หลังจากได้ยินคำขอของเซี่ยฉิงกง ปากของมู่เฉินฮ่าวก็ยกโค้งพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น
“แล้วถ้าผมไม่รับปากล่ะ ?”
เซี่ยฉิงกงผงะ ถ้าเขาไม่รับปาก เธอก็ไม่มีทางเลือก เพราะอย่างไรเธอก็ตกอยู่ในกำมือของมู่เฉินฮ่าวแล้ว แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ต้องปกป้องสิทธิของเธอไว้ก่อน
“คุณควรจะเห็นด้วยนะ คุณดูสิฉันไม่มีหน้าอก และก้นก็แฟบ แบบนี้คุณชายมู่จะชอบลงเหรอ ใช่มั้ยล่ะ !”
แม้ว่าหุ่นของเซี่ยฉิงกงจะจัดอยู่ในขั้นที่ดีมาก แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงหัวโบราณ ดังนั้นเธอจึงไม่ชอบสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยนัก นั่นย่อมจะปกปิดหุ่นดี ๆ ของเธอเสียหมด
แน่นอนว่า ในผับคราวน์ครั้งนั้นถือว่าเป็นอุบัติเหตุ
เพราะตอนที่มู่เฉินฮ่าวพบกับเซี่ยฉิงกงครั้งแรกในผับคราวน์ ตอนนั้นเธอเห็นผู้หญิงที่เซ็กซี่และมีเสน่ห์มากคนนั้นเดินออกจากห้องของมู่เฉินฮ่าว
ดังนั้นเซี่ยฉิงกงจึงคิดเองเออเองว่า มู่เฉินฮ่าวชอบผู้หญิงแบบนั้น ต้องดูเป็นผู้ใหญ่ และมีท่าทางยั่วยวนมากกว่า
“โอ้..นี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมชอบแบบไหน ?”
“ก็ที่เจอกันในผับคราวน์ ผู้หญิงในห้องของคุณคนนั้นก็ควรเป็นแบบที่คุณชอบใช่ไหม ?”
เซี่ยฉิงกงมองมู่เฉินฮ่าว พร้อมกับถามอย่างระมัดระวัง
มู่เฉินฮ่าวหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ผู้บริหารพลางใช้นิ้วสองสามนิ้วเคาะโต๊ะรัว ๆ เอ่ยกล่าวว่า
“ผู้หญิงคนนั้นควรจะขอบคุณคุณที่ปรากฏตัวขึ้น หาไม่เธอก็คงจะกลายเป็นศพไปแล้ว”
“ทำไม ? หรือคุณชายมู่ชอบข่มขืนศพ ?”
ครั้นได้ฟังบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง อาเจิ้งก็อดรนทนไม่ไหว … นี่พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน ? ไปถึงข่มขืนศพแล้ว …
แล้วสองคนนี่ก็พูดกันดี ๆ ได้ไม่กี่คำ เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก ดังนั้นอาเจิ้งจึงรีบอธิบาย
“นายหญิงน้อย ผู้หญิงที่ปรากฏตัวในผับคราวน์นั่นถูกนายท่านรองแห่งตระกูลมู่ส่งมา เธอเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาระดับมืออาชีพ พวกเรากังวลว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเราปล่อยเสือกลับถ้ำ ทว่าขณะที่เราพยายามหาทางไล่ผู้หญิงคนนี้ คุณก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่คาดคิด”
นายท่านรองแห่งตระกูลมู่ ชื่อ มู่จื่อเหิง เขาเป็นอารองของมู่เฉินฮ่าว เขาก็ไม่ต่างจากชื่อของเขา ชื่นชอบเงิน หลงอำนาจและไม่มีบุตรชาย
ครั้นหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เซี่ยฉิงกงก็โกรธขึ้นมาอีก ในเมื่อทั้งหมดเป็นแค่การเล่นละคร ทำไมจึงคว้าตัวเธอมาฉีกเสื้อผ้าเสียจนขาดหลุดรุ่ย ทำให้เธอผู้ซึ่งกลับไปถึงบ้านตระกูลเซี่ย ต้องโดนดูถูกเหยียดหยามจากเจินเมี่ยวหยูและลูกสาว
“มู่เฉินฮ่าว ในเมื่อเป็นแค่การเล่นละครของคุณ ทำไมคุณต้องทำร้ายฉันขนาดนั้นด้วย !”
เซี่ยฉิงกงเอ่ยถามพร้อมกับกัดฟันกรอด
มู่เฉินฮ่าวเพียงแค่พูดออกมาออกมาเบา ๆ
“ก็ผมมีความสุข”
และนั่นก็ทำให้เซี่ยฉิงกงแทบคลั่ง
ครั้นเห็นแมวน้อยตรงหน้าเขากำลังคลั่ง แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้ มู่เฉินฮ่าวก็ยิ่งอารมณ์ดี
ดังนั้นหลังจากไปถึงบริษัท อาเจิ้งก็รู้สึกว่านายน้อยเปลี่ยนไป นายน้อยไม่ยอมให้อาเจิ้งขับรถให้ เขาบอกว่าเขาอยากขับเองเพราะรู้สึกอยากดริฟท์
แล้วมู่เฉินฮ่าวก็ยังไม่ยอมรับปากเงื่อนไขที่เซี่ยฉิงกงหยิบยกขึ้นมาด้วย
ส่วนเซี่ยฉิงกงนั้น เธอทึกทักเอาเองในใจว่าเขายอมรับแล้ว
ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ถัดจากนั้นสองสามวัน เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกสงบสุขสบายใจมาก เพราะสองสามวันที่ผ่านมานี้มู่เฉินฮ่าวมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลากลับบ้านเลย
เซี่ยฉิงกงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เธอทำตัวสบาย ๆ อาศัยประโยชน์จากเวลาที่มู่เฉินฮ่าไม่อยู่นี้ ตรวจสอบเรื่องของน่าหลานเซวี่ยอย่างละเอียด
ความทรงจำของเธอเกี่ยวกับมารดาผู้ให้กำเนิดนั้นค่อนข้างว่างเปล่า แต่ดูจากภาพถ่าย แม่ของเธอก็ดูเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีน้ำใจ
หลังจากเซี่ยฉิงกงทำการค้นหาข้อมูลอยู่นานหลายวัน จู่ ๆ เธอก็ค้นพบเรื่องซุบซิบนินทาเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยไม่คาดฝัน
ปรากฎว่า พ่อของมู่เฉินฮ่าว มู่จื่อหมิงและน่าหลานเซวี่ยเติบโตมาด้วยกัน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันจนกระทั่งถึงมัธยมปลาย มู่จื่อหมิงนั้นชอบน่าหลานเซวี่ย ทว่าน่าหลานเซวี่ยกลับมองมู่จื่อหมิงเป็นเพียงเพื่อนที่ดีเท่านั้น
และแม้ว่ามู่จื่อหมิงจะรักเธออย่างเต็มหัวใจ ทว่าเขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนในใจของหญิงงาม
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มู่เฉินฮ่าวเคยบอกว่านายท่านมู่ยืนกรานเจตนาให้เป็นตามสัญญาในเวลานั้น นั่นเป็นเพราะเขาชอบแม่ของเธอนี่เอง
เมื่อเขาไม่สามารถแต่งงานกับน่าหลานเซวี่ยได้ ก็ให้ลูกชายของเขาแต่งงานกับลูกสาวของเธอ นั่นก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
***จบตอน หรือคุณชายมู่ชอบข่มขืนศพ ?***