เจียงป่าวชิงขี้เกียจเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือต่อคนขี้เมา “จิ้นหนิว เจ้าน่ะนิดหน่อยก็พอแล้ว ถ้าดื่มเยอะแล้วเมาก็ไปพักซะ”
ครั้งนี้จิ้นหนิวดื่มเข้าไปมากจริง ๆ เขาเมาแล้วบ้า ซ้ำยังมาวุ่นวายกับเจียงป่าวชิงด้วย เขาอ้าปากพูดอย่างไม่ค่อยชัดเจนว่า “ไม่ได้ หมอเจียง วันนี้เจ้าต้องดื่มเหล้าถ้วยนี้ ไม่อย่างนั้นข้าถือว่าเจ้าดูถูกข้า!”
พูดเสร็จเขาก็ยื่นจอกเหล้ามาตรงหน้าเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงหลีกไปข้างหลังเล็กน้อย ขมวดคิ้วกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับมีมือยื่นออกมาจากด้านข้าง แย่งจอกเหล้าจากมือจิ้นหนิวไปก่อน “อยู่ดี ๆ จะบ้าคลั่งทำไม เหล้าจอกนี้ข้าดื่มเอง!”
จิ้นเทียนหยู่นั่นเอง เขาดื่มเหล้าจนหมดจอกในรวดเดียว
จิ้นหนิวตกตะลึง แต่แล้วก็รีบปรบมือชอบใจ “หัวหน้าสามช่างใจกว้างจริง ๆ ท่านดื่มเก่งมากด้วยขอรับ!”
จิ้นหนิวเดินโซเซ เขาเลิกตื๊อเจียงป่าวชิงและไปหาคนแข่งดื่มเหล้าคนอื่น ๆ ต่อ
เจียงป่าวชิงกำลังจะเอ่ยขอบคุณจิ้นเทียนหยู่ ก็เห็นว่าเขาหน้าแดงผิดปกติ คงดื่มเข้าไปมากจึงมีความมึนเมาปรากฏให้เห็นเช่นนี้
โจรในหมู่บ้านหมักเหล้าเป็นซะที่ไหนกัน เหล้าบ๊วยนี้ทำมาจากเหล้าท้องถิ่นซึ่งแน่นอนมันมีฤทธิ์รุนแรงจากดอกบ๊วย แม้มีกลิ่นหอมของดอกบ๊วยแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเหล้านี้เป็นเหล้าที่มีฤทธิ์แรงและออกรสเผ็ดจัดจ้านทำให้รู้สึกเมาได้ง่าย
เหล้าฤทธิ์แรงเช่นนี้ หลังจากดื่มแล้วจะรู้สึกมึนเมาเป็นพิเศษ เมื่อสร่างแล้วบางคนอาจรู้สึกปวดศีรษะราวกับเพิ่งมีเรื่องชกต่อยอย่างหนักมาเลยก็ว่าได้
ทว่าคนในหมู่บ้านมักชอบรสชาติของเหล้าที่มีรสเผ็ดเจืออยู่นี้ เจียงป่าวชิงเคยพูดกับพวกเขาครั้งหนึ่งแล้วถึงเรื่องความแรงของมันแต่พวกเขากลับไม่สนใจ นางจึงล้มเลิกและปล่อยให้พวกเขารนหาที่ตายไป
เหอะ! อยากดื่มก็ดื่มกันไป คร้านจะสนใจแล้วเหมือนกัน
แล้วดูสิ จิ้นเทียนหยู่ดื่มแทนนางไปตั้งมากขนาดนี้ทั้งยังดื่มรวดเดียวหมดจอก แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว เขาจะต้องรู้สึกปวดศีรษะอย่างหนักแน่ ๆ เมื่อตื่นขึ้นมาในวันพรุ่ง
เจียงป่าวชิงถอนหายใจก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “หัวหน้าสาม ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ?”
ถึงแม้จิ้นเทียนหยู่จะรู้สึกเมาเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็ยังมีสติ ไม่อย่างนั้นคงไม่ดื่มเหล้าแทนเจียงป่าวชิงเช่นนี้ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นางสักครู่แล้วส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร เหล้าแค่นี้เอง จิ๊บจ๊อยน่า…”
พูดเสร็จ ท่าทางเขาก็เหมือนคนที่หลบหลีกอะไรบางอย่างทำนองนั้น มือหนาโบกไปมาและเดินจากไปท่วงท่าโซซัดโซเซ
เจียงป่าวชิงถอนหายใจพลางคิดว่าเดี๋ยวต้องกลับไปทำต้มสร่างเมาให้เขาสักหน่อยแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยนางไว้ คิดได้ดังนั้นก็เตรียมออกจากวงเหล้า แต่นางไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ดื่มหนักมาหานางอีกคน แล้วยังส่งเสียงโวยวายว่าต้องการจะแข่งดื่มกับนางด้วย
หัวคิ้วของเจียงป่าวชิงขมวดแน่นทันที นางอดกลั้นความหงุดหงิดและพูดขึ้นอย่างสงบ “ข้าดื่มไม่เป็นจริง ๆ แค่นิดเดียวข้าก็เมาแล้ว”
“ไอ้หน้าขาวไร้ประโยชน์เอ๊ย!”
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ดื่มหนักมากแล้ว ตอนนี้ทั้งตัวของเขาคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเจียงป่าวชิงโดยไม่สนใจเลยว่าใบหน้ากับเนื้อตัวจะเปื้อนอาหารหรือไม่ เอาแต่ตบโต๊ะส่งเสียงโวยวายอยู่อย่างนั้น
“ฮึ่ม! ข้าไม่เข้าใจว่าไอ้หน้าขาวตัวเล็กลมพัดปลิวอย่างเจ้ามีดีอะไรถึงทำให้ซิ่วผิงชอบเจ้าได้” พูดไปพูดมา ชายคนนั้นร้องไห้เสียใจซะอย่างนั้น “ซิ่วผิง เจ้าตาบอดรึ ไอ้หนุ่มป่าวชิงคนนี้ดื่มเหล้าไม่ได้มีดก็ถือไม่เป็น ไปปล้นชิงหาเงินก็ไม่ได้อีก ต่อไปถ้าเจ้าอยากได้เครื่องสำอางมาตกแต่งใบหน้าสักชิ้น ไม่แน่เขาก็อาจไม่มีเงินซื้อให้เจ้าด้วยซ้ำ เจ้าชอบเขาตรงไหนกันแน่!”
ขี้เมาเช่นนี้มีมาให้เห็นบ่อย เดิมทีงานเลี้ยงเหล้าจัดขึ้นเพื่อดื่มเหล้าให้สบายใจ ใครก็ไม่ต้องพะว้าพะวงอะไรใคร ตอนนี้ทุกคนต่างก็เมากันแล้ว บางคนกอดคอร้องเพลงด้วยกัน บางคนก็ร้องไห้พร้อมดื่มเหล้าไปด้วย ส่วนคนที่ดื่มเยอะแล้วมาหาเรื่องเช่นนี้ก็มีให้เห็นบ่อย พวกชอบหาเรื่องคนอื่นจึงไม่ได้ดูเด่นชัดมากในหมู่คนขี้เมา
แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจเขา
“หึ ๆ ข้าตัดสินใจแล้ว เพื่อซิ่วผิงของข้า ข้าจะสู้กับเจ้า!” ชายคนนั้นร้องไห้เสร็จก็ลุกขึ้น โซซัดโซเซกำลังจะเดินอ้อมวงเหล้ามาสู้กับเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงนวดขมับเอือมระอา นางกำลังคิดว่าจะแทงเขาด้วยเข็มเงินเป็นบทเรียนดีหรือไม่ดี แต่จิ้นเทียนหยู่กลับมาขวางอยู่ตรงหน้าและถีบขี้เมาคนนั้นจนกระเด็นไปเสียก่อน
ชายขี้เมาคนนั้นถูกถีบกระเด็นแต่เขาไม่ได้ตื่นตัวอะไรเลย ซ้ำร้ายยังสลบหลับอยู่บนพื้นทั้งอย่างนั้น
สภาพน่าสมเพชเช่นนี้ นี่เหล้ามันมีอะไรดีตรงไหนกัน
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่จิ้นเทียนหยู่ช่วยนาง เจียงป่าวชิงกำลังจะพูดขอบคุณเขา เขาก็ตีหน้าขรึมย่างสามขุมเข้ามาตะคอกนางเสียก่อน
“ข้าว่าเจ้ารีบกลับไปเถอะ ก่อเรื่องเก่งจริง ๆ เจ้าน่ะ”
“หืม?”
เจียงป่าวชิงงุนงงอย่างที่สุด นี่คนที่ก่อเรื่องเก่งคือนางอย่างนั้นรึ คนอย่างนางไปเป็นฝ่ายก่อเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าเรื่องมันเข้ามาหาเองหรอกรึ
เจียงป่าวชิงอยากถากถางเขากลับ แต่เมื่อเห็นจิ้นเทียนหยู่ขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่สบายตัว นางก็ยั้งปากไว้และถอนหายใจอย่างจนปัญญา เฮ้อ… ช่างเถอะ… ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยเอาไว้ตั้งสองครั้ง นางไม่ใช่คนประเภทที่ไม่รู้จักบุญคุณคนเสียหน่อย
เจียงป่าวชิงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด นางกำลังจะเดินจากไปแต่จิ้นเทียนหยู่รีบเดินมาขวางตรงหน้าอย่างรวดเร็วเสียก่อน เขาบดบังสายตาของนางราวกับเป็นกำแพง
ชายคนนี้จะทำอะไรอีกล่ะ
“เจ้าอย่ามองสิ!” จิ้นเทียนหยู่พูดขึ้นอย่างประหม่า
อะไรของเขา ?
เจียงป่าวชิงฉงนสงสัยมากจนเอียงศีรษะมองไปทางด้านหลังจิ้นเทียนหยู่อย่างไม่รู้ตัว ทว่านางยังมองไม่ทันชัดเจนก็ถูกจิ้นเทียนหยู่กระชากกลับมาด้วยท่าทีประหม่า เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “เจ้านี่นะ! ไอ้พวกนั้นมันโป๊ซะขนาดนั้นเจ้ายังจะมองพวกมันอีก… ทำไมไม่ระมัดระวังหน่อยเล่า!”
เจียงป่าวชิงอยากขำจริง ๆ
นางรู้แล้วว่าเห็นอะไร!
เมื่อสักครู่ถึงแม้ว่าจะมองไม่ชัด แต่ก็พอเห็นอยู่ว่าเป็นก้อนเนื้อวาบอยู่ต่อหน้าต่อตา นางสามารถจินตนาการได้ว่าพวกผู้ชายหยาบคายกลุ่มหนึ่งที่ดื่มเยอะเกินไปจนเกิดอาการร้อนใน คงถอดเสื้อผ้าออกและเปลือยกายเพื่อรับลมอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน
ไม่ใช่ว่าแค่ร่างกายเปล่าเปลือยหรอกรึ มองนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย เจียงป่าวชิงเบะปาก พูดแขวะในใจว่าตอนที่นางอยู่ในยุคปัจจุบัน ยามเมื่อรักษาคนไข้นางได้เห็นมากกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าอีก เอาเข้าจริงเห็นชัดเจนและลึกซึ้งมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
อีกอย่าง หัวหน้าซูก็อยู่ตรงนั้นด้วยไม่ใช่หริอไง ทำไมจิ้นเทียนหยู่กลับไม่ไปเคี่ยวเข็ญหัวหน้าซูว่า “ไม่ระมัดระวังหน่อยเล่า” ล่ะ ?!
“ยัง ยัง… เจ้ายังไม่รีบไปอีก” จิ้นเทียนหยู่ถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงด้วยท่าทางประมาณว่าถ้าเจ้ายังไม่รีบไปข้าจะลงไม้ลงมือไล่เจ้าแล้ว
ไม่มีเหตุผลที่จะคุยกับคนเมา เจียงป่าวชิงเองก็กลัวว่าผู้ชายหยาบคายอย่างจิ้นเทียนหยู่จะผลักนาง ไม่แน่ไหล่นางอาจใช้การไม่ได้อีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นมันจะอนาถมากเลยทีเดียว
“ไปก็ไป!” เจียงป่าวชิงถลึงตาใส่จิ้นเทียนหยู่แล้วเดินจากไปทันที
มีหลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ พวกเขาหัวเราะคิกคัก สุดท้ายข่าวที่ว่าหัวหน้าจิ้นไม่ถูกกับหมอเจียงก็แพร่หลายไปอย่างฮือฮาหลังจากวันนี้
ไม่นาน ข่าวที่ว่า “หมอเจียงน่าสงสารมาก ถูกหัวหน้าจิ้นขับไล่ออกจากงานเลี้ยงเหล้า” ก็ถูกพูดถึงแกมวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราว จิ้นเทียนหยู่ถูกเหล่าหญิงสาวหลายคนในหมู่บ้านกลอกตามองบนใส่ ทว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันทีหลัง
เจียงป่าวชิงถูกจิ้นเทียนหยู่ทั้งผลักทั้งตะเพิดเพื่อไล่ออกจากงานเลี้ยงเหล้า เดิมทีนางคิดจะทำต้มสร่างเมาให้เขา แต่กลับพบว่าสมุนไพรที่ใช้ทำต้มสร่างเมานั้นมีไม่เพียงพอ
สมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาทำให้สงบและผ่อนคลายชนิดที่ว่ามีไม่พอนี้ มีความสำคัญมากในต้มสร่างเมา เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ นางจำได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เติบโตอยู่ในหุบเขาใกล้หมู่บ้าน ถึงแม้ว่าลำต้นของมันจะสูงมาก ทว่าหากระมัดระวังก็สามารถเด็ดมันได้