ตอนที่วรรณวิมลถอดเสื้อผ้าออกจนเกือบหมดนั้น ใบหน้าของอนุชิตก็มีรอยยิ้ม ทำให้วรรณวิมลรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตอนที่เธอคิดว่าหนุ่มทั้งสองหลงเสน่ห์ของเธอแล้ว อนุชิตก็ปรบมือในอากาศ และไม่นานก็มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากทางด้านหลังของวรรณวิมล
“ผู้หญิงคนนี้มอบให้พวกนายแล้วกัน เล่นให้เต็มที่เลย ระวังด้วยนะ อย่าให้ตายก็พอแล้ว วีร์ พวกเราไปกันเถอะ”อนุชิตพูดจบแล้วก็หันหลังเดินออกไป เขาเห็นว่าประวีร์ยังยืนอยู่ตรงนั้น ก็หันกลับมาดึงประวีร์
ประวีร์ก็เดินออกไปพร้อมอนุชิต เขาไม่คิดว่าอนุชิตจะมีความคิดแบบนี้ เขาแค่อยากจะซ้อมวรรณวิมลสักที หรือว่าตัดมือของเธอทิ้ง ถึงแม้ว่าเขาจะโหดร้ายแต่ว่าเขาก็เรียบง่ายและหยาบกระด้าง
แต่ว่าถ้าเกิดว่าแบบนี้ วรรณวิมลก็จะยิ่งซวยมากกว่าเดิม วิธีแบบนี้มีแค่อนุชิตเท่านั้นที่จะคิดขึ้นมาได้
“ทำไม? สงสารเหรอ? ถ้ายังงั้นฉันกลับไปบอกให้พวกเขาหยุดดีไหม” อนุชิตเห็นว่าประวีร์ไมู่พูดอะไร เขาก็ยืนนิ่งแล้วก็เอ่ยปากถามประวีร์
“ถ้าเกิดว่าเป็นฉัน จะไม่ทำแบบนี้แน่นอน แบบนี้สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว มันโหดร้ายเกินไป”ประวีร์พูดกับอนุชิต
ตอนที่อนุชิตยังไม่ทันจะพูดอะไรนั้น ประวีร์ก็พูดต่อ “แต่ว่าบทลงโทษแบบนี้ ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก นายทำได้ดีมาก!!”ประวีร์ยื่นมือไปทุบอนุชิตเบาๆ
“ฮ่าๆๆ ฉันก็นึกว่านายจะใจอ่อน! ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงชานายเอง ไปหาคุณหญิงนีรชากันเถอะ ชาที่เธอชงนั้นอร่อยมากเลย” อนุชิตเองก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พวกเขาทั้งสองคนขับรถกันไปที่โรงน้ำชาของนีรชา
พอมาถึงโรงน้ำชา ชลธีก็กำลังดื่มชาอยู่ในนั้น แล้วก็พูดคุยกับนีรชาอยู่
อักลี่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพื่อความปลอดภัยชลธีก็พาอักลี่กลับบ้าน ประวีร์ก็ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญกลับไปที่คฤหาสน์ของชลธี
ทุกเช้านีรชาจะอยู่ที่โรงน้ำชาทุกวัน ส่วนช่วงบ่ายก็จะไปเฝ้าอักลี่ ตอนนี้อารมณ์ของอักลี่ไม่คงที่เป็นอย่างมาก จะร้องไห้อยู่บ่อยๆ
ตอนที่ประวีร์กับอนุชิตไปถึงโรงน้ำชานั้น ดวงตาของทั้งสองคนก็เป็นประกายในทันที นีรชาเห็นแล้วรู้สึกว่าน่าดึงดูดมาก แล้วก็หันกลับไปมองลูกชายของตัวเอง โชคดีที่ลูกชายของตัวเองก็หน้าตาไม่แย่เช่นกัน
“คุณหญิงนีรชา พวกเรามาอีกแล้วครับ วันนี้อยากดื่มชาที่ใหม่ที่สุด”อนุชิตเป็นคนที่ไปไหนแล้วจะไม่กระอักกระอ่วน การมีเขาอยู่บรรยากาศรอบข้างก็จะมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ
“ได้เลย คุณชายอนุชิต ช่วงนี้คุณยุ่งเหรอ ดูเหมือนว่ากำลังทำเรื่องใหญ่อยู่ยังงั้นแหละ รอยยิ้มบนใบหน้าก็มากขึ้นด้วย”เดิมทีนีรชาก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรอนุชิตมากมาย แต่ว่าหลังจากนั้นพอได้ยินลูกชายของตัวเองเล่าว่าอนุชิตช่วยเขาหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผล แล้วเธอก็เริ่มชอบเด็กคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนกัน
“อืม วันนี้ผมได้ทำเรื่องหนึ่งสำเร็จมา ดังนั้นก็เลยมาฉลองกับประวีร์สักหน่อย คุณหญิงนีรชา คุณมีของดีอะไรเอาออกมาให้หมดเลยนะครับ วันนี้ผมเลี้ยงเอง”อนุชิตไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าของตัวเองได้
“เรื่องใหญ่อะไรกัน เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม? ” นีรชาติดเชื้อจากอนุชิตแล้ว เธอเองก็อยากจะฟังว่ามันเป็นเรื่องอะไร
“นี่มันเป็นความลับน่ะครับ เล่าให้คุณฟังไม่ได้ คุณหญิงนีรชา ขอโทษด้วยนะครับ”อนุชิตไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อกี้ให้นีรชาฟัง
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว แล้วชลธีก็ได้รับโทรศัพท์ บอกว่าได้เจอวรรณวิมลที่เขาตามหาแล้ว แต่ว่าตอนนี้เธอยุ่งมาก ต้องรออีกหน่อย
“ชล นายไม่ต้องมาแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งเธอไปสถานีตำรวจแล้วกัน ยังไงก็ตามพวกเราก็ได้แจ้งความไปแล้ว เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการแล้วกัน”ลูซี่พูดกับชลธี ภาพเหตุการณ์นี้มันสยองมาก เธอรู้สึกทนมองไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ว่าก็รู้สึกว่าได้ระบายความโกรธเหมือนกัน วรรณวิมลอยู่ที่นี่และโดนคนพวกนั้นทำเรื่องอย่างว่า ต้องมีคนวางแผนไว้แล้วอย่างแน่นอน แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
“โอเค งั้นฝากเธอด้วยแล้วกัน ก่อนจะส่งไปที่โรงพักอยากทำอะไรก็ทำได้เลย”ชลธีพูดกับลูซี่
“โอเค มันแน่นอนอยู่แล้ว”ลูซี่รู้สึกเคารพนับถือวรรณวิมลจริงๆ แต่ว่าเธอทำกับเด็กคนหนึ่งร้ายแรงขนาดนั้น เธอเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ อีกเดี๋ยวจะให้เธอได้ลิ้มรสรสชาติของความบ้าคลั่ง ดั่งสุภาษิตที่ว่า กรรมใดใคร่ก่อกรรมนั้นยอมคืนสนอง
วรรณวิมลน่าจะนึกไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองพึ่งพาจะไม่ปรากฏขึ้นขึ้นมาเลยในตอนนี้ หลังจากที่เธอได้เจอกับเหตุการณ์วันนี้เธอก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่ได้คลานออกมาจากท้องแม่ของตัวเอง
เวลาที่อักลี่นอนเยอะกว่าเวลาที่เขาตื่นมาก เขาที่พึ่งอายุห้าขวบ ถูกทำร้ายขนาดนี้ เงามืดในหัวใจของเขาไม่สามารถพัดออกได้เป็นเวลานาน
มุกดาก็เฝ้าอยู่ข้างๆ เขาตลอด ตอนที่เขาตื่นขึ้นมา ก็จะได้เจอแม่
“กรี้ด!”อักลี่ร้องออกมา มุกดาก็รีบวิ่งไปตรงหัวเตียงในทันที พวกคุณหมอก็รีบวิ่งเข้ามาในห้อง นี่คือพ่อทูนหัวตัวน้อย ประธานประวีร์กำชับด้วยตัวเองเลย
“อักลี่ แม่อยู่นี่ ลูกไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่” มุกดากอดอักลี่เอาไว้ ให้เขาอยู่ในอ้อมอกแล้วไม่รู้สึกหวาดกลัวขนาดนั้น
อักลี่ลืมตาขึ้นมา สายตาที่ดูฉลาดหลักแหลมของเขาเมื่อก่อนนี้ แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นดวงตาที่ไร้แววตาไปแล้ว
เขามองแม่ที่กอดตัวเองไว้ในตอนนี้ แล้วก็ร้องไห้ออกมา “แม่ครับ ผมกลัว กลัวมากเลย”อักลี่กอดแม่ของตัวเองเอาไว้
“ไม่กลัวนะไม่กลัว พวกเราอยู่นี่ พวกเราอยู่นี่”มุกดากอดอักลี่ แล้วก็ลูบแผ่นหลังของเขาเบาๆ
หมอพวกนั้นไม่ได้สวมใส่เสื้อกาวน์ เพราะกลัวว่าอักลี่จะรู้สึกกดดัน
“แม่ครับ พวกเขาเป็นใครกัน? ” อักลี่มองคนพวกนั้นด้วยความระแวดระวัง
“เป็นพวกลุงๆ ป้าๆ ที่เป็นห่วงอักลี่ไง พวกเขาเป็นคนดีนะ”มุกดาพูดกับอักลี่ เธอส่งสัญญาณให้หมอพวกนั้นออกไปก่อน คนเยอะอาจจะทำให้อักลี่รู้สึกกลัวได้ ตอนนี้เขาค่อนข้างรู้สึกกลัวคนแปลกหน้า
“แม่ครับ แล้วพ่อล่ะ?”อักลี่เงยหน้าขึ้นมา และมองไปรอบๆ ห้อง แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของชลธี
ดวงตาสีเข้มของเขาเปียกชื้น ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ
“พ่อออกไปทำธุระข้างนอกจ้ะ อีกไม่นานก็กลับมาแล้ว อักลี่อยากกินอะไรไหม? เดี๋ยวแม่ให้พ่อซื้อกลับมาให้”มุกดาอดทนต่อความทุกข์ในหัวใจ
“ไม่อยากกินครับ ผมแค่อยากให้พ่อกับแม่อยู่กับผม”อักลี่เอาหัวมุดเข้าไปในอ้อมอกของมุกดาอีกครั้ง มีอ้อมอกของแม่ เขาถึงจะรู้สึกปลอดภัย
“อักลี่ ยายมาเยี่ยมจ้ะ แถมยังเอาของที่หนูชอบกินมาให้เยอะเลยนะ”ทุกวันธาราวดีจะมาเยี่ยมอักลี่อย่างตรงเวลา ตอนนี้เรื่องในบริษัทให้ยศัสวินเป็นคนจัดการ เธอก็ค่อนข้างที่จะมีเวลา ทุกวันก็จะเปลี่ยนวิธีการทำอาหารให้เด็กน้อย
กว่ายศัสวินจะกลับมาก็ตอนเย็น ก็จะมาเยี่ยมอักลี่ในทุกวัน ทุ่มเทมากกว่างานของตัวเอง
“คุณยาย ผมอยากกินขนมปังที่คุณยายทำครับ” อักลี่เห็นคนในครอบครัวหลายคน เขาก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย
“ยายรู้ว่าหนูชอบกินขนมปัง วันนี้ก็เลยทำมาเยอะเลย มา เดี๋ยวยายประคองหนูให้ลุกขึ้น แล้วหนูก็ค่อยๆ กินโอเคไหม? ” ธาราวดีมองดูท่าทางน่าสงสารของหลานชายตัวเอง เธอก็รู้สึกเหมือนมีดแทงเข้ามาที่หัวใจ ถ้าเกิดว่ายศัสวินไม่ห้ามเธอเอาไว้ล่ะก็ เธอจะไปฆ่ายัยวรรณวิมลนั่นให้ตายอย่างแน่นอน