แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 235 ดี

กงจี้มองท่าทีเย็นชาไร้ความปราณีของเจียงป่าวชิง เขาที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดจะขยับเข้าไปหานางอย่างไร้ยางอายได้อย่างไร ?

กงจี้ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “เหอะ ๆ ที่แท้ก็เป็นข้าที่คิดไปเองคนเดียว”

คนเย่อหยิ่งกลับพูดคำพูดที่คล้ายกับการลดค่าในตัวเองแบบนี้ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่เขาแทงตัวเองจนเลือดหยดลงเลอะพื้น เขาลุกขึ้นพลางมองเจียงป่าวชิงอย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่านางยังคงหลับตาโดยไม่ยอมมองเขา หัวใจของเขาก็เจ็บแปลบเสมือนถูกนางใช้มีดแทงอย่างโหดเหี้ยมหลายครั้ง

กงจี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นสนิมในปากของตัวเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นเลือดที่เกิดจากการกัดฟัน

ดี! ดีจริง ๆ!

กงจี้จากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก และปิดประตูอย่างแรง

ข้างนอกมีฝนตกปรอย ๆ กงจี้มองเม็ดฝนอย่างเศร้าสร้อยพลางโยนล้มทิ้ง เขายืนเปียกฝนนิ่ง ๆ มือกำแน่นราวกับอัดอั้นอยากระบายอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็ฟันต้นทับทิมที่ออกผลมากมายในลานบ้าน

ต้นทับทิมหักทันที

กงจี้มองต้นทับทิมที่ถูกฟันจนหักอย่างเย็นชา

ตอนที่เจียงป่าวชิงเพิ่งเข้ามาพักที่นี่ นางชี้ผลทับทิมผลใหญ่ที่สุดบนต้นทับทิมต้นนี้ แล้วพูดกับเขาอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าเมื่อผลทับทิมสุก ขาของเขาก็คงเกือบหายเป็นปกติแล้ว และด้วยฝีมือของเขา เขาต้องเก็บผลทับทิมลูกใหญ่ที่สุดที่อยู่บนยอดให้นางได้อย่างแน่นอน

ตอนนั้นกงจี้ยังพูดกับนางอย่างดูถูกอยู่เลยว่าแค่ผลทับทิมผลเดียว เขานั่งอยู่บนรถเข็นก็สามารถเอามันลงมาให้นางได้ด้วยการขว้างมีดแล้ว

และตอนนั้น… เจียงป่าวชิงยังถลึงตาใส่เขาอย่างหมดคำจะพูดอยู่เลย

“…”

‘ไม่ ห้ามนึกย้อนกลับไป!’ เขาครุ่นคิดในใจพลางหลับตาลง ตอนนี้เขารู้สึกปวดร้าวใจมากจริง ๆ

……

ตกกลางคืน หมอชีนำกล่องยามา เขาจับชีพจรให้กงจี้เป็นกิจวัตรประจำวัน ทว่าเมื่อจับสภาพชีพจรได้ หมอชีก็ตกใจหน้าถอดสีทันที “นายท่าน นายท่านไปทำอะไรมาขอรับนี่ ?”

กงจี้มองหมอชีด้วยสายตาเย็นชาทว่าสีหน้าราบเรียบ

หมอชีหน้านิ่วคิ้วขมวด “เดิมทีสภาพชีพจรของนายท่านคงที่มาก การฟื้นตัวของขาก็เสถียรมากเช่นกัน แต่นี่อะไรกัน เพียงวันเดียวผลลัพธ์ของช่วงเวลานี้เหมือนจะพังทลายลง

กงจี้เก็บมือกลับมา ท่าทีของเขาแลดูไม่แยแส ราวกับที่หมอชีพูดนั้นไม่ใช่เรื่องขาของเขา

หมอชีคุ้นชินกับกงจี้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายแล้ว และเขาไม่รู้สึกว่าท่าทางของกงจี้ผิดปกติจึงบ่นอย่างไม่หยุดหย่อน “โธ่! นายท่านขอรับ นายท่านอย่าหาว่าข้าพูดมากเลยนะ แต่นายท่านก่อเรื่องตามอำเภอใจเกินไปจริง ๆ ขาของนายท่านกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฟื้นตัว แต่นายท่านกลับไม่สนใจขาของตัวเองและทำร้ายตัวเองแบบนี้ มันไม่คุ้มกันเลยนะขอรับ”

กงจี้มองหมอชีอย่างเย็นชาเช่นเดิม

หมอชีเริ่มตัวสั่นตัวสั่นแล้ว เขาจำต้องคุกเข่าลงไปด้วยใบหน้าขมขื่น “นายท่าน ตอนนั้นข้าน้อยไร้ความสามารถทางด้านทักษะการรักษาโรคจึงไม่สามารถกำจัดพิษในร่างกายนายท่านได้ จนมันเกิดการสะสมอยู่ที่ขา และนี่เป็นความอัปยศของข้าน้อยตลอดครึ่งชีวิต แต่ตอนนี้ขาของนายท่านอาการดีขึ้นมาก เรามีความหวังอย่างเห็นได้ชัดเพราะใกล้รักษาหายเป็นปกติแล้ว ถ้าหายแล้ว นายท่านสามารถกลับไปยังที่ที่เสียใจได้อีกครั้ง จะได้นำทุกสิ่งที่ควรเป็นของนายท่านกลับคืนมา… ที่นายท่านละเลยร่างกายของตัวเองเช่นนี้ หรือว่านายท่านลืมเรื่องราวในอดีตไปแล้วขอรับ ? ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ต่อให้นายท่านท้อใจและไม่อยากไปแย่งชิงแล้ว แต่คนพวกนั้นจะยอมปล่อยนายท่านไปหรือขอรับ ? การลอบสังหารที่เป็นเหมือนแผลพุพองมานานหลายปีนั้นยังยืนยันอะไรไม่ได้อีกหรือ ?”

กงจี้กำสองมือแน่น เขาหลับตา สูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง

ผ่านไปสักครู่เขาถึงจะพูดขึ้น “หมอชี ลุกขึ้นเถอะ”

องครักษ์คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างช่วยประคองหมอชีลุกขึ้นมา

หมอชีทุบเอวตัวเองและอดไม่ได้ที่จะบ่นเสียงเบา “ตอนนี้ขาของนายท่านคงเกิดอาการเจ็บเข้ากระดูกแล้วใช่ไหมขอรับ ? ข้าน้อยจะให้ยาบรรเทาอาการปวด และโปรดอย่าทนเหมือนแม่นางเจียงที่ป่วยโดยไม่บอกสักคำเลย… ถ้าหากข้าน้อยไม่ได้ไปเยี่ยมนางเมื่อตอนบ่าย ก็ไม่รู้ว่านางป่วยหนักขนาดนั้น”

กงจี้ได้ยินชื่อเจียงป่าวชิงอย่างกะทันหัน แม้เขาจะตัดสินใจแล้ว แต่ในใจของเขายังคงเจ็บเหมือนถูกเข็มแทงไม่เลิกรา

ความเจ็บปวดนี้เขาทนได้ แต่เขายังคงรู้สึกทรมานมาก

กงจี้พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดในใจก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “นางเป็นอะไร ?”

หมอชีขมวดคิ้ว “แม่นางเจียงน่ะ จริง ๆ แล้วสภาพชีพจรของร่างกายนางแปลกประหลาดเล็กน้อย เมื่อก่อนพื้นฐานร่างกายของนางคงจะอ่อนแอมาก แต่นางคงค่อย ๆ บำรุงตัวเองและค่อย ๆ ซ่อมแซมร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเป็นปกติ แต่ข้าดูก็รู้ว่าเมื่อก่อนร่างกายของนางอ่อนแอมาก แม้จะบำรุงอย่างถูกต้องขนาดไหนก็ยังมีอันตรายซ่อนอยู่ ข้าน้อยดูสภาพชีพจรของแม่นางเจียงแล้วคิดว่าโรคไข้หวัดในครั้งนี้อันตรายมากขอรับ”

กงจี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ทักษะการรักษาโรคของนางล้ำเลิศ คิดว่าสิ่งนี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง ถ้าหากว่านางต้องการเครื่องปรุงยาหรือสมุนไพรอะไร ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เจ้าต้องรวบรวมมาให้นางให้ได้เข้าใจไหม ?”

หมอชีประสานมือทำความเคารพกงจี้ “ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ”

หมอชีเขียนใบรายการยาสำหรับกงจี้เสร็จ เขาก็กำลังจะไปหยิบยาด้วยตัวเอง แต่กลับได้ยินกงจี้เรียกเขาจากทางด้านหลัง

หมอชีหมุนตัวกลับมาถามอย่างสงสัย “นายท่านยังมีธุระอะไรอีกหรือเปล่าขอรับ ?”

“เจ้าอย่าลืมรายงานอาการไข้ของนางให้ข้าทราบตรงเวลาด้วย” คำพูดประโยคนี้ กงจี้พูดออกมาอย่างยากลำบากมาก

หมอชีคิดในใจว่าเมื่อก่อนเขาเคยเห็นนายท่านกับแม่นางเจียงสนิทสนมกันดี แต่ทำไมวันนี้พวกเขาสองคนถึงดูแปลกไป ?

แต่ไม่ว่าจะแปลกอย่างไร เขาที่เป็นหมอทุ่มเทให้กับการศึกษาความรู้เรื่องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมายาวนาน ก็ไม่รู้จะพูดปลอบใจพวกเขาอย่างไรดี จึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับด้วยความงุนงง

แต่หมอชียังไม่ทันได้หมุนตัวเดินออกไปด้านนอกก็เห็นกงจี้ทำสีหน้าคร่ำครึ ซึ่งไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่จากนั้นเขาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อนางอยากขีดเส้นที่ชัดเจนกับข้า ทำไมข้าจะต้องทำเช่นนี้ด้วย เจ้าไม่ต้องมารายงานให้ข้าทราบแล้ว เจ้าแค่จัดยาให้นางก็พอ”

“ขอรับ” หมอชีทำความเคารพแต่ยังไม่ได้ออกไป เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมสักครู่ นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าอีกประเดี๋ยวกงจี้จะเปลี่ยนความคิดแล้วเรียกเขาเพื่อสั่งอะไรเพิ่ม

เพราะถึงอย่างไร การที่นายท่านของพวกเขามีนิสัยคุ้มดีคุ้มร้ายก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนกงจี้จะเด็ดเดี่ยว เขาไม่ได้พูดอะไรอีก

หมอชีรออยู่สักครู่ เมื่อเห็นว่านายท่านไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มถึงเตรียมใบรายการยาบรรเทาอาการปวดไปหยิบยาที่ห้องยา

กงจี้ยังคงนั่งทำหน้าตาเย็นชา ไม่ได้ขยับไปไหนสักพักใหญ่จนองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างอดเป็นห่วงนายท่านของเขาไม่ได้ แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ครุ่นคิดในใจว่าถ้าองครักษ์ไป๋จีอยู่ที่นี่ก็คงจะดี

……

เจียงป่าวชิงดื่มยาจนหมด สีหน้านางในการดื่มยาครั้งนี้ราบเรียบเป็นพิเศษ นางไม่บ่นว่าขมเลยสักคำ

เจียงป่าวชิงทำตัวเชื่อฟังแบบนี้ เจียงหยุนชานกลับยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ เขากระสับกระส่ายเล็กน้อยขณะที่เลื่อนถ้วยผลไม้เชื่อมไปตรงหน้าเจียงป่าวชิง “ป่าวชิง เจ้ากินผลไม้เชื่อมนี่สักชิ้นสิ”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า มือเล็กหยิบผลไม้เชื่อมเข้าปากหนึ่งชิ้น ทว่าพฤติกรรมนี้ยิ่งทำให้เจียงหยุนชานรู้สึกว่าน้องสาวผิดปกติไปจริง ๆ

นางนิ่งเกินไป…

เจียงหยุนชานรู้สึกไม่สบายใจมาก

เจียงป่าวชิงนอนอยู่บนเตียงเงียบ ๆ สักครู่ นางมองเพดานข้างบนแล้วพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “พี่ คิด ๆ ดูแล้วบ้านใหม่คงใกล้สร้างเสร็จแล้ว วันพรุ่งถ้าฝนไม่ตกพี่กลับไปดูสักหน่อยสิ ถ้าหากว่าบ้านเสร็จแล้ว เราจะได้ย้ายเข้าไปในเร็ววัน”

เจียงหยุนชานเข้าใจได้ในทันที น้องสาวของเขาคงคิดถึงบ้าน ใช่ไหม ?

เขาตอบรับอย่างเต็มคำ “ได้ วันพรุ่งข้าจะกลับไปดู เจ้ารักษาตัวให้ดีนะ”

เจียงป่าวชิงเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นจาง ๆ

แม่สาวเข็มเงิน

แม่สาวเข็มเงิน

Status: Ongoing
–เจียงป่าวชิง– ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบห้าแห่งตระกูลเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝังเข็ม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทว่าแทนที่จะได้ไปฟังคำพิพากษาในยมโลก แต่โชคชะตากลับพัดพาให้วิญญาณของเธอไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวปัญญาอ่อนในชนบทแสนห่างไกล ไกลแสนไกลเสียจนความเจริญ ความศิวิไลซ์ กระทั่งความรู้ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท….นิสัยเลวทรามสะเทือนขวัญของผู้คน…. ญาติพี่น้องร่วมตระกูลที่เห็นแก่ตัวและหวังแต่ผลประโยชน์ เด็กสาวอ่อนแอและพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวจะรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากถูกรายล้อมด้วยฝูงหมาป่าแสนชั่วร้ายได้อย่างไร?หมาป่าที่จ้องมองด้วยสายตาหิวกระหาย เตรียมพร้อมฉีกทึ้งเนื้อหนัง ขย่ำเหยื่อตัวน้อย ๆอย่างพวกนางลงท้องทุกเวลา นางจะเปลี่ยนคมมีดให้เป็นเข็ม และใช้ปลายเข็มที่มีกระหน่ำแทง จนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกแสนบิดเบี้ยวใบนี้กลับกลายเป็นสิ่งวิจิตรตระการตา “……แต่ว่า คุณชายที่ป่วยคนนั้นน่ะ มาทางนี้ก่อนสิเจ้าคะ ข้าว่า…เรามาสะสางบัญชีที่ติดค้างไว้กันก่อนดีกว่า ! ……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset