โจวหยุนเซินนำร่างของเจ้าสุนัขที่ชื่อ..เอมี่ออกมา ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวหันไปมองเซี่ยชิงฉวนด้วยสายตาแปลก ๆ
เซี่ยชิงฉวนพยายามระงับความเจ็บปวดภายในใจ
“หนูไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าเอมี่มันเป็นอะไรไป หนูไม่สามารถกำราบมันได้ หนูขอโทษที่ปล่อยให้มันทำร้ายพี่สาว”
ช่างสมเป็นแม่ดอกบัวขาวงดงามบริสุทธิ์ในยุคอารยธรรมเฟื่องฟูเช่นนี้จริง ๆ ! (ดอกบัวขาว = ดัดจริต ดังนั้นหมายถึงช่างเป็นแม่สาวดัดจริตระดับตัวแม่ของยุคนี้เลยนะยะ..)
“ฉันไม่เป็นไร”
เซี่ยฉิงกงเล่นละครตามน้ำพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
“แต่หมาของเธอฟันคมดีจัง ดูสิเสื้อผ้าของฉันโดนทึ้งซะเละเทะเลย … “
หลังจากที่เซี่ยฉิงกงแสร้งย้ำเรื่องหมากัดอีกครั้งโดยทำทีเหมือนไม่ตั้งใจ เซี่ยเจิ้งหัวจึงเพิ่งระลึกได้ว่าลูกสาวของตนถูกสุนัขกัด เขารีบเข้ามาตรวจตราเซี่ยฉิงกงด้วยความตื่นตระหนก
แต่ครั้นเห็นว่าเซี่ยฉิงกงไม่เป็นอะไร เซี่ยเจิ้งหัวจึงโบกมือให้คนรับใช้ไปเตรียมน้ำร้อนให้ลูกสาวคนโตอาบก่อน จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อจัดยาให้
เซี่ยชิงฉวนกระทืบเท้าเร่า ๆ
“ปากของแกก็คมเหมือนกันแหละ !”
“นังเด็กคนนี้มองใจคนทะลุปรุโปร่ง ดูเหมือนมันจะรู้ว่า เอมี่เป็นสุนัขของลูก เลยเจตนาฆ่าเอมี่”
เจินเมี่ยวหยูกุมมือของเซี่ยชิงฉวนเพื่อปลอบประโลมให้เธอสงบลง
“ยังไงเสีย..ตระกูลเซี่ยก็ต้องเป็นของเราเท่านั้น”
เซี่ยชิงฉวนรู้สึกโล่งใจขึ้น หากแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนักที่ต้องสูญเสียสุนัขของตน ยิ่งหันมาเห็นเซี่ยฉิงกงกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอในชุดที่มีสีสันสดใส สีหน้าของเธอก็ยิ่งไม่ดีนัก
เซี่ยชิงฉวนรู้ดีว่า..พ่อของเธอรู้สึกผิดต่อผู้หญิงคนนี้เสมอมา หากเซี่ยฉิงกงไม่มีความสุข เซี่ยเจิ้งหัวก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เซี่ยฉิงกงก็ชิงพูดกับเธอด้วยท่าทางเหมือนสำนึกผิด
“พี่ขอโทษนะน้องชิงฉวน พี่ไม่รู้ว่าสุนัขนั่นเป็นของเธอ”
เซี่ยชิงฉวนไม่ได้พูดอะไร เธอเหลือบไปมองพ่อของเธอที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ข้าง ๆ ครั้นเห็นเขายังมีรอยยิ้ม หัวใจของเธอก็ยิ่งถูกปิดกั้น
“พี่คิดว่ามีหมาบ้าหลุดมา คงไม่ดีนักหากมันเผลอไปกัดใครเข้า ดังนั้นพี่ก็เลย…น้องชิงฉวนอย่าโกรธพี่เลยนะ”
“เธอ… ”
เซี่ยชิงฉวนหันหน้าไปตวาด หากแต่ครั้นเห็นพ่อของเธอเลิกคิ้ว พร้อมกับหันมามอง เธอก็ต้องกลืนความโกรธลงไปในทันที
ยิ่งเซี่ยฉิงกงทำตัวอ่อนน้อมเช่นนี้ หากเธอยังคงแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกมา พ่อของเธอก็คงจะไม่ประทับใจเป็นแน่
เซี่ยชิงฉวนกัดริมฝีปากล่างของตน จากนั้นประกายแสงอ่อน ๆ สีขาวก็ก่อตัวเป็นดอกบัวขาวลอยอยู่บนใบหน้าของเธอราวกับพระแม่มารีผู้เปี่ยมด้วยเมตตา
“พี่ฉิงกงอย่าพูดแบบนั้นเลย เป็นความผิดของฉันเองที่เอมี่ไปกัดพี่เข้า อย่าโกรธฉันเลยนะพี่ฉิงกง”
ครั้นเซี่ยฉิงกงได้ยินเช่นนี้ แววตาของเธอก็สว่างไสวขึ้น เธอรีบคว้ามือของ เซี่ยชิงฉวนพลางเขย่าอย่างแรง
“จริงเหรอ น้องชิงฉวนยกโทษให้พี่จริงนะ !”
เซี่ยชิงฉวนไม่ได้พูดในสิ่งที่เธอคิด ชั่วขณะนั้นเธอพลันรู้สึกว่าเล็บอันแหลมคมของเซี่ยฉิงกงกำลังหยิกหลังมือของเธอ เธอได้แต่ยิ้มด้วยความเจ็บปวด เธอผลักเซี่ยฉิงกงอย่างแรง
เซี่ยฉิงกงเซถอยหลังไปสองสามก้าว กระทั่งไปชนเข้ากับมุมตู้ ก่อนจะล้มลงกับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากน่องของเธอ
“ฉิงกง !”
เซี่ยเจิ้งหัวพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างฉับพลันราวกับลูกศร เขามองบาดแผลของเธอด้วยความกังวล ก่อนจะรีบโทรตามหมอเพื่อให้มาทำการรักษา
เจินเมี่ยวหยูกำลังเดินถือถาดผลไม้ออกมา ทันทีที่เห็นเช่นนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความกระวนกระวายใจ
เซี่ยฉิงกงนั่งแปะอยู่บนพื้นด้วยท่าทางน่าเวทนา เธอหลุบตาลง
“ฉันรู้แล้วว่า น้องชิงฉวนไม่ชอบฉัน เช่นนั้นฉันก็สมควรไปจากที่นี่”
เซี่ยเจิ้งหัวรีบพยุงตัวลูกสาวคนโตขึ้นไปนั่งบนโซฟา เขาหันไปมองเซี่ยชิงฉวนด้วยความโกรธ
“ชิงฉวน รีบขอโทษพี่สาวของเธอซะ”
“เค้าหยิกหนู !”
เซี่ยชิงฉวนกรีดร้อง พลางยื่นหลังมือออกให้พ่อของเธอดู
ครั้นเจินเมี่ยวหยูได้ยินก็รีบจับไหล่ของเซี่ยชิงฉวน และมองไปที่มือของเธอ
เซี่ยฉิงกงนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้กำลังมาก เธอรู้ดีว่าควรใช้กำลังแค่ไหนกับคุณหนูผิวบางอย่างเซี่ยชิงฉวน
ดังนั้นหลังจากเซี่ยชิงฉวนโวยวายด้วยความเจ็บปวดแล้ว หลังมือของเซี่ยชิงฉวนก็มีเพียงรอยแดงจาง ๆ ไม่มีร่องรอยของการหยิกใด ๆ เลย
***จบตอน แม่ดอกบัวขาว***