แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 63 ฉีเหยียนเอ๋อ..อิจฉามาก

ตอนแรกฉีเหยียนเอ๋อก็ยังไม่เข้าใจ

 

“นี่เธอหมายถึงอะไร ?”

 

ต่อเมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาท่าทางของเซี่ยฉิงกง เธอจึงเข้าใจว่าเธอโดนแดกดัน ว่าเธอเป็นพวกอีหนูชาเขียว (สวยใสแต่ขายตัว) ชั่วขณะนั้นฉีเหยียนเอ๋อก็โกรธมาก ใบหน้าที่มีการตกแต่งอย่างละเอียดอ่อนพลันบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

 

“เธอ…”

 

ซิงเหวินจิ้งไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนั้น ในตอนนี้เธอหันไปมองซูเฟย พลางเอ่ยถามเสียงดุ ๆ ว่า

 

“เฉินฮ่าวเป็นยังไงบ้าง ไม่บาดเจ็บอะไรมากใช่มั้ย ?”

 

ซูเฟยยิ้มพร้อมกับตอบว่า

 

“นายน้อยไม่เป็นไรค่ะ กระสุนฝังเข้าที่หัวไหล่ แต่ก็ถูกผ่าออกไปแล้ว เพียงแค่นายน้อยเสียเลือดมากเกินไป ได้พักผ่อนมาก ๆ ก็จะดีขึ้นเอง”

 

“ต้องนอนโรงพยาบาลมั้ย ?”

 

“ไม่ต้องค่ะ นายน้อยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ น่าจะต้องพักประมาณครึ่งเดือน”

 

ซิงเหวินจิ้งโล่งใจ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปบอกกับมู่เฉินฮ่าว

 

“เฉินฮ่าวกลับบ้านกับแม่นะ วันนี้แม่จะดูแลลูกเอง”

 

มู่เฉินฮ่าวส่ายศีรษะพร้อมสีหน้าเย็นชา

 

“ไม่ ฉิงกงจะดูแลผมเอง ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณแม่”

 

หลังจากกล่าวจบ มู่เฉินฮ่าวก็เหลือบไปมองเซี่ยฉิงกง พร้อมกับเลิกคิ้ว

 

“นี่คุณยังมัวมองอะไรอยู่อีก ? ทำไมไม่มาช่วยพยุงผมล่ะ ?

 

เซี่ยฉิงกงพยักหน้าให้อาเจิ้ง พร้อมกับขอให้อาเจิ้งมาช่วยดูแลหมั่นโถวแทนเธอ เธอวิ่งไปยืนข้างกายมู่เฉินฮ่าวเพื่อช่วยพยุงเขา

 

มู่เฉินฮ่าวลุกจากเตียง เขากำลังจะใส่รองเท้า

 

“เดี๋ยวก่อน ฉันจะช่วยสวมรองเท้าให้เอง”

 

เซี่ยฉิงกงยิ้มให้มู่เฉินฮ่าวอย่างอ่อนหวาน และนั่นยิ่งทำให้ฉีเหยียนเอ๋อโกรธมากขึ้นไปอีก ทั้งที่เซี่ยฉิงกงเป็นแค่ผู้หญิงชั้นต่ำ ทว่ามู่เฉินฮ่าวกลับยอมรับเซี่ยฉิงกง

 

มู่เฉินฮ่าวมองดูผู้หญิงตรงหน้า ที่คุกเข่าลง ช่วยเขาใส่รองเท้าอย่างขมักเขม้น นัยน์ตาของเขาเผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ไม่อาจเข้าใจได้

 

ทันทีที่มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นยืน เซี่ยฉิงกงก็ค่อย ๆ ประคองรอบเอวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาอย่างระมัดระวัง เธอช่วยพยุงเขาไปที่ประตู

 

มู่เฉินฮ่าวเริ่มทิ้งน้ำหนักมาที่เซี่ยฉิงกงมากขึ้นเรื่อย ๆ ครั้นเขาเดินมาถึงทางเข้าออกโรงพยาบาล เขาก็ไม่สามารถประคองตนเองได้อีกต่อไป น้ำหนักทั้งหมดของเขาจึงทิ้งมาที่เซี่ยฉิงกง

 

“นี่ ไอ้สารเลว พอทีเถอะ ได้คืบจะเอาศอกรึ ? เชอะ !” เซี่ยฉิงกงกัดฟันกรอด

 

มู่เฉินฮ่าวทำหน้าไร้เดียงสา

 

“ผมทำอะไรผิดหรือ ? ก็ผมได้รับบาดเจ็บนี่ อีกทั้งเมื่อครู่นี้คุณไม่ได้ฟังที่ซูเฟยบอกหรือ ? ผมเสียเลือดไปมาก ขาของผมก็ย่อมต้องอ่อนเป็นธรรมดาจริงมั้ย ?”

 

“…”

 

เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออก เธอไม่สามารถกล่าวคำคัดง้างเขาได้

 

เพียงไม่ช้าอาเจิ้งและหมั่นโถวก็ตามออกมา หลังจากขึ้นรถแล้ว อาเจิ้งก็สตาร์ทรถ จากนั้นคนทั้งสี่ก็กลับไปที่บ้านสกุลมู่

 

ในอีกด้านหนึ่ง ฉีเหยียนเอ๋อยังคงอารมณ์คุกรุ่นไม่หายจากการกระทำของเซี่ยฉิงกง ยิ่งมองเห็น ยิ่งได้ยินคนทั้งสองพูดคุยกันเมื่อครู่ ก็ยิ่งทำให้เธอหายใจติดขัด

 

ขนาดเซี่ยฉิงกงจากไปนาน ฉีเหยียนเอ๋อก็ยังไม่หายโมโห

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นฉากสุดท้าย ที่มู่เฉินฮ่าวเอนอิงพิงร่างของเซี่ยฉิงกง มือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงคว้าจับเอวของมู่เฉินฮ่าว ฉากนั้นทำให้ฉีเหยียนเอ๋ออิจฉามาก

 

ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่ฉีเหยียนเอ๋อขยับตัวเข้าใกล้มู่เฉินฮ่าวมากขึ้นนิดนึง มู่เฉินฮ่าวก็จะหลบเลี่ยงถอยห่างออกจากเธอ ทว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงช่วยมู่เฉินฮ่าวสวมรองเท้าได้ ?

 

ทำไมผู้หญิงคนนั้นจึงสามารถโอบเอวเขา แล้วกลับบ้านไปพร้อมกับเขาได้ ?

 

ซิงเหวินจิ้งมองตามหลังลูกชายที่จากไปแล้ว เธอเองก็รู้สึกหมดหวัง หากแต่ก็ยังพยายามปลอบใจฉีเหยียนเอ๋อว่า

 

“เหยียนเอ๋ออย่าโกรธไปเลย หนูต้องเข้าใจว่า ในใจของแม่บุญธรรม หนูจะเป็นลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของตระกูลมู่”

 

“เอ่อ แม่บุญธรรม หนูคงยังไม่ดีพอสำหรับพี่เฉินฮ่าว ดังนั้นเขาก็เลยไม่ชอบหนู แต่หนูจะพยายามให้มากขึ้น”

 

ฉีเหยียนเอ๋อกล่าว ยามนี้หยาดน้ำตาของเธอกำลังจะร่วงหล่น และนั่นทำให้ซิงเหวินจิ้งเป็นทุกข์ตามไปด้วย

 

ซิงเหวินจิ้งจับมือฉีเหยียนเอ๋อ

 

“เอ่อ… หนูกลับมาบ้านครั้งนี้ หนูได้พบคุณพ่อคุณแม่แล้วหรือยัง ? วันนี้หนูกลับไปบ้านแม่บุญธรรมก่อนดีไหม แม่บุญธรรมมีบางอย่างที่จะบอกหนูเกี่ยวกับพี่เฉินฮ่าว”

 

“หนูได้พบคุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ”

 

ฉีเหยียนเอ๋อกะพริบตา เอ่ยกล่าวอย่างว่าง่าย

 

***จบตอน ฉีเหยียนเอ๋อ..อิจฉามาก***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset