หลิวหลีกำชับในสิ่งที่ควรจะกำชับจนครบถ้วน จากนั้นจึงออกเดินทาง และออกสำรวจเพียงลำพัง
“ไม่รู้ว่าหนทางที่หลิวหลีต้องเดินลำบากหรือไม่” ชิงหลวนเป็นห่วงเล็กน้อย
“เรื่องนี้ใครจะรู้ แต่หลงหลิวหลีเป็นผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่ง มีความสามารถและโชคชะตาที่โดดเด่นกว่าคนทั่วไป น่าจะไม่มีปัญหาอะไร จะต้องหาเพลิงอัคคีเจอแน่” หยวนเทียนมั่นใจในตัวหลิวหลีเป็นอย่างมาก
“ข้าเองก็เชื่อว่าหลงหลิวหลีจะทำได้” เฟยเผิงรู้สึกว่าคนที่มีชะตาฝืนลิขิตฟ้าเช่นนี้ จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน หากว่านางทำไม่สำเร็จ มันก็จะไม่ไปไหน
“นางคือหลิวหลีเชียว” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ย นางคือหลิวหลี สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปมิอาจทำได้ นางจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน
ส่วนฟากหลงหลิวหลีนางออกเดินทางต่อ ไปจนพบถ้ำที่มีแสงสีแดงเปล่งประกาย ตราประทับในมือก็ชี้ไปยังถ้ำนั้น
“ที่นั่นหรือเนี่ย” หลิวหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนในมือ
หลิวหลีสาวเดินช้าๆ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ ความร้อนในมือก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น หลิวหลีเข้าไปในถ้ำก็พบกับทะเลเพลิง ลาวาด้านล่างมีฟองอากาศผุดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ตราประทับในมือยังคงกระพริบ อีกทั้งตำแหน่งที่กระพริบคือ
“หมายความว่าให้ข้าลงไปหรือเนี่ย” หลิวหลีสัมผัสไปตราประทับที่ร้อนระอุบนมือ
ตราประทับร้อนขึ้นมากขึ้นกว่าเดิม ราวกำลังเร่งให้หลิวหลีรีบลงไป
“เจ้าแน่ใจหรือว่าลงไปได้?” หลิวหลีพูดกับตราประทับ ขณะมองดูก้อนหินที่ตกลงไป เพียงครู่เดียวก็เหลือแค่ควัน ถ้านางลงไปก็ถลายเป็นเถ้าสิ
ตราประทับยังคงชี้ไปที่ด้านล่าง หวังว่าหลิวหลีจะลงไป หลิวหลีมองดูลาวาที่เดือดปุดๆ แล้วกลืนน้ำลาย คิดๆแล้วจึงนำเพลิงลมสลาตันออกมาคลุมตัวเองไว้ แต่กลับพบว่าตราประทับนั้นเต้นตุบๆ นี่หมายความว่าอะไร
“เฮ้อ ข้าขอป้องกันตัวเองหน่อยก็ไม่ได้เลยหรือ?” หลิวหลีแสดงออกว่าหากตัวเองไม่ทำอะไรเลย ลงไปอาจจะเหลือแต่ซาก ไม่สิ แม้แต่ซากก็อาจจะไม่เหลือ
ตราประทับเต้นระริก ราวกำลังจะบอกหลิวหลีว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไร
“แต่ข้างล่างร้อนมาก ก้อนหินตกลงไปยังกลายเป็นควัน ข้าตกลงไปคาดว่าคงจะไม่เหลืออะไรเลย” หลิวหลีแสดงท่าทีชัดเจนว่าตนเองไม่สามารถลงไปทั้งอย่างนั้นได้ คาดว่ายังไม่ทันตกลงไป แค่กลางอากาศก็คงจะสลายตัวไม่เหลืออะไรแล้ว
ไม่ว่าตราประทับจะเต้นอย่างไร หลิวหลีก็ไม่สนใจ ทำถึงขนาดก้าวถอยหลังไป 1 ก้าว จนตราประทับเริ่มรู้สึกร้อนใจ และเริ่มอับแสงลง
“ช่างเถอะ ข้ากลัวเจ้าแล้ว หากว่าข้าต้องจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนจะตาย ข้าต้องจัดการเจ้าให้สิ้นซากก่อน” หลิวหลีพูดอย่างโหดเหี้ยม
ตราประทับกลับมาส่องแสง เต้นตุบๆอยู่หลายครั้ง หลิวหลีสูดหายใจเข้าปอดลึก หลับตาแล้วกระโดดลงไป เอ่อ นางยังดีอยู่
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่ารอบกายตัวเองรายล้อมไปด้วยลาวา มีดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ตราประทับชี้ไปที่ดอกบัวเพลิงดอกนี้ อยู่ๆตราประทับก็ส่องแสง แสงจากมือหลิวหลีพุ่งตรงไปที่ดอกบัวเพลิง ดอกบัวเพลิงขยับเล็กน้อย แล้วเปิดออกช้าๆ ทำให้พบเด็กหนุ่มผมสีแดงที่อยู่ด้านใน
เด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนกำลังหลับไหล เมื่อสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบข้างแปลกไป จึงลืมตาขึ้นเป็นดวงตาสีเพลิงคู่หนึ่ง
“เจ้าคือนายท่านคนใหม่หรือ?” เด็กหนุ่มเปิดปากพูด เสียงใสกังวาน เพียงแต่แววตาแฝงไปด้วยความเย็นชาน้อยๆ
“นายท่าน? ข้า?” หลิวหลีชี้ตนเอง นายท่านอะไร
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ใช่แล้ว กลิ่นอายของนายท่าน
ตราประทับบนมือของหลิวหลีเต้นกระตุก แล้วบนหน้าผากเด็กหนุ่มก็ปรากฏตราประทับแบบเดียวกัน หลิวหลีมองตราประทับบนหน้าผากอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“เจ้าคือเพลิงดวงใจพสุธา” หลิวหลีทำตัวไม่ถูก แค่เพลิงลมสลาตันสามารถพูดได้ก็แปลกมากพอแล้ว เพลิงดวงใจพสุธาสามารถกลายร่างได้ด้วย หรือว่ายิ่งมีระดับขั้นสูง เพลิงอัคคีก็จะเป็นเหมือนอสูรที่สามารถกลายร่างเพื่อบำเพ็ญเพียรได้
เด็กหนุ่มหัวเสีย ขยับนิ้วเบาๆ เพลิงอัคคีในร่างของหลิวหลีทั้ง 7 ก็ถูกเรียกออกมา เพลิงอัคคีทั้ง 7 ชนิดวนอยู่รอบๆเพลิงดวงใจพสุธา เพลิงลมสลาตันที่ชอบพูดมากก็เงียบลงแบบที่นานๆจะมีสักครั้ง น้อยครั้งจริงๆที่จะได้เห็น
“เพลิงลมสลาตัน เพลิงดาราทมิฬ เพลิงหทัยสมุทร เพลิงสุวรรณรำไร เพลิงวิญญาณไม้ เพลิงอัสนีคราม เพลิงบุปผาเหมันส์ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจับพี่น้องของข้ามามากมายขนาดนี้” เพลิงดวงใจพสุธาที่กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“จับมา หมายความว่าอะไร ข้าฝึกฝนคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ เวลาบรรลุขั้นจำเป็นต้องใช้เพลิงอัคคี อีกอย่าง ข้าใช้ความสามารถในการพิชิตพวกเขามา ไม่ได้ใช้กำลังเลยแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าว่างไม่มีอะไรทำ มาหาเจ้าที่นี่ เพื่อมายืนเถียงกับเจ้างั้นหรือ” หลิวหลีบอกว่าตัวเองใช้ความสามารถในการพิชิตมา ไม่ได้ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญมาแม้แต่น้อย
เมื่อเพลิงอัคคีอื่นๆได้ยินเข้าก็ปลอบเพลิงดวงใจพสุธา ลอยไปลอยมา ราวกับกำลังพูดอะไร
“พี่สาม นายท่านผู้นี้ไม่ได้บังคับเราจริงๆ” ในที่สุดเพลิงลมสลาตันก็เปิดปาก
“นี่ คนพูดมาก เจ้าไม่เป็นใบ้แล้วงั้นหรือ อีกอย่าง พี่สามที่ว่านี่คือเรื่องบ้าอะไรกัน?” หลิวหลีเห็นเพลิงลมสลาตันพูดขึ้น ก็อดจะแซวไม่ได้ เพียงแต่ว่าพี่สาม หมายถึงเด็กหนุ่มคนนี้งั้นหรือ
“เพราะเห็นพี่สามแล้วตื่นเต้น เพิ่งจะตั้งสติได้” เพลิงลมสลาตันบอกว่าอยู่ๆตนเองก็ได้เจอพี่ชายของตน เลยรู้สึกดีใจ ตื่นเต้นจนไม่เป็นตัวเอง
“เพลิงลมสลาตัน สิ่งที่เจ้าพูดคือเรื่องจริงหรือไม่” เพลิงดวงใจพสุธาเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง นายท่านคนนี้ใช้ได้ อีกอย่างนายท่านผู้นี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา อายุแค่ร้อยกว่าปีก็มีพลังบำเพ็ญเพียรเท่านี้แล้ว เป็นผู้ถูกเลือกในผู้ถูกเลือก” เพลิงลมสลาตันบอกพี่สามของตนเองว่า นายท่านคนนี้สุดยอดมาก เพลิงอัคคีที่เหลือก็กระโดดโลดเต้นอย่างยินดี แสดงออกว่าเห็นด้วย
“ข้าดูก่อนว่าเป็นอย่างที่เพลิงลมสลาตันพูดจริงหรือไม่” เพลิงดวงใจพสุธาพูดจบ ก็ปล่อยลูกไฟพุ่งหาหลิวหลี หลิวหลียังไม่ทันได้คิดอะไรก็ปล่อยพลังเซียนออกไปขวาง ผลคือลูกไฟพุ่งทะลุพลังเซียนพุ่งเข้ามาหาหลิวหลี หลิวหลีเอี้ยวตัวหลบ ผลคือลูกไฟก็หลบหลีกตามนาง
“พี่สาม นายท่านไม่เลวจริงๆ ท่านไม่จำเป็นต้องทดสอบเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตราประทับดวงใจพสุธาของท่านก็อยู่ในที่มือนาง” ความหมายของเพลิงลมสลาตันคือ พี่สามชีวิตของท่านอยู่ในเงื้อมมือนายท่าน ท่านจะทดสอบอะไรอีก
“ข้าย่อมต้องทดสอบสิ ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางคู่ควรมีเพลิงอัคคีมากมายขนาดนี้หรือไม่” สายตาของเพลิงดวงใจพสุธาจับจ้องหลิวหลีที่กำลังหลบไปทั่วราวกับลิง ฝีมือใช้ได้
หลิวหลีรู้สึกว่าเพลิงอัคคีช่างน่ารำคาญ จะสลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด น่าหงุดหงิดจริงๆ ดังนั้นหลิวหลีที่กำลังอารมณ์ร้อนก็ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิ เพื่อปล่อยเปลวเพลิงนี้เข้ามาในร่างกายตนเองนางกัดฟัน ท่องบทสวดเพื่อให้จิตใจสงบ ไม่สนใจลูกไฟพวกนั้น ถึงเพลิงอัคคีจะถูกเรียกออกไปแล้ว แต่เพลิงอัคคีได้หลอมรวมเป็นเส้นลมปราณของตนเอง กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของนาง ตอนนี้เพลิงอัคคีจะปกป้องเจ้านายของตนเอง
“นายท่านผู้นี้ใจกล้าไม่น้อย” เพลิงดวงใจพสุธามองหลิวหลีด้วยแววตาชื่นชม มีพลัง อีกทั้งยังมีความกล้าเหนือคนทั่วไป
“ข้าก็บอกแล้วว่านายท่านคนนี้ไม่เลว พี่สาม ตอนแรกที่ข้าถูกจับขังที่เมืองเทียนสิง แล้วพี่ถูกขังที่นี่ ตอนนั้นคนผู้นั้นบอกว่าพวกเราจะได้เจอเจ้านายที่ดี ข้าอยู่ในมิติหนึ่งของเมืองเทียนสิง นายท่านของข้า ตอนนี้เป็นคนไปพบข้า อีกทั้งนายท่านมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น สามารถอดทนต่อความยากลำบาก เพื่อที่จะรับเพลิงอัคคีได้ไหว นายท่านได้อดทนกับความเจ็บปวดนับหมื่นนับพันเพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกาย” ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเพลิงลมสลาตันจะมีตัวเลือกเดียวคือหลิวหลี แต่ว่าในใจลึกๆก็รู้สึกนับถือหลิวหลี ตอนนั้นเป็นการฝึกฝนที่แสนยากลำบาก นังหนูคนนี้ก็ยังหาเวลามาฝึกฝนร่างกาย เป็นเพราะนางมีร่างกายที่แข็งแกร่ง นางจึงสามารถแบกรับเพลิงอัคคีอย่างพวกเขาได้จำนวนมากโดยที่ร่างไม่ระเบิดไปก่อน
“เจ้าก็รู้ ข้าถูกขังไว้ที่นี่ คนที่ครอบครองตราประทับจะเป็นนายท่านของข้า แต่ข้าก็ไม่ยินดีนัก อย่างไรก็ควรต้องทำการทดสอบความสามารถของนายท่านดูหน่อยใช่หรือไม่” เพลิงดวงใจพสุธาพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย
หลิวหลีท่องบทสวดที่ทำให้จิตใจสงบ จึงพบว่าตนเองได้ใช้กระบวนท่าเคล็ดวิชาคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งยิ่งใช้ก็ยิ่งเร็วขึ้น ตราประทับบนมือตนเองมีอุณหภูมิที่น่าเหลือเชื่อ ศิลาเกสรก้อนนั้นลอยขึ้นไปเหนือหัวหลิวหลีโดยไม่รู้ตัว เพลิงดวงใจพสุธากับเพลิงลมสลาตันที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ก็รู้สึกได้ว่าตราประทับบนหน้าผากร้อนขึ้น นายน้อยผู้นี้
“พวกเจ้ากลับไปเถอะ พี่จะตามไปหาพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” เพลิงดวงใจพสุธาพูดจบ พวกเพลิงลมสลาตันก็กลับเข้าร่างหลิวหลี กลายร่างกลับไปเป็นเส้นลมปราณของตัวเอง เพลิงดวงใจพสุธาก็ไม่ขัดขืน กลายร่างเป็นเปลวเพลิงลอยเข้าหาหลิวหลี
“นังหนูคนนี้ จัดการได้เร็วจริงๆ” เพลิงดวงใจพสุธาพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
เพลิงดวงใจพสุธาไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายหลิวหลี และเพราะประสิทธิภาพของศิลาเกสรกับตราประทับ เพลิงดวงใจพสุธาไหลไปตามอย่างว่าง่าย จนท้ายที่สุดก็เข้าสู่เส้นลมปราณเส้นหนึ่งของหลิวหลี
ภาพมังกรที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแข็งแกร่งมากขึ้น และเกล็ดมังกรมีสีเหลืองเพิ่มขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า สมแล้วที่เป็นดาวมังกร ตามมาทันแล้ว ดาวหมาป่าสวรรค์ ความทะเยอทะยานของเจ้าไม่มีวันสำเร็จหรอก” ผู้เฒ่าที่หอพยากรณ์มองดูดวงดาวหัวเราะแล้วพูดขึ้น โลกบำเพ็ญมีทางรอดแล้ว
แน่นอนว่าหลิวหลีไม่รู้เรื่องพวกนี้ เมื่อครู่ตอนที่เพลิงดวงใจพสุธาเข้าสู่ร่างกายของนาง นางได้ใช้ลูกไฟที่เพลิงดวงใจพสุธาปล่อยมาก่อนนี้ ช่วยให้พลังบำเพ็ญเพียรของตัวเองเพิ่มขึ้นไปอยู่ในขั้นสุดยอด แล้วถึงจะกล้าดูดซึม ตอนนี้เพลิงอัคคีได้ถูกดูดซึมเป็นที่เรียบร้อย ก็เหลือแต่บรรลุช่วงเพื่อเข้าสู่ช่วงมหายานแล้ว หากพูดเช่นนั้น นางก็เหลือแค่ตามหาเพลิงอัคคีชนิดสุดท้าย เพลิงอัคคีอันดับหนึ่งในการจัดอันดับ เพลิงนพเก้ามอดนภา
ณ หมู่บ้านเหยียนหั่ว หงหลินกำลังเล่นอยู่ในลาวาอย่างเบิกบาน ชายหนุ่มข้างๆเหมือนจู่ๆสัมผัสอะไรได้บางอย่าง
“นังหนูคนนั้นรวดเร็วจริงๆ” เหลือแค่ตนเองแล้วงั้นหรือ รู้สึกรอคอยวันที่จะได้เจอ
“ผ่านไปแล้วตั้ง 50 ปี หลิวหลีทำไมยังไม่ออกมาอีก” พลังบำเพ็ญเพียรของชิงหลวนอยู่ในช่วงรวมกายาแล้ว เพราะคำแนะนำดีๆจากยอดฝีมือที่เอ็นดูนาง
…………………….
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 191 เพลิงดวงใจพสุธา
Posted by ? Views, Released on November 23, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
Status: Ongoing
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!