แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 7 แม่ดอกบัวขาว

โจวหยุนเซินนำร่างของเจ้าสุนัขที่ชื่อ..เอมี่ออกมา ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวหันไปมองเซี่ยชิงฉวนด้วยสายตาแปลก ๆ

 

เซี่ยชิงฉวนพยายามระงับความเจ็บปวดภายในใจ

 

“หนูไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าเอมี่มันเป็นอะไรไป หนูไม่สามารถกำราบมันได้ หนูขอโทษที่ปล่อยให้มันทำร้ายพี่สาว”

 

ช่างสมเป็นแม่ดอกบัวขาวงดงามบริสุทธิ์ในยุคอารยธรรมเฟื่องฟูเช่นนี้จริง ๆ ! (ดอกบัวขาว = ดัดจริต ดังนั้นหมายถึงช่างเป็นแม่สาวดัดจริตระดับตัวแม่ของยุคนี้เลยนะยะ..)

 

“ฉันไม่เป็นไร”

 

เซี่ยฉิงกงเล่นละครตามน้ำพร้อมรอยยิ้มที่สดใส

 

“แต่หมาของเธอฟันคมดีจัง ดูสิเสื้อผ้าของฉันโดนทึ้งซะเละเทะเลย … “

 

หลังจากที่เซี่ยฉิงกงแสร้งย้ำเรื่องหมากัดอีกครั้งโดยทำทีเหมือนไม่ตั้งใจ เซี่ยเจิ้งหัวจึงเพิ่งระลึกได้ว่าลูกสาวของตนถูกสุนัขกัด เขารีบเข้ามาตรวจตราเซี่ยฉิงกงด้วยความตื่นตระหนก

 

แต่ครั้นเห็นว่าเซี่ยฉิงกงไม่เป็นอะไร เซี่ยเจิ้งหัวจึงโบกมือให้คนรับใช้ไปเตรียมน้ำร้อนให้ลูกสาวคนโตอาบก่อน จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อจัดยาให้

 

เซี่ยชิงฉวนกระทืบเท้าเร่า ๆ

 

“ปากของแกก็คมเหมือนกันแหละ !”

 

“นังเด็กคนนี้มองใจคนทะลุปรุโปร่ง ดูเหมือนมันจะรู้ว่า เอมี่เป็นสุนัขของลูก เลยเจตนาฆ่าเอมี่”

 

เจินเมี่ยวหยูกุมมือของเซี่ยชิงฉวนเพื่อปลอบประโลมให้เธอสงบลง

 

“ยังไงเสีย..ตระกูลเซี่ยก็ต้องเป็นของเราเท่านั้น”

 

เซี่ยชิงฉวนรู้สึกโล่งใจขึ้น หากแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนักที่ต้องสูญเสียสุนัขของตน ยิ่งหันมาเห็นเซี่ยฉิงกงกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอในชุดที่มีสีสันสดใส สีหน้าของเธอก็ยิ่งไม่ดีนัก

 

เซี่ยชิงฉวนรู้ดีว่า..พ่อของเธอรู้สึกผิดต่อผู้หญิงคนนี้เสมอมา หากเซี่ยฉิงกงไม่มีความสุข เซี่ยเจิ้งหัวก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ

 

แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เซี่ยฉิงกงก็ชิงพูดกับเธอด้วยท่าทางเหมือนสำนึกผิด

 

“พี่ขอโทษนะน้องชิงฉวน พี่ไม่รู้ว่าสุนัขนั่นเป็นของเธอ”

 

เซี่ยชิงฉวนไม่ได้พูดอะไร เธอเหลือบไปมองพ่อของเธอที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ข้าง ๆ ครั้นเห็นเขายังมีรอยยิ้ม หัวใจของเธอก็ยิ่งถูกปิดกั้น

 

“พี่คิดว่ามีหมาบ้าหลุดมา คงไม่ดีนักหากมันเผลอไปกัดใครเข้า ดังนั้นพี่ก็เลย…น้องชิงฉวนอย่าโกรธพี่เลยนะ”

 

“เธอ… ”

 

เซี่ยชิงฉวนหันหน้าไปตวาด หากแต่ครั้นเห็นพ่อของเธอเลิกคิ้ว พร้อมกับหันมามอง เธอก็ต้องกลืนความโกรธลงไปในทันที

 

ยิ่งเซี่ยฉิงกงทำตัวอ่อนน้อมเช่นนี้ หากเธอยังคงแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกมา พ่อของเธอก็คงจะไม่ประทับใจเป็นแน่

 

เซี่ยชิงฉวนกัดริมฝีปากล่างของตน จากนั้นประกายแสงอ่อน ๆ สีขาวก็ก่อตัวเป็นดอกบัวขาวลอยอยู่บนใบหน้าของเธอราวกับพระแม่มารีผู้เปี่ยมด้วยเมตตา

 

“พี่ฉิงกงอย่าพูดแบบนั้นเลย เป็นความผิดของฉันเองที่เอมี่ไปกัดพี่เข้า อย่าโกรธฉันเลยนะพี่ฉิงกง”

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงได้ยินเช่นนี้ แววตาของเธอก็สว่างไสวขึ้น เธอรีบคว้ามือของ เซี่ยชิงฉวนพลางเขย่าอย่างแรง

 

“จริงเหรอ น้องชิงฉวนยกโทษให้พี่จริงนะ !”

 

เซี่ยชิงฉวนไม่ได้พูดในสิ่งที่เธอคิด ชั่วขณะนั้นเธอพลันรู้สึกว่าเล็บอันแหลมคมของเซี่ยฉิงกงกำลังหยิกหลังมือของเธอ เธอได้แต่ยิ้มด้วยความเจ็บปวด เธอผลักเซี่ยฉิงกงอย่างแรง

 

เซี่ยฉิงกงเซถอยหลังไปสองสามก้าว กระทั่งไปชนเข้ากับมุมตู้ ก่อนจะล้มลงกับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากน่องของเธอ

 

“ฉิงกง !”

 

เซี่ยเจิ้งหัวพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างฉับพลันราวกับลูกศร เขามองบาดแผลของเธอด้วยความกังวล ก่อนจะรีบโทรตามหมอเพื่อให้มาทำการรักษา

 

เจินเมี่ยวหยูกำลังเดินถือถาดผลไม้ออกมา ทันทีที่เห็นเช่นนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความกระวนกระวายใจ

 

เซี่ยฉิงกงนั่งแปะอยู่บนพื้นด้วยท่าทางน่าเวทนา เธอหลุบตาลง

 

“ฉันรู้แล้วว่า น้องชิงฉวนไม่ชอบฉัน เช่นนั้นฉันก็สมควรไปจากที่นี่”

 

เซี่ยเจิ้งหัวรีบพยุงตัวลูกสาวคนโตขึ้นไปนั่งบนโซฟา เขาหันไปมองเซี่ยชิงฉวนด้วยความโกรธ

 

“ชิงฉวน รีบขอโทษพี่สาวของเธอซะ”

 

“เค้าหยิกหนู !”

 

เซี่ยชิงฉวนกรีดร้อง พลางยื่นหลังมือออกให้พ่อของเธอดู

 

ครั้นเจินเมี่ยวหยูได้ยินก็รีบจับไหล่ของเซี่ยชิงฉวน และมองไปที่มือของเธอ

 

เซี่ยฉิงกงนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้กำลังมาก เธอรู้ดีว่าควรใช้กำลังแค่ไหนกับคุณหนูผิวบางอย่างเซี่ยชิงฉวน

 

ดังนั้นหลังจากเซี่ยชิงฉวนโวยวายด้วยความเจ็บปวดแล้ว หลังมือของเซี่ยชิงฉวนก็มีเพียงรอยแดงจาง ๆ ไม่มีร่องรอยของการหยิกใด ๆ เลย

 

***จบตอน แม่ดอกบัวขาว***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset