี่ยฉิงกงเดินวนไปวนมาสักพัก เธอก็ต้องถอนหายใจ  และเตรียมปรุงอาหารด้วยตัวเอง

 

เธอใช้ชีวิตอิสระมาตั้งแต่เด็ก แม่บุญธรรมของเธอต้องยุ่งวุ่นวายกับการทำงาน ต้องเลี้ยงเธอและน้องสาวเซี่ยหว่านอิงด้วย ดังนั้นแม่จึงทิ้งหน้าที่การทำอาหารทั้งหมดที่บ้านให้ฉิงกง ด้วยเหตุนี้เธอจึงพัฒนาทักษะในการทำอาหารมาตั้งแต่ยังเด็ก

 

เธอเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างผักใบเขียวสด ๆ จากนั้นก็หยิบซอสเนื้อออกมาทำบะหมี่ซอสเนื้อกิน ชั่วขณะนั้นเซี่ยฉิงกงพลันเหลือบไปเห็นมู่เฉินฮ่าวยืนพิงประตูห้องครัวพลางมองมาที่เธออย่างขัน ๆ

 

ทันทีที่เห็นเขา ฉิงกงก็อารมณ์ไม่ดี แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหล่อเหลาเอาการ หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ทำให้ฉิงกงอยากจะกลอกตามองบนอย่างเอือมระอาเมื่อได้เห็นเขา

 

“คุณหนูใหญ่นึกยังไงถึงลงมาที่ห้องครัวกลางดึกกลางดื่น เพื่อทำอาหารด้วยตัวเองแบบนี้ ?” มู่เฉินฮ่าวกล่าว

 

ฉิงกงเหลือบมองมู่เฉินฮ่าว จากนั้นก็หยิบเนื้อสับ ขึ้นมาทำบะหมี่ซอสเนื้อต่อ

 

“ฉันจะนึกยังไงก็ช่าง ว่าแต่คุณชายมู่ คุณนึกยังไงถึงได้มาที่ห้องครัวบ้านคนอื่นกลางดึกกลางดื่นเพื่อดูคนทำอาหาร ?”

 

แม้จะโดนฉิงกงล้อเลียน มู่เฉินฮ่าวก็ไม่โกรธ เขากลับก้าวเข้าไปหาเซี่ยฉิงกงอย่างช้า ๆ

 

“จุ๊ ๆ ๆ คุณไม่ทำเผื่อผมสักชามเหรอ ?”

 

ฉิงกงมองมู่เฉินฮ่าว จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ มู่เฉินฮ่าวมองรอยยิ้มนั้น พลันเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระแทกหัวใจเขา เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ

 

รอยยิ้มของฉิงกงดูราวกับมีเวทมนตร์ มันผสมผสานระหว่างความมีเสน่ห์ และความไร้เดียงสา ช่างพิเศษเหลือเกิน

 

แต่ประโยคถัดไป ก็ทำให้มู่เฉินฮ่าวอยากทุบเธอสักพลั่ก

 

“อยากกินเหรอ งั้นก็ขอร้องฉันสิ ขอร้องสิ แล้วฉันจะให้น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวคุณสักชาม”

 

ฉิงกงเผชิญหน้ากับชายผู้เย่อหยิ่งเย็นชาตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะหันหน้ากลับไปทำบะหมี่ซอสเนื้อของตัวเองต่อ โดยไม่สนใจมู่เฉินฮ่าวอีก

 

ตามที่คนเขาว่า ‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง’ ดังนั้นการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

 

หลังจากทำบะหมี่ซอสเนื้อเสร็จ ฉิงกงก็ไม่ลืมที่จะล้างมะเขือเทศไว้กินเป็นผลไม้หลังอาหารเย็นด้วย ในครัวของบ้านสกุลเซี่ย แม้ว่าจะไม่มีอาหารสำเร็จรูป ทว่าก็มีส่วนผสมมากมายให้เลือกใช้ในการปรุงอาหาร

 

มู่เฉินฮ่าวนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เขาเอาแต่เอียงคอมองเซี่ยฉิงกงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

ครั้นถูกจ้องมองอยู่แบบนั้น เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกอึดอัด “นี่ คุณชายมู่ ตกลงคุณมาที่นี่เพื่อมาดูฉันกินเนี่ยนะ ทำไมเหรอ ? เป็นงานอดิเรกพิเศษของคุณหรือไง ? การมานั่งดูคนกินเนี่ย ?”

 

***จบตอน ฉันจะให้คุณกินน้ำก๋วยเตี๋ยว***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset