วันต่อมา หลังจากที่ฝุ่นจางลงโดยสิ้นเชิงแล้ว กงจี้ส่งคนมาเชิญเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานให้กลับไปได้
ตอนที่เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานกลับมาถึงบ้านหลังเดิม หากมองตัวบ้านอย่างเดียวจะไม่เห็นถึงความน่าระแคะระคายอะไร
เจียงป่าวชิงเงียบมาตลอดทาง ส่วนเจียงหยุนชาน เขาพูดคุยกับกงจี้สองสามประโยค แต่เนื่องจากเสี่ยวฟ๋านฟ๋านสัปหงกแล้ว เจียงหยุนชานจึงตั้งใจจะพาเสี่ยวฟ๋านฟ๋านกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
ก่อนไป เจียงป่าวชิงโบกมือให้พี่ชายพร้อมส่งยิ้มให้เขาจาง ๆ “พี่พาฟ๋านฟ๋านกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะวัดชีพจรให้คุณชายกงสักครู่เจ้าค่ะ”
เจียงหยุนชานไม่สงสัยอะไร เขาพยักหน้าเป็นการบอกลากงจี้อย่างมีมารยาท แล้วอุ้มเสี่ยวฟ๋านฟ๋านจากไป
เมื่อเจียงหยุนชานออกไปจากบ้าน รอยยิ้มของเจียงป่าวชิงพลันจางลง ตอนที่นางหันไปมองกงจี้ ใบหน้าของนางก็ไม่หลงเหลืออารมณ์ใด ๆ แล้ว
เจียงป่าวชิงไม่ได้ไปวัดชีพจรให้กงจี้เหมือนที่พูดเมื่อสักครู่ นางนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ห่างจากกงจี้เท่าไรนัก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสงบว่า “เอาล่ะคุณชายกง เจ้ากับข้า เรามาคุยกันเถอะ”
กงจี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาพูดขึ้นนิ่ง ๆ “คุยอะไรล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงมองกงจี้ “คิด ๆ ดูแล้วเมื่อคืนคุณชายกงคงจะออกแบบละครฉากสำคัญขึ้นมาเลยล่ะสิ แล้วตอนนี้เจ้าก็คงกำจัดความทุกข์ในใจทิ้งไปได้แล้ว”
กงจี้ไม่แปลกใจที่เจียงป่าวชิงเดาได้ เขาไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงส่งเสียงหัวเราะเท่านั้น “เหอะ ๆ ก็แค่พวกโจร ไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ในใจอะไรหนิ”
เจียงป่าวชิงปรบมือสองครั้งด้วยสีหน้าราบเรียบ “ใช่ซี่ คุณชายกงสติปัญญาดีมาก แผนการและอุบายก็ดี คราวที่แล้วเห็นได้ชัดว่ามีหนอนบ่อนไส้ทำให้พวกศัตรูตามมาถูกที่ หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ระงับซะอย่างนั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบใด ๆ แบบนี้ ไม่แน่ฝ่ายนั้นอาจจะยังแอบปล่อยข้อมูลออกไปลับหลังก็ได้ และใช้ร่างกายเป็นเหยื่อล่อเพื่อดึงดูดกำลังที่เหลืออยู่ของพวกนักฆ่าที่จะมาลอบสังหารเจ้าเมื่อครั้งที่แล้ว… ในกรณีที่ลอบสังหารไม่สำเร็จในครั้งเดียว คนที่อยู่เบื้องหลังนักฆ่าเหล่านั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักและสูญเสียกำลังคนมากมาย ข้ามาคิด ๆ ดูแล้วฝ่ายนั้นคงเลื่อนเวลาออกไปก่อนแล้วถึงค่อยวางแผนอีกครา นั่นก็หมายความว่าถ้าคาดสถานการณ์ตามหลักเหตุการณ์ ช่วงนี้คุณชายกงคงจะปลอดภัยมาก พวกนักฆ่าพวกมือสังหารเหล่านั้นน่ะ คงคิดว่าคุณชายกงจะคิดเช่นนี้ หรือไม่ก็คุณชายกงเผยแพร่ข่าวเท็จเพื่อทำให้พวกเขาคิดเช่นนี้ ดังนั้น นักฆ่าจึงคิดว่าคุณชายกงไม่ได้มีการเตรียมป้องกันอะไรจึงมาโจมตีอีกครั้งเมื่อคืน แต่กลับถูกคุณชายกงที่เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ปิดประตูตีแมว”
เมื่อสักครู่ ตอนที่เจียงป่าวชิงเข้ามาในบ้านนางก็เห็นแล้วว่าถึงแม้แผ่นหินตรงทางเดินเล็ก ๆ นี้จะถูกทำความสะอาดแล้วเรียบร้อย แต่คราบเลือดที่เปื้อนอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ด้านข้างกลับไม่สามารถปกปิดเอาไว้ให้แนบเนียนได้
เห็นทีว่าคงจะมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นเมื่อคืนจริง ๆ
กงจี้มองเจียงป่าวชิง เขาไม่ได้รับคำเจียงป่าวชิง แต่จู่ ๆ กลับขมวดคิ้วเอ่ยถามนาง “เจ้ากำลังเสียใจรึ ?”
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะในลำคอพลางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที “คุณชายกง โปรดช่วยบอกข้าหน่อยว่าทำไมข้าถึงต้องดีใจด้วย ? เป็นเพราะคุณชายกงให้ความสำคัญกับเราสามพี่น้องและส่งเราไปยังสถานที่ปลอดภัยก่อนที่จะสู้รบกัน หรือดีใจที่คุณชายกงดูแลเราสามพี่น้องเพื่อทำให้การตื่นตัวของศัตรูกลายเป็นความสะเพร่า และให้เราสามพี่น้องมาอำพรางทิศทางการเคลื่อนไหวของเจ้าแทนล่ะ ?”
เห็นได้ชัดว่าเจียงป่าวชิงโกรธอยู่หน่อย ๆ นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
ถ้าหากว่าครั้งที่แล้วเจียงหยุนชานกับเสี่ยวฟ๋านฟ๋านตกอยู่ในอันตรายเพราะกงจี้ เจียงป่าวชิงจะไม่โทษเขาเลย เพราะถึงอย่างไรนักฆ่าก็โหดเหี้ยมเกินไปที่ก่อกบฏสร้างความวุ่นวายอย่างกะทันหันแบบนั้น อีกอย่าง กงจี้เองก็เป็นผู้เคราะห์ร้าย แต่ครั้งนี้ ถ้าหากว่ากงจี้ทำเหมือนว่าพวกเขาสามพี่น้องเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเขาในการสร้างความสับสนให้กับศัตรู เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขาทำให้พวกเขาสามพี่น้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย แล้วแบบนี้ เจียงป่าวชิงจะไม่โกรธได้อย่างไร ?
แต่สิ่งที่เจียงป่าวชิงโกรธที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องพวกนี้
สิ่งที่โกรธที่สุดคือนางไม่เคยรู้อะไรเลยตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ทำได้เพียงเป็นฝ่ายยอมรับผลสุดท้ายตลอด
แล้วถ้าหากว่ากงจี้แพ้แล้วตายขึ้นมาล่ะ ? นางจะทำยังไงได้
นางต้องเป็นฝ่ายยอมรับเหมือนเดิมหรือยังไง ?
สีหน้าของกงจี้แย่ลงเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก แต่เขาทำเพียงมองเจียงป่าวชิงอย่างเย็นชาโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ในใจของเจียงป่าวชิงทุกข์ร้อนเช่นกัน มันเจ็บ… มันบีบอัด… เหมือนกับมีคนกำหัวใจของนางอยู่อย่างไรอย่างนั้น
สำหรับกงจี้แล้ว นางเป็นแค่เครื่องมือในการใช้หาประโยชน์แค่นั้นใช่ไหม ?
ขณะนี้ กงจี้กลับส่งเสียงหัวเราะอย่างกะทันหัน เขาพูดขึ้น “แล้วแต่เลยว่าเจ้าจะพูดอะไร”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะบ้าง “ใช่สิ ถึงยังไงตอนนี้ฝุ่นก็จางลงแล้ว และคุณชายกงเป็นผู้ชนะ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับคำพูดของคนอื่น กำจัดความยุ่งยากได้ก็ดีกว่าสิ่งอื่นใดอยู่แล้วหนิ ถึงยังไงคนอย่างพวกข้าสามพี่น้องให้คุณชายกงใช้ประโยชน์สักหน่อยก็คงไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมล่ะ แค่รอผลสุดท้ายว่าจะตายหรือมีชีวิตรอดเท่านั้น นอกนั้นพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์”
ครั้งนี้กงจี้โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้วจริง ๆ เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าไปหาเจียงป่าวชิงแล้วกระชากแขนนางมายังข้าง ๆ ตัว
เจียงป่าวชิงผงะไปแต่กงจี้ไม่เปิดโอกาสให้นางขัดขืนอะไรทั้งนั้น เขากดนางลงไปบนพื้นที่ยกสูงโดยตรง แขนทั้งสองข้างของเขาค้ำอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างของเจียงป่าวชิง
สายตาเยียบเย็นมองเจียงป่าวชิงจากข้างบน กงจี้พูดอย่างเย็นชา “เจียงป่าวชิง ข้าอยากควักหัวใจของเจ้าออกมาจริง ๆ ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าใจไม้ไส้ระกำจริง ๆ หรือเปล่า!”
เจียงป่าวชิงถูกกงจี้กดอัดอยู่จนร่างของนางแข็งทื่อ นางอ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
กงจี้มองเจียงป่าวชิงจากข้างบน “เจ้าพูดอีกสิ ข้าจะดูว่าในปากเล็ก ๆ ของเจ้าจะสามารถคายคำพูดตำหนิได้สักแค่ไหน”
กงจี้จ้องริมฝีปากของเจียงป่าวชิงอย่างมุ่งร้าย ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าถ้าหากเด็กสาวคนนี้ยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีและพูดอะไรที่ทำให้เขาโกรธอีก เขาจะปิดปากนางซะ
กงจี้… เขากำลังทำอะไร ?!
ในหัวของเจียงป่าวชิงที่ถูกกดอัดอยู่กำลังตีกันยุ่งเหยิง ผ่านไปสักครู่ นางถึงจะพูดออกมาแต่ก็ติดอ่างเต็มที “คะ… คุณ… คุณชายปล่อยข้านะ”
“ปละ… ปล่อยข้า” น้ำเสียงนางค่อย ๆ อ่อนลงราวกับกำลังขอความเมตตาอย่างไรอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงที่ดื้อรั้นและไม่ยอมแพ้กลับไม่กล้าสบตากงจี้เสียอย่างนั้น
กงจี้หัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าว่าตอนนี้เจ้าซื่อตรงมาก ปล่อยเจ้าอย่างนั้นรึ ? ถ้าข้าปล่อยเจ้าก็พูดอะไรที่ทำให้ข้าโมโหอีกน่ะสิ ข้าไปใช้ประโยชน์พวกเจ้าสามพี่น้องตอนไหน ? เจ้าเห็นข้าเป็นคนยังไง ?!!! คนที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อบรรลุจุดประสงค์ตัวเองอย่างนั้นสิ! เจียงป่าวชิงหนอเจียงป่าวชิง บางครั้งข้าก็อยากฉีกเนื้อเจ้าและกินลงท้องให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงตาแดงอย่างกะทันหัน นางกัดริมฝีปากล่าง ถลึงตาใส่กงจี้ “นี่เจ้ายังจะมาน้อยใจอีก ข้าต่างหากที่ต้องน้อยใจ อะไร ๆ ก็ปิดบัง อะไร ๆ ก็ไม่บอกข้าไปหมดซะทุกอย่าง ถ้าหากว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าก็ว่าไปอย่าง แต่เรื่องนี้เราสามพี่น้องถูกเกี่ยวโยงเข้าไปแล้ว เราก็ควรมีสิทธิ์รู้อะไรบ้างสิ แต่ดูที่เจ้าทำ เจ้าแค่สั่งให้องครักษ์พาเราไปส่งยังที่ปลอดภัย เหอะ! ข้านอนไม่หลับตลอดทั้งคืนก็เพราะเป็นห่วงเจ้า… แต่ดูเจ้าสิ…”
เจียงป่าวชิงยังพูดไม่ทันจบ กงจี้ก็กดจูบลงมาอย่างแรง เขาปิดปากนางทั้งอย่างนั้น
ในใจของเจียงป่าวชิงเหมือนมีค้อนมาทุบ แต่ก็เหมือนมีใครจุดพลุขึ้นฟ้าอยู่ในหัวของนาง
ริมฝีปากของกงจี้เย็นเล็กน้อย เช่นเดียวกับเขาที่มีความเย็นชาแฝงเล็กน้อยอยู่เสมอเช่นกัน ทว่า… จูบของเขากลับแผดเผาราวกับบุกโจมตีเมืองปล้นแผ่นดิน เขาทุ่มทั้งหมดที่มีเพื่อปราบฝีปากของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงถูกรุกจูบหนักจนหายใจไม่ทัน นางทำได้เพียงเป็นฝ่ายถูกกระทำและแบกรับการปล้นชิงของกงจี้
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน กงจี้ถึงจะยืดตัวขึ้นจากบนร่างเล็กของเจียงป่าวชิง เขาค้ำยันร่างกายตัวเองและมองเจียงป่าวชิงที่เพิ่งถูกเขารุกมอบจุมพิตอันหนักหน่วงนิ่ง ๆ