แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 224 ขัดกับชะตาชีวิต

ตอนที่เจียงป่าวชิงนั่งรถม้ามาถึงอำเภอฉือเจียก็ใกล้จะค่ำแล้ว นางเลิกม่านรถด้านนอกออกพลางคิดว่าจะไปที่ร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงเพื่อไปดูสภาพบาดแผลของเขาสักนิดสักหน่อยดีไหม แต่ก็ได้ยินคนบังคับรถม้าที่อยู่ข้างนอกพูดขึ้นมาเสียก่อน “แม่นางเจียงมาอยู่ที่อำเภอก็นานแล้ว แม่นางเคยเห็นตลาดกลางคืนของอำเภอฉือเจียหรือยังขอรับ ?”

เจียงป่าวชิงยังไม่เคยเดินตลาดกลางคืน หลังจากที่ได้มีโอกาสมาอยู่ในร่างเจียงป่าวชิงอายุสิบสามนี้ นางก็ยิ่งดูดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา นางเองก็ไม่ใช่คนตาบอดและรู้ดีว่าเมื่อตอนส่องกระจก ถึงแม้นางจะพกเข็มเงินติดตัว แต่ตัวนางเองมีนิสัยไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่นจึงคร้านที่จะออกมาเจอกับปัญหา

เมื่อคนบังคับรถม้าพูดอย่างกะทันหันเช่นนี้ เจียงป่าวชิงใจสั่นทันที แต่นางรู้สึกได้ราง ๆ ว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป

เจียงป่าวชิงมองสีท้องนภาข้างนอกหน้าต่างรถม้าแล้วพูดขึ้นอย่างไตร่ตรอง “ข้าก็อยากไปดูอยู่เหมือนกัน แต่ช่างเถอะ ข้าไม่ได้เห็นเสี่ยวฟ๋านฟ๋านมาทั้งวันแล้ว ข้าคิดถึงนางมาก เรากลับกันดีกว่า”

คนบังคับรถม้าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ได้ขอรับ ทำตามที่แม่นางเจียงบอกขอรับ”

เจียงป่าวชิงปล่อยม่านรถลง พยายามระงับความผิดปกติที่ผุดขึ้นมาในใจเมื่อสักครู่ลง

รถม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ทว่ามั่นคง แต่หัวคิ้วของเจียงป่าวชิงกลับค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันทีละนิด ๆ

ความทรงจำของนางยอดเยี่ยมเสมอ รถม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในรถ แต่ไม่ว่าจะไปทางตรงหรือทางอ้อมต่างก็เหมือนค่อย ๆ ผ่านไปในแผนที่ซอยเล็ก ๆ ของอำเภอฉือเจียที่อยู่ในใจของนาง แต่ตอนนี้ นางสังเกตเห็นว่าเส้นทางที่กำลังไปในขณะนี้มันเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่เร็วที่สุดในการไปยังบ้านของกงจี้

เจียงป่าวชิงรอบคอบมาโดยตลอด ตอนที่รถม้าเริ่มเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ควรไป นางก็รู้ตัวว่าไม่ปกติทันที ทว่านางกลับไม่ได้พูดอะไร เพราะถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเส้นทางเพียงเพื่อระมัดระวังภัยที่อาจตามมา

เจียงป่าวชิงแอบคำนวณเส้นทางอยู่ในใจ แล้วก็ต้องตกใจที่พบว่าเส้นทางนี้ยิ่งไปก็ยิ่งห่างไกลออกไปจากบ้านของกงจี้เรื่อย ๆ และแทบจะอยู่คนละทางเลยก็ว่าได้ นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนเส้นทางใด ๆ อย่างแน่นอน

แววตาของเจียงป่าวชิงหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย นางผ่อนคลายลมหายใจ ตั้งสติแล้วคลำกำไลข้อมือบนมือซ้ายด้วยสีหน้าราบเรียบ

เมื่อคลำกำไลข้อมือได้ก็เบาใจมากขึ้น สุดท้ายนางนึกอยากลองเชิงอีกสักหน่อย จึงอุทานขึ้นเสียงเบา

คนบังคับรถม้ากระตือรือร้นมาก เขารีบถามจากข้างนอกทันที “แม่นางเจียงเป็นอะไรขอรับ”

เจียงป่าวชิงพูดขึ้นเสียงเบา “อยู่ ๆ ข้าก็คิดถึงเพื่อนที่เปิดร้านยาของข้า ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บ ข้าไม่ได้ไปหาเขานานแล้วเพราะเรื่องที่บ้านในช่วงนี้ เจ้าพาข้าไปดูเขาตอนนี้หน่อยได้หรือไม่ ?”

คนบังคับรถม้าขานรับอย่างตรงไปตรงมา “ได้สิขอรับแม่นางเจียง นายท่านบอกให้ข้าฟังแม่นาง แม่นางบอกที่อยู่กับข้าได้เลยขอรับ” ในน้ำเสียงมีความดีใจผสมอยู่จาง ๆ

เจียงป่าวชิงคำนวณในใจ นางบอกที่อยู่ของถนนที่ห่างจากบ้านของเกิ่งจื่อเจียงไปสองสาย

เมื่อคนบังคับรถม้าได้ฟัง เขาก็ยิ่งกระตือรือร้น “ข้ามีภาพความทรงจำกับถนนสายนี้ แต่ซอยเยอะและหาไม่ง่ายเลย ถึงตอนนั้นแม่นางเจียงค่อยชี้ทางให้ข้าก็แล้วกันนะขอรับ”

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ได้”

คนบังคับรถม้าปรับทิศทางของรถบนถนนกว้างข้างหน้าและไปยังสถานที่ที่เจียงป่าวชิงบอก

ในใจของเจียงป่าวชิงรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพราะคนบังคับรถม้าไปผิดทาง ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่าเส้นทางที่คนบังคับรถม้าเลือกพานางไปจะไม่สามารถบอกได้ว่าใกล้ที่สุด แต่ก็เป็นเส้นทางที่ไปยังสถานที่ที่นางบอกจริง ๆ

นี่หมายความว่าอะไร ?

หมายความว่าคนบังคับรถม้าไม่ได้ทรยศกงจี้

อ้าว! เช่นนั้นถ้าหาว่าคนบังคับรถม้าทรยศกงจี้แล้วตั้งใจไปยังสถานที่เปลี่ยวเพื่อลักพาตัวหรือวางแผนลอบทำร้ายนาง แล้วเขาจะไปยังสถานที่ที่นางบอกทำไม ?

เมื่อมาถึงถนนสายที่เจียงป่าวชิงบอก คนบังคับรถม้าก็หยุดรถม้าแล้วเอ่ยถามเจียงป่าวชิงอย่างเคารพ “ถึงแล้วขอรับแม่นางเจียง ด้านหน้ามีซอยมากมาย ไม่ทราบว่าควรไปอย่างไรดีขอรับ ?”

เจียงป่าวชิงบอกทิศทางจากในรถ

คนบังคับรถม้าเข้าไปในซอยเล็ก ๆ นั้น แต่เขากลับมีความงุนงงเจืออยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย “แม่นางเจียง เหมือนจะไม่มีร้านยาอะไรเลย แม่นางจำผิดหรือเปล่าขอรับ ?”

เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร

คนบังคับรถม้ารู้สึกแปลกใจจึงเรียกนางอีกครั้ง “แม่นางเจียงขอรับ…”

ในรถม้าถึงจะมีเสียงของเด็กสาวดังขึ้นอย่างช้า ๆ “เจ้าบอกมาตามตรงว่านายท่านของเจ้าคิดจะทำอะไรในวันนี้ ?”

ในเมื่อไม่ได้ทรยศกงจี้ ถ้าอย่างนั้นพฤติกรรมที่ตั้งใจอ้อมเส้นทางก็คงถูกบงการโดยกงจี้แน่ ๆ เขาคงสั่งให้ถ่วงเวลาอะไรทำนองนั้น

และยิ่งเมื่อนึกถึงตอนที่เพิ่งเข้าอำเภอก่อนหน้านี้ คนบังคับรถม้าที่เดิมทีไม่ค่อยพูดแนะนำอะไรกลับแนะนำให้นางไปเดินตลาดกลางคืน

เจียงป่าวชิงยิ่งเริ่มมั่นใจ …กงจี้ไม่อยากให้นางกลับถึงบ้านในเวลานี้กระมัง

คนบังคับรถม้าตกตะลึงไปสักครู่ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ไหลลงมาจากบนหน้าผากของเขา ตอนที่นายท่านสั่งงานเขา นายท่านกำชับกับเขาว่าเจียงป่าวชิงฉลาดมาก อย่าได้คิดที่จะหลอกลวงนางแต่ให้พยายามสร้างสถานการณ์ในเชิงว่ามันเป็นอุบัติเหตุแทน และค่อยพานางกลับมาหลังจากสัญญาณถูกส่งขึ้นฟ้าแล้ว

เป็นเขาที่สะเพร่าเอง

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเจียงป่าวชิงดูออกได้อย่างไร

แต่ในขณะนี้ไม่สำคัญแล้วว่านางจะดูออกได้อย่างไร คนบังคับรถม้าพูดอย่างไม่มีทางเลือก “แม่นางเจียงกำลังพูดอะไรหรือขอรับ ? ข้าไม่เข้าใจ”

เจียงป่าวชิงเลิกม่านรถก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าแล้วมองคนบังคับรถม้าคนนั้น “คนซื่อสัตย์อย่างเรามาพูดกันตรง ๆ ดีกว่า และถ้าหากว่าเจ้าไม่บอกอะไรก็ไม่เป็นไร แต่ข้าจะหารถกลับไปในตอนนี้แหละ พี่ชายข้ากับฟ๋านฟ๋านของข้าต่างก็ยังอยู่ในบ้านกันทั้งนั้น ข้าเป็นห่วงพวกเขา”

คนบังคับรถม้าประหม่าเล็กน้อย “แม่นางเจียงไม่ต้องห่วงเลย คุณชายเจียงกับแม่นางตัวน้อยถูกพาตัวไปยังที่ปลอดภัยแล้วขอรับ”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อ้อ เจ้าหมายความว่าบ้านหลังนั้นไม่ปลอดภัยอย่างนั้นสิ ถึงได้ต้องพาไปอยู่ที่อื่น”

คนบังคับรถม้าที่ถูกเจียงป่าวชิงจับคำสำคัญได้นึกอยากตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักที นี่เขาพูดอะไรออกไป เขาถูกต้อนจนจนมุม

ณ ตอนนั้น นายท่านที่ไม่ค่อยชอบพูดมาตลอดกลับกำชับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเห็นแม่นางเจียงมีท่าทีอ่อนโยนแบบนั้นแต่นางดื้อรั้นมาก เขาต้องห้ามให้นางรู้เด็ดขาดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ ถ้านางนางกลับไปโดยพลการ ก็ให้เขาตัดหัวตัวเองกลับไปได้เลย

เจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักพัก

คนบังคับรถม้าเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่มีทางเลือกและไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาเตรียมการในใจไว้แล้ว ถ้าหากว่าต้องมัด เขาก็จะจับแม่นางเจียงมัดไว้บนรถ

แต่สิ่งที่ทำให้คนบังคับรถม้าคิดไม่ถึงคือเจียงป่าวชิงกลับเข้าไปในรถม้าด้วยตัวเอง นางมุดเข้าไปในตัวรถพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “รบกวนเจ้าช่วยพาข้าไปหาพี่ชายของข้าหน่อย”

คนบังคับรถม้าเหงื่อตก แต่เขารีบขานรับ “ขะ… ขอรับ”

สถานที่ที่เจียงหยุนชานกับเสี่ยวฟ๋านฟ๋านได้ไปพักตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ ใกล้กับที่ว่าการอำเภอ

เจียงหยุนชานเองก็เฉลียวฉลาดเช่นกัน ตั้งแต่ตอนบ่ายที่กงจี้สั่งให้คนมาพาตัวเขากับฟ๋านฟ๋านมาที่นี่ เขาก็สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่างได้อย่างราง ๆ แล้ว

ตอนนี้เมื่อเห็นเจียงป่าวชิง เขารู้สึกโล่งใจเป็นธรรมดา ถึงแม้จะรู้ว่ากงจี้เตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว และกงจี้ไม่มีทางไม่จัดหาที่พักให้เจียงป่าวชิง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นน้องสาวยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสภาพปลอดภัยดี หัวใจของคนเป็นพี่ถึงผ่อนคลายลง

ทว่าสีหน้าเจียงป่าวชิงกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก

ตอนนี้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านยังหลับอยู่ เจียงหยุนชานปิดประตูกับหน้าต่างพลางหันมองน้องสาวที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหนักใจ

“ป่าวชิง นี่เจ้าเป็นอะไร ?” เขาเอ่ยถามนางอย่างเป็นกังวล

เจียงป่าวชิงส่ายหน้า นางไม่อยากให้เจียงหยุนชานต้องเป็นกังวลจึงพูดขึ้น “ข้ากำลังคิดว่าไม่รู้ว่าทางฝั่งของกงจี้จะเป็นยังไงบ้าง”

ก่อนหน้านี้เจียงหยุนชานเองก็เคยคิดถึงคำถามนี้เช่นกัน เขาถอนหายใจ “เฮ้อ… คุณชายกงเป็นคนดี ทำไมชะตาชีวิตของเขาถึงได้โหดร้ายกับเขาแบบนี้นะ”

แม่สาวเข็มเงิน

แม่สาวเข็มเงิน

Status: Ongoing
–เจียงป่าวชิง– ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบห้าแห่งตระกูลเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝังเข็ม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทว่าแทนที่จะได้ไปฟังคำพิพากษาในยมโลก แต่โชคชะตากลับพัดพาให้วิญญาณของเธอไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวปัญญาอ่อนในชนบทแสนห่างไกล ไกลแสนไกลเสียจนความเจริญ ความศิวิไลซ์ กระทั่งความรู้ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท….นิสัยเลวทรามสะเทือนขวัญของผู้คน…. ญาติพี่น้องร่วมตระกูลที่เห็นแก่ตัวและหวังแต่ผลประโยชน์ เด็กสาวอ่อนแอและพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวจะรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากถูกรายล้อมด้วยฝูงหมาป่าแสนชั่วร้ายได้อย่างไร?หมาป่าที่จ้องมองด้วยสายตาหิวกระหาย เตรียมพร้อมฉีกทึ้งเนื้อหนัง ขย่ำเหยื่อตัวน้อย ๆอย่างพวกนางลงท้องทุกเวลา นางจะเปลี่ยนคมมีดให้เป็นเข็ม และใช้ปลายเข็มที่มีกระหน่ำแทง จนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกแสนบิดเบี้ยวใบนี้กลับกลายเป็นสิ่งวิจิตรตระการตา “……แต่ว่า คุณชายที่ป่วยคนนั้นน่ะ มาทางนี้ก่อนสิเจ้าคะ ข้าว่า…เรามาสะสางบัญชีที่ติดค้างไว้กันก่อนดีกว่า ! ……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset