“เช่นนั้น เซียนหยั่งรู้ดวงชะตาหมายความว่าหลิวอิ๋งนั่นแผดเผาพลังชีวิตและพลังเซียนเพื่อทำนายชะตาให้เขาเช่นนั้นหรือ” จักรพรรดินีนภาพฤกษาพูดต่อ ยังมีคนคอยช่วยทำเรื่องชั่วๆด้วย
“มิได้ อาจจะแม่นหรืออาจจะไม่แม่น ตอนนั้นนางน่าจะทำนายเรื่องศัตรูของเยี่ยชิงขวง แต่พวกท่านเองก็รู้ ปกติพวกเรามักจะเกริ่นนำก่อน แต่พลังของนังหนูคนนั้นคงไม่พอ คาดว่าคงพูดได้แค่สองคำแล้วสลบไป หากนางไม่ตั้งใจฝึกฝนบำเพ็ญเพียรได้สลายกลายเถ้าถ่านเป็นแน่” น้ำเสียงของเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ได้ยินน้ำเสียงที่แสนเสียดายของเขาที่ไม่ได้เป็นศัตรูของหลิวหลี ถึงขนาดที่รู้สึกด้วยซ้ำไปว่าทำไมศัตรูของข้าถึงไม่ใช่สามีภรรยาคู่นี้” จักรพรรดินภาสุวรรณนึกถึงน้ำเสียงของเยี่ยชิงขวงแล้ว รู้สึกโชคดีที่เขาเข้าใจผิดไป
“โชคดีที่เขาเข้าใจผิด พวกเรายังสามารถปิดปังไปได้อีกสักพัก จักรพรรดินภาสุวรรณไม่ต้องรีบร้อน อีกไม่นานพวกเราจะเข้าไปช่วยดินแดนนภาสุวรรณแน่” จักรพรรดินภาเพลิงกล่าว ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าผู้กอบกู้ที่แท้จริงนั้นคือคู่สามีภรรยาหลิวหลี
“ต้องรบกวนทุกท่านแล้ว”
เมื่อบทสนทนาจบลง จักรพรรดินภาสุวรรณรู้สึกขบขันอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่เชื่อคำทำนายของเซียนหยั่งรู้ดวงชะตา เห็นของปลอมเป็นของจริง จนไปเจอกับผู้มีฝีมือ ทั้งน่าขันและน่าเวทนา
“จักรพรรดิ ข้ารู้สึกว่าข้าจำเป็นต้องคุยกับท่านเสียหน่อย รอบนี้เราคุยเรื่องหนานกงเวิ่นเทียนกันดีกว่า” ครั้งนี้เยี่ยชิงขวงพูดอย่างเปิดเผย
“หนานกงเวิ่นเทียน?” อยู่ๆจักรพรรดินภาสุวรรณก็รู้สึกว่าเยี่ยชิงขวงเสียสติไปแล้ว คุยเรื่องหลิวหลีนั้นพอเข้าใจ อย่างไรเสียหลิวหลีก็เป็นหญิงงาม เป็นไปตามมาตรฐานความงามของโลกเซียน บวกกับความกล้าหาญที่ต่างไปจากผู้บำเพ็ญหญิงทั่วๆไป ก่อให้เกิดเป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง หากไม่ใช่เพราะนางปักอกปักใจกับหนานกงเวิ่นเทียนเจ้าคนเหลวไหลนั่น คาดว่าคงมีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยที่ยินดีจะครองคู่กับนาง เช่นนั้นหากว่าร่วมกันถกเถียงว่าจะกำจัดหนานกงเวิ่นเทียนอย่างไร พวกเขาคงมีเรื่องให้พูดคุยกัน
“ใช่ หนานกงเวิ่นเทียน เขาเป็นคนเก่ง และเป็นร่างเตาหลอมที่ดีที่สุดสำหรับการบำเพ็ญร่วม พลังบำเพ็ญเพียรจะไม่เพิ่มก็คงยาก” เยี่ยชิงขวงจำได้จากในความทรงจำว่าพวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาก่อน ตอนนั้นเป็นเพราะร่างของหนานกงเวิ่นเทียน เขาจึงได้ครองโลกเบื้องล่างได้รวดเร็วอย่างยิ่ง ตอนนั้นพวกเขาไม่เพียงร่วมเรียงเคียงหมอน แต่เหนานกงเวิ่นเทียนยังเป็นทัพหน้าของเขา หากทำให้คนกลุ่มนี้ไม่สนิทใจกับหนานกงเวิ่นเทียน คิดว่าอาจจะทำให้ตนเองสำเร็จได้เร็วขึ้น
“ร่างเตาหลอม” จักรพรรดินภาสุวรรณคิดไม่ถึงว่าหนานกงเวิ่นเทียนจะมีร่างชนิดนี้ นี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งในสิบล้าน เช่นนั้นหลิวหลีก็น่าจะเป็นคุณสมบัติร่างกายที่ตอบสนองกันและกัน มีเพียงสองคนพึ่งพาอาศัยกันและกัน พลังบำเพ็ญเพียรของพวกเขาสองคนจึงจะพัฒนาไปพร้อมกัน ดังนั้นพวกเขาต้องขอบคุณหนานกงเวิ่นเทียน รูปลักษณ์ภายนอกของหลิวหลีดึงดูดผู้คน ใครจะไปคิดว่าจะมีคุณสมบัติร่างกายที่ทำให้ชายหนุ่มทุกคนต้องประสาทเสีย ไม่อาจมองคนจากภายนอกได้จริงๆ
“ถูกต้อง เป็นอย่างไรล่ะ จักรพรรดินภาสุวรรณ พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันดีไหม?” เยี่ยชิงขวงเห็นจักรพรรดินภาสุวรรณพึงพอใจจึงลอบยิ้มออกมา แม้จะไม่คิดว่าจักรพรรดินภาสุวรรณจะติดกับ แต่ได้เพาะเมล็ดลงไปก็เพียงพอแล้ว
“เอ๊ะ? ข้ามีอะไรแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้ด้วยหรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณหัวเสีย ชักจะดูถูกจักรพรรดินภาสุวรรณอย่างเขามากไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงเวิ่นเทียนนับว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเขาครึ่งหนึ่ง
ตอนนั้นหนานกงเวิ่นเทียนสงสารหลิวหลีที่มักจะเสียเลือดอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงมียาเซียนศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งในสามที่หนานกงเวิ่นเทียนอดทนหลอมยาออกมา สามีภรรยาคู่นี้ล้วนเป็นผู้มีพระคุณของเขา พวกเขาไม่สามารถทำเรื่องเนรคุณได้ คิดว่าใครต่อใครล้วนแต่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเหมือนตนเองที่มักเห็นตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางอย่างพวกเผ่ามารรัตติกาลหรืออย่างไร
“ใช่ ดูไปแล้วจักรพรรดิจะไม่เต็มใจ เช่นนั้นข้าจะรอวันนั้นวันที่ท่านยินยอมพร้อมใจแล้วกัน” เยี่ยชิงขวงพูดจบ บทสนทนาก็สิ้นสุดลง
จักรพรรดินภาสุวรรณมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ความรู้สึกนี้ก็คือต่อจากนี้คาดว่าเขาคงจะถูกรบกวนบ่อยขึ้น
“จักรพรรดินภาสุวรรณ มีเรื่องอันใด” จักรพรรดินภาพสุธาตรัส พลันรู้สึกว่าสีหน้าจักรพรรดินภาสุวรรณแปลกไปเล็กน้อย
“แค่กๆ คือว่า เยี่ยชิงหวงมาพูดคุยกับข้าถึงเรื่องในอดีต เขาดูเหมือนจะมีความทรงจำในหลายภพ คือว่า จักรพรรดิเซียนเวิ่นเทียน ครั้งนี้เป้าหมายของเขาก็คือท่าน ท่านต้องเตรียมตัวไว้ให้ดี” จักรพรรดินภาสุวรรณกล่าวเบาๆ พอพูดเรื่องนี้ จักรพรรดินภาสุวรรณก็ลอบมองไปที่สามีภรรยาคู่นี้อย่างอดไม่ได้ ‘ในหยินมีหยาง ในหยางมีหยิน’ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
“เข้าใจแล้ว” หลิวหลีเข้าใจในทันที ในขณะเดียวกันก็ด่าทออยู่ในใจ ตามหลอกตามหลอนกันจริงๆ ตอนอยู่โลกเบื้องล่างก็ทำเขาหวาดกลัวจนเสียสติไป คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวด้วยใบหน้าเช่นเดิมอีก ที่สำคัญก็คือดวงจิตแตกสลายไปแล้ว เหตุใดยังมีความทรงจำนั้นอยู่อีก เยี่ยชิงขวงกับเยี่ยซิงหวงเป็นเซียนศักดิ์สิทธิ์จากไหนกันแน่
จักรพรรดินีนภาพฤกษาหนาวขึ้นมาทันที สีเขียวที่รู้สึกว่าแสนเจิดจ้าแสบตานี้มีร่องรอยกำลังจะแห้งเหี่ยว แล้วจึงมองผู้ที่แผ่ไอเย็นที่อยู่ข้างๆ
ถึงใบหน้าหนานกงเวิ่นเทียนจะเรียบเฉย แต่ความหนาวเย็นทั่วร่างกายนี้ก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายในใจเขา เยี่ยซิงหวง เยี่ยชิงขวง ตามหลอกหลอนกันจริงๆ หลิวหลีวางมือลงในอุ้งมือของเขา เขาจึงหยุดแผ่ไอเย็นออกมาและแล้วอากาศก็กลับมาอบอุ่นขึ้นทันที ความเขียวขจีของดินแดนนภาพฤกษากลับมาอีกครั้งราวเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน
“น้องหญิง ดีจริงๆที่มีเจ้าอยู่ด้วย” หนานกงเวิ่นเทียนคิดว่าความโชคดีที่สุดในชีวิตเขาคือการได้เจอกับหลิวหลี
“ท่านพี่ ไม่ต้องไปสนใจเยี่ยชิงขวง จะต้องมีวันที่เขาเสียใจ เช่นนั้นพวกเราควรจะเคลื่อนไหวได้แล้ว” หลิวหลีพูดพลางจับมือหนานกงเวิ่นเทียนไว้แน่น ในขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกโมโหอย่างมาก ตั้งใจจะโจมตีสามีของนาง นี่เป็นการเย้ยกรงเล็บมังกร เห็นพยัคฆ์อยู่นิ่งๆ คิดว่านางเป็นแมวไปแล้วหรือ
“ข้าคิดว่า ช่วงนี้ข้าจะต้องถูกรบกวนบ่อยมากแน่” น้ำเสียงของจักรพรรดินภาสุวรรณเหนื่อยหน่าย เขาลำบากจริงๆ แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้ เพราะเขาได้รับรู้แผนการของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน แม้ว่าพวกเขาจะมีบรรดาศักดิ์ แต่ก็ยังต่างจากผู้บำเพ็ญที่บรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนตามธรรมชาติเหล่านั้นอยู่มาก ทว่าเขาทำได้เพียงอดทน เฮ้อ
“ก็จริงอยู่ ข้าไม่เคยเข้าใจเลยว่าเยี่ยชิงขวงคิดจะทำอะไรกันแน่?” จักรพรรดินีนภาธารากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ คาดว่าคงจะอยากแยกพวกเราออกจากกัน แม้ว่าพวกเราล้วนมั่นใจว่าหมายถึงใคร แต่ข้าคิดว่าเยี่ยชิงขวงดูเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่” จักรพรรดินภาเพลิงพูดบ้าง
“เกรงว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อความหมายของมังกรหงส์นั่น อย่างไรเสียคนที่ฆ่าเขาในโลกเบื้องล่างก็คือหลิวหลี” จักรพรรดินีนภาพฤกษากล่าวต่อ
“ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือการที่ศัตรูไม่เริ่มเราก็ไม่ยอมเริ่มน่ะสิ” จักรพรรดินภาพสุธากล่าวบ้าง
“เรื่องด่วนในตอนนี้ก็คือเราควรจัดการจลาจลในแต่ละดินแดนให้เรียบร้อยจะได้เข้าไปช่วยเหลือดินแดนนภาสุวรรณ ไม่ว่าเยี่ยชิงขวงจะทำบ้าอะไรก็ช่าง พวกเราต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม” จักรพรรดิมารเสริม
“อมิตาพุทธ ข้าขอไปช่วยโลกพุทธของข้าก่อน อย่างไรผู้บำเพ็ญสายพุทธก็เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเผ่ามารรัตติกาล” ผู้บำเพ็ญสายพุทธกล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางนี้พวกเราเตรียมการไว้ประมาณหนึ่งแล้ว แค่รอให้เจ้าพวกหนูนั่นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็จะสามารถจับมันไว้ได้ทั้งหมด” จักรพรรดิมารกกล่าวต่อ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ต้องรบกวนทุกท่านด้วย พวกข้าสองคนจะต้องไปสถานที่แห่งหนึ่ง” หลิวหลีพูด จากนั้นก็ออกไปคุยกับหนานกงเวิ่นเทียน
“น้องหญิง เจ้าจะไปไหนหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนถามอย่างสงสัย
“จะไปแสดงอำนาจให้เยี่ยชิงขวงเห็นเสียหน่อย เขาน่าจะสร้างจักรพรรดิเซียนเร่งรัดมาไม่น้อย กำจัดสักครึ่งหนึ่ง พร้อมกันนั้นจะได้ไปดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง” หลิวหลีผูกใจเจ็บ เรื่องของชาติก่อน เขาจะเอามาจำให้ได้อะไร
“ก็จริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับน้องหญิงแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าความคิดนี้ช่างถูกใจเหลือเกิน เพราะหลิวหลีดูดซับไปได้มากที่สุด สัมผัสที่รู้สึกได้จึงค่อนข้างรุนแรง ย่อมรู้ว่าตำแหน่ง ถึงเวลานั้นแล้วอยากเห็นสีหน้าของเยี่ยชิงขวงจริงๆ